หลังจากที่เจี่ยนหยู่หมินเสร็จจากการบันทึกการแสดงแล้ว เขาก็ได้รู้ว่าเจี่ยนหยู่เจี๋ยได้โทรศัพท์มาหาระหว่างการบันทึกการแสดง จึงรีบโทรกลับทันที
เจี่ยนหยู่เจี๋ยบอกเจี่ยนหยู่หมินเรื่องเจี่ยนอีหลิงไม่สบายเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง
เจี่ยนหยู่หมินรีบขอให้ผู้ช่วยให้ช่วยขับรถไปส่งเขาที่โรงพยาบาล
“พี่หยู่ เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่พี่พูดว่าพี่ต้องการจะกินบาร์บีคิวด้วยกันหลังจากเสร็จงานแล้วเหรอ”
สมาชิกวงจูปีเตอร์คนอื่นๆซึ่งไม่รู้สถานการณ์หยุดเขาไว้
“ฉันมีธุระ” เจี่ยนหยู่หมินรีบจะไปโรงพยาบาล
“ธุระอะไร” เมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพกระวนกระวายแบบนั้น เหล่าสมาชิกก็พากันถามด้วยความเป็นห่วง
“น้องสาวฉันป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ฉันกำลังจะไปเยี่ยมเธอ” เจี่ยนหยู่หมินไม่มีทางเลือกได้แต่บอกเหตุผล กลัวว่าคนพวกนี้จะยังไม่เลิกถ่วงเวลาเขา
หลังจากที่บอกแล้ว เจี่ยนหยู่หมินก็รีบหนีไปพร้อมกับผู้ช่วยของเขา
ทิ้งสมาชิกวงจูปีเตอร์ที่เหลืออีกสามคนไว้ตรงนั้น
จูปีเตอร์มีสมาชิกรวมทั้งหมดสี่คน
นอกจากเจี่ยนหยู่หมินแล้ว ก็ยังมีคนอื่นอีกสามคน
ทั้งสามคนพากันจับเข่าคุยเรื่องการครอบครองหญิงสาวส่วนตัวของเจี่ยนหยู่หมิน
“พวกนายคิดว่าพี่หยู่จะไปหาน้องสาวหรือไปหาแฟนสาว”
“ฉันกำลังคิดสงสัยอยู่ว่าเขามีความรักแบบไหนถึงรีบขนาดนี้”
“ฉันจะไปดูว่าสาวประเภทไหนที่ทำให้ผู้ชายเหล็กเถรตรงแบบพี่หยู่สยบลงได้ ฉันอยากรู้จริงๆ”
การที่เจี่ยนหยู่หมินรีบไปหาหญิงสาวนั้นพี่น้องเห็นได้อย่างชัดเจน
“หรือไม่ก็คราวหน้าเราไปดูกันว่าเธอเป็นน้องสาวจริงหรือว่าเป็นน้องสาวปลอม”
“นั่นเข้าท่า เอ… หรือว่าพวกเราไปดูกันเลยไหม น้องสาวของพี่หยู่อยู่ที่โรงพยาบาล พวกเราเป็นพี่น้องไม่ไปเยี่ยมย่อมไม่เข้าท่า ถูกไหม”
“ใช่ ใช่ ใช่ พวกเราให้ผู้ช่วยไปซื้อของเยี่ยม จากนั้นพวกเราก็โทรไปหาผู้ช่วยของพี่หยู่แล้วพวกเราก็จะรู้ว่าน้องสาวของพี่หยู่นั้นอยู่โรงพยาบาลไหน”
พวกเขาเฉียบแหลมจริงๆ
พี่ชายหยู่ต้องการซ่อนสาวนะเรอะ ไม่มีทาง
เจี่ยนหยู่หมินไม่รู้ว่าบรรดาพี่น้องตัวดีของเขากำลังคิดที่จะมาหาน้องสาวของเขา เมื่อตอนที่เขาแจ้นมาที่โรงพยาบาลนั้น เจี่ยนอีหลิงได้เปลี่ยนห้องผู้ป่วยใหม่แล้ว และเขาก็ไปผิดห้องเมื่อไปถึงครั้งแรก
เจี่ยนหยู่หมินไม่รู้ว่าเจี่ยนอีหลิงได้ออกจากโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่งแล้ว และตอนนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอกลับมารักษาตัว
หลังจากที่พบห้องผู้ป่วยใหม่ของเจี่ยนอีหลิงแล้ว เจี่ยนหยู่เจี๋ยก็รีบเข้าไป
เมื่อเห็นจ๋ายหวินเชิ่งที่ยังอยู่ข้างเตียง เจี่ยนหยู่หมินก็ขมวดคิ้ว
เจี่ยนหยู่หมินเดินไปที่เตียงและเบียดจ๋ายหวินเชิ่งออกไปอย่างเงียบๆ
“ทำไมเธอถึงน่าเกลียดอีกแล้ว” เจี่ยนหยู่หมินทำน้ำเสียงสะอิดสะเอียน
หน้าเธอมีสีเลือดขึ้นบ้างหลังจากได้ผ่านไปสองวัน แต่สุดท้ายมันก็กลับมาซีดอีกครั้ง
เจี่ยนอีหลิงมองดูเจี่ยนหยู่หมินที่ทำตัวแบบนั้น เธอไม่ได้ตอบ แต่เธอก็ไม่ได้โกรธ
ครั้งแรกที่เธอได้ยินเจี่ยนหยู่หมินพูด เธอได้เข้าใจผิดว่าเขาจงใจแกล้งเธอ
แต่ตอนนี่เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อตัวเธอ
เมื่อเผชิญกับสายตาของเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนหยู่หมินก็รู้สึกตัวว่าตนเองนั้นพูดอะไรผิดไปอีกแล้ว
“มันแค่น่าเกลียดเล็กน้อยตอนเธอป่วย ถ้าเธอกินให้มากขึ้นเธอก็จะกลับมาสวย”
สิ่งที่เจี่ยนหยู่หมินคิดอยู่ในใจของเขาก็คือเด็กหญิงตัวเล็กก็ควรจะอ้วนกว่านี้ ใบหน้าเล็กๆนี้ก็ควรจะนุ่มนวล ขาว อวบอ้วน สุขภาพดี จะดีกว่าผอม
“เอาสิ กินเนื้อ”
“อืม ดีมาก” เจี่ยนหยู่หมินพยักหน้าด้วยความพอใจ “ยังไงก็ตาม ตอนที่พี่โทรไปหาหยู่เจี๋ยก่อนหน้านี้ เขาว่าเขาเป็นต้นเหตุให้เธอป่วยอีกรอบ เจ้าโง่นั่นทำอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่เขาแต่เป็นฉัน”
เจี่ยนอีหลิงไม่มีแผนที่จะบอกเจี่ยนหยู่หมินเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งได้เกิดขึ้น
เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่ได้บอกเขา และเจี่ยนอีหลิงก็ไม่ต้องการที่จะบอกเขา