สายตาของเจี่ยนอีหลิงก็ไปอยู่ที่ลั่วซวินเช่นเดียวกัน
ชื่อของลั่วซวินนั้น สำหรับเจี่ยนอีหลิงแล้วไม่ใช่คนแปลกหน้า
ในช่วงปลายของงานต้นฉบับนั้น เขาอยู่กับเจี่ยนอีหลิง เป็นเพื่อนเจี่ยนอีหลิงในการ “ทำชั่ว”
เขาก็ยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเจี่ยนอีหลิงที่ได้เกิดความหวาดระแวงอยู่ในช่วงเวลานั้น
เขาได้พยายามหว่านล้อมเจี่ยนอีหลิงไม่ให้พัวพันกับฉินชวน ชักจูงเธอให้เลิกล้ม และพยายามที่จะปกป้องไม่ให้เธอกระทำความผิด แต่เจี่ยนอีหลิงก็ไม่ยอมฟัง
เมื่อเจี่ยนอีหลิงทำสิ่งโง่เขลาครั้งแล้วครั้งเล่า ลั่วซวินจึงตัดสินใจเลือกที่จะช่วยเจี่ยนอีหลิง เพราะว่าเขากลัวว่าจะเกิดการผิดแผน
จุดจบของลั่วซวินก็ไม่ได้ดีเลย ในภายหลังจูปีเตอร์ถูกยุบ สมาชิกทุกคนล้วนพากันหลบซ่อน
เจี่ยนหยู่หมินถูกบีบให้กลับบ้านและยอมรับการจัดการจากแม่ของเขา เหอเยี่ยน
และลั่วเซินนั้นกลายเป็นนักร้องในบาร์หลังจากที่สูญเสียอาชีพและความนิยม
บางครั้งเขาก็ถูกเย้ยหยันหลังจากที่ได้รู้ว่าเขาเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มไอดอล
ความแตกต่างก็คือตามหนังสือต้นฉบับแล้ว เจี่ยนอีหลิงจะได้พบกับเขาครั้งแรกเมื่อตอนที่เจี่ยนอีหลิงอายุได้ยี่สิบปี ไม่ใช่ตอนนี้
เพราะว่าตามหนังสือต้นฉบับนั้น เจี่ยนหยู่หมินกับเจี่ยนอีหลิงไม่มีเส้นทางชีวิตที่ซ้อนทับกัน
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้กลับไปที่บ้านเก่า และเจี่ยนหยู่หมินเองก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านเก่า และภาพของเจี่ยนหยู่หมินในสายตาของคนตระกูลเจี่ยนรวมถึงเจี่ยนอีหลิงเองก็ยังคงเป็นตัวตนที่เกลียดน้องสาวและชอบแกล้งเธอ
ควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ในเรื่องงาน เจี่ยนหยู่หมินมักจะตระเวนไปทั่วประเทศ และมีน้อยครั้งที่จะอยู่บ้าน ชีวิตของทั้งคู่จึงไม่ได้คาบเกี่ยวกันจนกระทั่งพวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่
โดยปกติแล้ว เจี่ยนอีหลิงจะไม่ได้ข้องแวะกับบรรดาพี่ชายทั้งหลายของเธอเป็นเวลาช้านาน
แต่ตอนนี้เพราะความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆมากมาย ความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนอีหลิงกับเจี่ยนหยู่หมินได้เปลี่ยนแปลง และเวลาในการพบกับสมาชิกคนอื่นในวงจูปีเตอร์ก็ได้ร่นระยะเวลาเข้ามา
ในเวลานี้ ลั่วเซินยังเป็นดาราดังที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาสดใสดุจดังดวงอาทิตย์
เขาพบปะกับเจี่ยนอีหลิงด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์
เจี่ยนหยู่หมินกล่าวกับเจี่ยนอีหลิงว่า “น้องสาวอีหลิง อย่าได้ใส่ใจเจ้าบ้านี่ เขาคุ้นเคยกับการล่อหลอกบรรดาแฟนหญิงด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาในครั้งแรกพบ”
ลั่วเซินเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาคนทั้งสี่และดู “อ่อนโยน” ที่สุด ผิวขาวและน่ารัก ตามมาตรฐานของ “เนื้อสดน้อย*” กับ “ลูกหมาติดนม**”
ในขณะที่แฟนของคนอื่นๆนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็น “แฟนเมีย”
แต่สำหรับลั่วเซินแล้ว เขาจะมี “แฟนแม่” “แฟนพี่/น้องสาว” “แฟนป้า” เป็นจำนวนมาก
รอยยิ้มหวานของเขาจับใจหญิงหลายคนทุกช่วงอายุ หัวใจของพวกเธอล้วนถูกกลืนกิน
และตอนนี้ เจ้านี่ยิ้มให้น้องสาวของเขาอย่างไร้ยางอาย
“พี่หยู่ ทำไมพี่แนะนำน้องชายพี่แบบนี้” ลั่วเซินท่าทางเสียใจ
เขาเกิดมาพร้อมกับรอยยิ้มสวยแบบนี้อยู่แล้ว จะโทษเขาได้ไง
“ฉันพูดความจริง” เจี่ยนหยู่หมินไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรกับวิธีการแนะนำตัวของเขา
“พี่หยู่ พี่ช่างใจร้ายมาก” ลั่วเซินกระซิบบอก
นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาแอบซ่อนน้องสาวไว้ เขายังพูดแย่ๆเรื่องพวกเขาต่อหน้าน้องสาวของน้องสาวเขา ทำลายภาพพจน์ของพวกเขาไปจนหมด
“ฉันใจร้ายตรงไหน ฉันเป็นคนดี น้องสาวอีหลิง เห็นด้วยกับพี่ไหม”
เจี่ยนหยู่หมินไม่สนใจความคิดของน้องชายสามคนนี้ เขาเพียงขอความคิดเห็นของเจี่ยนอีหลิง
“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า ใช่ เขาสบายดี
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังนุ่มนวล สร้างความอิจฉาต่อเจี่ยนหยู่หมินให้กับสมาชิกวงจูปีเตอร์ทั้งสามคน
“ดูสิ น้องสาวของฉันก็เห็นด้วย”
เจี่ยนหยู่หมินเชิดหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแฝงแววแห่งชัยชนะและเยาะเย้ยยั่วเย้า
“เชี่ย พี่หยู่ ผมไม่คิดว่าผมจะเถียงพี่ได้” เล่อเหยาอดไม่ได้ที่จะพูดอะไรตลกๆตามบุคลิกภาพของเขา
“ถ้างั้นก็อย่าเถียง” เจี่ยนหยู่หมินช่างเป็นพี่ชายที่ใจร้าย
สมาชิกทั้งสี่ของจูปีเตอร์มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และพวกเขาก็มักจะเล่นสนุกกันในรูปแบบต่างๆ ในเมื่อตอนนี้พวกเขามาชุมนุมอยู่ที่หอผู้ป่วยของเจี่ยนอีหลิง ห้องนี้ก็มีพลันชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
———————————————–
เนื้อสดน้อย* 小鲜肉 เสี่ยวเซียนโร่ว มีความหมายถึง หนุ่มวัยละอ่อนและหน้าตาดี ตัวอย่างเช่น “ดูจบแล้วอยากกินเนื้อ (เนื้อสดน้อย)”
ลูกหมาติดนม** 小奶狗 เสี่ยวไหนโก่ว มีความหมายถึง หนุ่มน้อยวัยละอ่อน แฟน(ผู้ชาย) ที่อ่อนโยน ขี้อ้อน ขี้หึงหวง เหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ หมาตัวเล็กที่เพิ่งเกิดยังไม่หย่านม