“ใช่ ผมได้ยินว่า ก่อนหน้านี้คุณนักศึกษาฉินพบกับคนใหญ่คนโตในวงการอินเตอร์เน็ตใช่ไหม คนในแวดวงอินเตอร์เน็ตต่างประเทศติดต่อคุณบ้างไหน”
“ไม่เลยครับ อาจารย์คงจะเข้าใจผิด คนที่ติดต่อกับคนในวงการอินเตอร์เน็ตต่างประเทศน่าจะเป็นเจี่ยนหยุ่นเฉิงที่จบจากโรงเรียนที่นี่มากกว่า”
ฉินชวนตอบอย่างใจเย็น
“โอ ใช่ๆ” หัวหน้าฝ่ายยิ้ม
เจี่ยนหยุ่นเฉิงจบจากโรงเรียนมัธยนเชิ่งหัวจริง แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาก่อนหน้า ซึ่งตอนที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงยังอยู่ในโรงเรียนมัธยมเชิ่งหัวนั้น เขายังไม่ได้เป็นหัวหน้าฝ่าย
แถมยังมีเจี่ยนหยุ่นโม่ที่กล่าวกันว่าเป็นอัจฉริยะอีกด้วย ซึ่งตอนนี้เขาไดัไปศึกษาต่อในฐานะนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง และครูสอนพิเศษของเขาก็เป็นถึงนักชีววิทยาระดับแนวหน้าจากต่างประเทศ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้าฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเจี่ยนอีหลิง
พวกเขาล้วนเป็นลูกหลานตระกูลเจี่ยน ทำไมความแตกต่างระหว่างพี่ชายกับน้องสาวถึงกว้างมากมายขนาดนี้
และในช่วงที่เขาอยู่ในตำแหน่งนี้ เขากลับไม่ได้พบเจอกับอัจฉริยะแบบเจี่ยนหยุ่นเฉิงกับเจี่ยนหยุ่นโม่ แต่กลับพบเจอกับเจี่ยนอีหลิงซึ่งเป็นคนที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับเขามากที่สุด
เขาทำบาปอะไรมาถึงต้องได้รับผลเช่นนี้
หัวหน้าฝ่ายเดินเป็นเพื่อนฉินชวนไปจนถึงหอประชุม
เขายิ้มกว้างไปตลอดทาง และทุกคนก็รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ดี
เมื่อฉินชวนไปถึงหอประชุม ที่แห่งนั้นก็เต็มไปด้วยนักเรียนมัธยมชั้นปีที่สามเรียบร้อยแล้ว
โม่ชืออวิ้นก็อยู่ในกลุ่มพวกเขาเช่นเดียวกัน เธอไม่ได้มีแผนที่จะมาที่นี่และต้องการจะอยู่ที่ห้องเรียนเพื่อทำแบบทดสอบการแข่งขัน
แต่เมื่อถึงเวลา ชูชาก็ลากตัวเธอออกมาที่นี่
ไม่นานนักหลังจากที่ชูชากับโม่ชืออวิ้นได้ทะเลาะกันครั้งก่อนนั้น ชูชาก็ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นขอโทษโม่ชืออวิ้น
โม่ชืออวิ้นไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เธอจึงยกโทษให้ด้วยอัธยาศัยอันดี
โม่ชืออวิ้นรู้สึกว่าเธอไม่จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับชูชา เธอไม้ต้องการสร้างศัตรูในห้องเรียนให้กับตัวเอง และเธอไม่ต้องการที่จะเป็นคนที่ถูกรังเกียจเช่นเดียวกับเจี่ยนอีหลิง
แม้ว่าโม่ชืออวิ้นจะอยู่ที่นี่ เธอก็ยังตั้งใจที่จะใช้เวลานี้ในการเรียนไปด้วย ดังนั้นเธอจึงนำเอาแบบทดสอบการแข่งขันเคมีมาด้วย
เธอได้ยินว่าคนที่มาบรรยายในวันนี้ก็ยังคงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งยังเก่งมาก เพื่อนร่วมชั้นของเธอได้ประเมินเขาไว้อย่างสูง ตอนแรกโม่ชืออวิ้นยังคิดว่าเป็นแค่เพียงคำร่ำลือ
แต่เมื่อเธอเห็นฉินชวนด้วยตัวเอง เธอก็ตระหนักรู้ขึ้นมาว่าผู้คนไม่ได้ประเมินเขาเกินจริงเลย
และสิ่งที่ฉินชวนพูดนั้นก็ไม่ได้เหมือนกับบรรดาศาสตราจารย์แก่ๆที่ชอบพูดมากและโอ้อวด เขาพูดได้อย่างมีเหตุผล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสำเร็จของเขาในวันนี้ไม่ได้มาจากฐานะอิทธิพลของครอบครัว แต่มาจากความพยายามของเขาเอง
นี่เป็นสิ่งที่โม่ชืออวิ้นชื่นชมมากที่สุด
นี่เป็นสิ่งที่เธอหวังว่าเธอจะสามารถทำได้
โม่ชืออวิ้นถูกฉินชวนดึงดูดความสนใจไว้โดยไม่รู้ตัว และแบบทดสอบเคมีที่เธอนำมาด้วยก็ไม่ได้เปิดขึ้นมาอีกเลย
เมื่อจบการกล่าวสุนทรพจน์ โม่ชืออวิ้นได้ปรบมือให้จากใจ และเฝ้ามองฉินชวนจากไป
เมื่อจบการกล่าวสุนทรพจน์แล้วก็ถึงเวลาพักเที่ยง
หัวหน้าฝ่ายเชื้อเชิญฉินชวนให้มารับประทานอาหารที่โรงอาหารของโรงเรียน
ฉินชวนเห็นเจี่ยนอีหลิงในโรงอาหาร
เธอดูเหมือนไม่ค่อยสนใจที่จะแต่งตัวเท่าไหร่นัก เธอมักจะสวมเสื้อสีขาวกางเกงขายาวสีดำ เธอสวมเสื้อผ้าแบบนี้มาตั้งแต่เขาเห็นเธอครั้งแรก และผมที่ยาวถึงเอวของเธอนั้นก็จะเกล้าเป็นหางม้า ดูสดใสสะอาดตา
ใบหน้าขาว บอบบาง และไว้ตัว
ดวงตาเธอกระจ่างสดใส โดดเด่นถึงที่สุด
เมื่อฉินชวนมองไปที่เจี่ยนอีหลิง หัวหน้าฝ่ายก็ถามด้วยความอยากรู้ว่า “คุณนักศึกษาฉินชวน คุณรู้จักเจี่ยนอีหลิงด้วยเหรอ”
“ครับ” ฉินชวนไม่ได้ปฏิเสธ
“โอ คุณนักศึกษาฉินพบกับเจี่ยนอีหลิงได้ยังไง”
“อ๋อ ผมได้ติวพิเศชให้กับเธอก่อนหน้านี้ แต่ผมไม่คิดว่าเธอจำเป็นต้องติวเพิ่มแต่อย่างใด” ฉินชวนตอบ