หลังจากที่ได้ยินคำตอบของเจี่ยนหยุ่นน่าว เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็เอาโทรศัพท์ของเจี่ยนหยุ่นน่าวมาพิมพ์ตอบกลับโม่ชืออวิ้น
[การเอาใจมากเกินไปจนถึงขั้นที่ว่าไม่แยกแยะว่าดีหรือชั่ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ]
โม่ชืออวิ้นไม่รู้ว่าคนที่ตอบกลับกับข้อมูลของเธอนั้นเป็นเจี่ยนหยุ่นเฉิง เธอยังคิดว่าเป็นเจี่ยนหยุ่นน่าว
โม่ชืออวิ้นมองดูข้อความที่ตอบกลับมา งงงันไปชั่ววินาที
ปกติแล้วเจี่ยนหยุ่นน่าวจะเข้าใจความหมายของข้อความแบบนั้นได้ทันที แต่วันนี้เธอไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงต้องถาม
โม่ชืออวิ้นลังเลอยู่ชั่วขณะจากนั้นก็ตอบกลับว่า
[ไม่มีอะไร ระยะหลังนี้เธออาการดีขึ้นบ้างไหม]
เจี่ยนหยุ่นเฉิงมองดูข้อความนี้ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
เธอกล้าพูดเพียงแค่ครึ่งๆกลางๆ ซึ่งทำให้เหมือนกับว่าเธอนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก่อนหน้านั้นได้อย่างใสสะอาด
เจี่ยนหยุ่นเฉิงบอกให้เจี่ยนหยุ่นน่าวตอบกลับข้อความ
เจี่ยนหยุ่นน่าวมีสีหน้าขื่นขมอยู่บ้าง และเขาก็ได้แต่หัวเราะเยาะตัวเอง
ไม่ว่าอย่างไร คนที่ส่งข้อความมาหาเขาก็คือผู้หญิงที่เขาให้ความไว้ใจและชื่นชม
เจี่ยนหยุ่นน่าวตอบกลับข้อความว่า [ดีมาก]
คำง่ายๆ 2 คำ
เมื่อเห็นคำตอบที่กระชับสั้นของเจี่ยนหยุ่นน่าว โม่ชืออวิ้นก็พลันรู้สึกว่าไม่รู้จะถามต่อไปอย่างไร
มองดูไปยังข้อความของเจี่ยนหยุ่นน่าว ใบหน้าของโม่ชืออวิ้นที่เดิมทีสะสวยและสดใสก็ป้ายไปด้วยหมอกบางๆโดยไม่รู้ตัว
###
ตระกูลเจี่ยนทุกคนรู้เรื่องข่าวที่ว่าเจี่ยนอีหลิงได้รับชัยชนะในการแข่งขันเคมี
นี่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ที่น่าประหลาดใจเท่าไหร่นักของตระกูลเจี่ยน
เพราะว่าปกติเจี่ยนอีหลิงก็เป็นคนที่ฉลาดอยู่แล้ว ความฉลาดของเธอได้แสดงออกมานับตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
เธอเคยหมกตัวอยู่ในห้องแลปของพี่ชายคนที่สอง ดูพี่ชายคนที่สองของเธอทำการทดลอง และมักจะติดตามถามคำถามกับพี่ชายคนที่สองอยู่เสมอ
ทั้งสองพี่น้องสามารถที่จะอยู่ในห้องทดลองได้ทั้งวัน
เป็นเพียงแค่ว่าในภายหลังเจี่ยนอีหลิงไม่ค่อยต้องการที่จะเรียนรู้
เจี่ยนอีหลิงไม่ยอมที่จะตั้งใจเรียน และตระกูลเจี่ยนก็ไม่ได้บีบบังคับเธอ พวกเขาไม่ต้องการที่จะยื้อยุดเธอไว้มากเกินไป คิดว่าถ้าเธอไม่ต้องการที่จะเรียน ก็ไม่มีปัญหาถ้าเธอจะไม่เรียน
พวกเขาไม่รู้ว่าในตอนนั้น เจี่ยนอีหลิงเชื่อฟังอารอง เหอเยี่ยน ของเธออย่างจริงจัง และเริ่มไม่ตั้งอกตั้งใจที่จะเล่าเรียน
เป็นเวลาเนิ่นนานที่เจี่ยนอีหลิงเชื่อในคำพูดของเหอเยี่ยน และไม่เคยสงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายเลย
ในช่วงเวลาหลายวันมานี้ เจี่ยนชูฉิงกับเวินน่วนก็ต้องการที่จะไปที่บ้านเก่าเพื่อพบกับเจี่ยนอีหลิงมาโดยตลอด แต่พวกเขาไม่มีเหตุผลว่าจะไปด้วยเหตุใด และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดว่าอย่างไร
แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถใช้เธอเป็นข้ออ้างว่าจะแสดงความยินดีกับชัยชนะในการแข่งขันเคมีของเธอ
ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงขับรถตรงไปที่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยน
มันเป็นเวลาหนึ่งทุ่มย่ำค่ำ และเจี่ยนอีหลิงก็ได้ทานอาหารเย็นและกลับไปที่ห้องของเธอเรียบร้อยแล้ว
เจี่ยนชูฉิงพูดกับย่าด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “แม่ เซี่ยวหลิงอยู่ที่ห้องทำงานเหรอ”
“มีอะไรเหรอ” ย่าเจี่ยนไม่ประหลาดใจที่เห็นคนทั้งสามมา แต่ก็แกล้งทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไรเลย
“พวกเราได้ยินว่าเซี่ยวหลิงได้ชนะการแข่งขันเคมี พวกเราเลยซื้อของบางอย่างมาแสดงความยินดี”
“โอ แต่ว่าตอนนี้เซี่ยวหลิงกำลังยุ่งมากและไม่มีเวลา” หญิงชราพูดอย่างจงใจ
“แม่… “ เจี่ยนชูฉิงลากเสียงอ้อนวอน น้ำเสียงของเขานั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังร้องขอความเห็นใจ
พวกเขารู้ว่าแม่ของเขาจงใจที่จะทำให้พวกเขาอับอาย เจี่ยนชูฉิงกับเวินน่วนก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากเชื่อฟังหญิงชรา
“ไปเคาะประตูห้องเอง คนแก่อย่างฉันแก่เกินไปแข้งขาไม่ดี เดินขึ้นลงบันไดลำบาก” ย่าเจี่ยนดูเหมือนจะพอใจแล้ว
เจี่ยนหยุ่นเฉิงได้ยินคำพูดนี้ก็เดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว จนถึงห้องทำงานของเจี่ยนอีหลิง และทำการเคาะประตู
“เข้ามา”
เสียงที่คุ้นเคย เป็นธรรมชาติ และอ่อนหวานของเจี่ยนอีหลิงดังออกมาจากด้านในประตู
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเปิดประตูอย่างช้าๆ และก็เห็นร่างเล็กกะทัดรัดนั่งพิงโต๊ะหนังสือ ความรักที่ลึกซึ้งก็ประทับลงไปในใจเบาๆ