ชิวหยีเจนอาละวาดในโรงเรียน ชิวลี่เย่าไม่ถึงกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ร้ายแรงเขาจึงลืมตาข้างหลับตาข้าง*
ก่อนจะถึงวันนี้ ชิวลี่เย่าไม่คิดว่าคนที่ถูกชิวหยีเจนรังแกจะสามารถสร้างผลกระทบใดๆขึ้มาได้
เมื่อมาถึงตอนนี้ จ๋ายหวินเชิ่งก็ได้สนับสนุนคนเหล่านี้และทำหน้าที่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ชิวหยีเจนถึงกับโง่งมยิ่งขึ้นกว่าเดิม ท่าทางของเธอนั้นทั้งตกใจและหวาดกลัว
ตอนนี้เธอเหมือนกับปลาที่อยู่บนเขียง
เธอจ้องมองเจี่ยนอีหลิงอย่างไม่อยากเชื่อ อีกฝ่ายเป็นคนที่วางเธอไว้บนเขียง
หลังจากเข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว ชิวลี่เย่าก็ไม่สนใจที่จะทุบตีลูกสาวของตัวเองอีก รีบร้องขอความเมตตาจากจ๋ายหวินเชิ่งทันที
“นายท่านเชิ่งได้โปรดยกโทษด้วย เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเรา ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่า ได้โปรดละเว้นเราในครั้งนี้ ผม ผมจะสั่งสอนลูกสาวคนนี้อย่างดีในอนาคต ไม่ให้เธอทำแบบนี้อีกในอนาคต”
จ๋ายหวินเชิ่งยิ้มที่มุมปากพร้อมกับสายตาดูแคลนและกล่าวว่า “นายท่านคนนี้ไม่ชอบคำว่า ‘เป็นผู้ใหญ่กว่า*’ นายท่านชอบที่จะเป็นคนใจแคบ”
ใบหน้าของชิวลี่เย่าซีดเผือด เขาจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่าไปยังจ๋ายหวินเชิ่งผู้ซึ่งไม่ยอมแม้จะให้โอกาสเขาขอความเมตตา
รู้สึกเหมือนมีเสียงดังหึ่งอยู่ในหัว
ตอนนี้โทรศัพท์มือถือของเขาเริ่มดังขึ้นไม่มีหยุด
มันเป็นโทรศัพท์จากคนในคณะกรรมการ เห็นได้ชัดว่าวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตเกิดแพร่กระจายไปทั่วแล้ว
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ชิวลี่เย่าและชิวหยีเจนทั้งคู่ก็คงมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ชิวลี่เย่าจะสามารถรักษาตำแหน่งในฐานะประธานคณะกรรมการ และสถานะของตระกูลชิวไว้ได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องยากที่จะพูด
เมื่อออกจากบ้านตระกูลชิว จ๋ายหวินเชิ่งก็เห็นเจี่ยนอีหลิงกำลังเขียนข้อความ
“เธอส่งข้อความถึงใครเหรอ”
“ให้เจียวเจียว ส่งวิดีโอสู้กันไปให้”
เจี่ยนอีหลิงส่งวิดีโอการต่อสู้ระหว่างชิวลี่เย่าและชิวหยีเจนลูกสาวของเขาไปให้หูเจียวเจียว
“ส่งสำเนาให้นายท่านด้วย”
“นายเพิ่งดู” เขาได้เห็นมันด้วยตาของตัวเองไปแล้ว
“ไว้ให้นายท่านได้ย้อนกลับไปดูอีก” จ๋ายหวินเชิ่งตอบ
เจี่ยนอีหลิงยอมรับคำพูดนี้และส่งสำเนาสิ่งที่ผ่านมาให้จ๋ายหวินเชิ่ง
ชื่อของเจี่ยนอีหลิงปรากฏในรายชื่อติดต่อครั้งล่าสุดทางโทรศัพท์ของจ๋ายหวินเชิ่ง
ในบันทึกการสนทนาที่เดิมนั้นว่างเปล่า มีข้อความแรกปรากฎขึ้น
###
การผ่าตัดเจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นได้รับการจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว
ครอบครัวบ้านตระกูลเจี่ยนมาที่สถาบันตั้งแต่เช้า
พวกเขารอการปรากฏตัวของ Dr.FS ที่กำลังทำการผ่าตัดลูกชายของเขา
เวลาผ่านไป ครอบครัวบ้านตระกูลเจี่ยนที่รออยู่ในหอผู้ป่วย รู้สึกเพียงแต่ว่าเวลาของวันนี้ผ่านไปอย่างช้ามาก
เนื่องจากเป็นเพียงแค่การผ่าตัดที่มือ ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการผ่าตัดที่อันตราย ดังนั้นหมอจึงไม่มีอะไรที่จะอธิบายให้กับครอบครัวนี้ทราบก่อนการผ่าตัดมากนัก
ส่วนสำหรับสถาบันแล้ว ทุกคนต่างก็พากันกังวลอยู่บ้างเช่นกัน
ยังมีเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนที่การผ่าตัดจะเริ่มขึ้น หากเจี่ยนอีหลิงไม่ปรากฏตัวขึ้น เธออาจจะไม่ทันการ
ผ่าตัด
ศาสตราจารย์ฉีกังวลเป็นอย่างมาก “เกิดอะไรขึ้นกับอีหลิงหรือเปล่า”
หลัวซิ่วเอินรู้เรื่องราวบางอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา และรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง “ฉันจะออกไปตามหาเธอ”
เฉิงอี้รีบร้อนหยุดหลัวซิ่วเอินไว้ “พี่สาวเอิน ใจเย็นๆ น้องสาวอีหลิงน่าจะมีเรื่องเร่งด่วนเล็กน้อย พี่ต้องเชื่อเธอ รอสักครู่ มันยังไม่ถึงบ่ายโมงสักหน่อย นอกจากนี้พี่สาวก็ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องสาวอีหลิงอยู่ที่ไหน ถ้าออกไปตะลอนหาอย่างรีบร้อนก็ได้แต่เตร่ไปมาบนถนนไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของเฉิงอี้ก็สมเหตุสมผลเช่นเดียวกัน
หลัวซิ่วเอินได้แต่ระงับความกังวลในใจของเธอในตอนนี้ไว้
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งศาสตราจารย์ฉีก็กล่าวกับเฉิงอี้และหลัวซิ่วเอินว่า “คุณสองคนไปที่หอผู้ป่วยก่อน แล้วแจ้งให้ผู้ป่วยกับสมาชิกในครอบครัวทราบ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เป็นกังวล ถ้าเวลาการผ่าตัดจะต้องเลื่อนออกไป”
————————————————-
ลืมตาข้างหลับตาข้าง (睁一只眼,闭一只眼)* มีความหมายเหมือนกับคำว่า เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ของไทย หรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่นเอง
เป็นผู้ใหญ่มากกว่า (大人有大量)* มีความหมายว่าให้มีน้ำใจและอดทนอดกลั้นต่อผู้อื่น