ย่าเจี่ยนก้าวไปข้างหน้าและดึงเจี่ยนอีหลิงเข้ามาข้างตัวเธอ “แกเป็นพี่ชายคนโต ยังจะมาแกล้งน้องสาวอีกเหรอ เธอก็ต้องการได้ยินเสียงพี่ชายเรียกเพราะๆ หลานสาวของฉันมีเหตุผล มีแต่คนที่ดีกับเธอเท่านั้นที่เธอจะเรียกว่าพี่ชาย แกชอบรังแกเธอ แล้วยังจะมาให้เธอเรียกพี่ชายอีกเหรอ”
ย่าเจี่ยนคิดว่าเจี่ยนหยู่หมินมักจะเรียกเจี่ยนอีหลิงว่า “เด็กขี้แย” ทุกครั้งเพื่อทำให้เธออับอาย เพราะเขาไม่ชอบเจี่ยนอีหลิง
ย่าเจี่ยนพูดแบบนี้กับเจี่ยนหยู่หมินตรงๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลายๆคนในห้องถึงฟังดูเหมือนว่าพวกเขากำลังถูกดุไปด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของย่าเจี่ยน เจี่ยนหยู่หมินรู้สึกเศร้าเสียใจ
เฮ้อ… ดูแล้วเหมือนกับว่าจะมีแต่หลานสาวของเธอเท่านั้นที่เป็นหลานแท้ๆ ส่วนหลานชายของเธอทุกคนล้วนถูกเก็บมาเลี้ยง
ที่ด้านข้างๆ เจี่ยนหยู่เจี๋ยนั้นแอบหัวเราะ พี่ชายคนโตของเขาผลักเขาออกไปให้พ้นทางจะมีประโยชน์อะไร ย่าเจี่ยนยอมให้หรือยัง
หลังจากนั้นเจี่ยนชูฉิงก็ก้าวออกไปข้างหน้า เขามองไปที่เจี่ยนอีหลิง พร้อมกับทำตาแดงแล้วถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “เซี่ยวหลิง ลูกเรียนเป็นยังไงบ้าง”
เนื่องจากเธอไม่ได้อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว เจี่ยนชูฉิง มีเรื่องราวหลายอย่างเกี่ยวกับลูกสาวที่เขาไม่ได้รับรู้
ดังนั้นหลังจากที่ได้พบกันแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี จึงได้แต่ถามเรื่องการเรียน
ก่อนที่เจี่ยนอีหลิงจะทันได้ตอบ ย่าเจี่ยนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “หลานฉันเรียนได้ดี ไม่ต้องกังวล ดูเหมือนว่าคนแก่อย่างฉันจะรู้แต่วิธีเอาอกเอาใจหลานสาว และก็ไม่รู้วิธีสอนเธองั้นเหรอ ว่าแต่ใครสอนแกมา”
ใครจะกล้าปฏิเสธการอบรมสั่งสอนของย่าเจี่ยนกัน
ลูกชายเธอทั้งสามคน เธอเลี้ยงมากับมือ
“แม่ครับ … ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น …” เจี่ยนชูฉิงหันหน้าไปหาแม่เขา แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
“ก็ได้” ย่าเจี่ยนยอมปล่อยเจี่ยนชูฉิง ให้เขาคุยกับเจี่ยนอีหลิงต่อไป
เจี่ยนชูฉิงพูดกับเจี่ยนอีหลิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เซี่ยวหลิง พ่อต้องการหยุดสักสองสามวันในอีกสองวันข้างหน้า แล้วจะพาลูกกับพี่ๆไปเที่ยวสักสองสามวัน ตกลงไหม”
เจี่ยนชูฉิงไม่สามารถหว่านล้อมย่าเจี่ยนขอตัวเจี่ยนอีหลิงกลับจากบ้านเก่าได้ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้กลยุทธ์แบบอ้อมๆ โดยการมองหาโอกาสที่จะสนิทสนมกันให้ได้ก่อนเพื่อประสานรอยร้าวของความสัมพันธ์ที่แตกแยก
เจี่ยนอีหลิงมองไปยังเจี่ยนชูฉิงที่อยู่ใกล้แค่มือเอื้อม เขามีหน้าตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่และสง่างาม ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากความฝันเมื่อวานนี้หรือไม่ อารมณ์ของเจี่ยนอีหลิงหลังจากที่มองไปยังเจี่ยนชูฉิงจึงเปลี่ยไปอยู่บ้าง
เธอหลีกเลี่ยงสายตาของเจี่ยนชูฉิง เปลี่ยนไปเป็นมองไปยังเจี่ยนหยุ่นน่าวที่อยู่บนเตียงพยาบาล
เจี่ยนหยุ่นน่าวก็มองไปที่เจี่ยนอีหลิงในเวลานี้เช่นเดียวกัน
หลังจากสบตากัน เจี่ยนอีหลิงก็เบือนหน้าออกไปอย่างใจเย็น
ความเยือกเย็นนี้เป็นเหมือนกับเข็มแหลมที่ทิ่มแทงโดยไม่คาดคิด
สายตาของเจี่ยนอีหลิงที่เจี่ยนหยุ่นน่าวเห็นนั้น ไม่มีความอบอุ่นเหมือนผิวน้ำที่ไร้ลมและคลื่นใดๆ
เธอเงียบมากเหมือนตอนที่เธอยอมรับความโกรธของเขาในตอนแรก
จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็ตอบเจี่ยนชูฉิงว่า “หนูต้องเรียนและไม่มีเวลา”
เมื่อเผชิญหน้ากับเจี่ยนชูฉิง เจี่ยนอีหลิงไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกของตัวเองนั้นเป็นอย่างไร
เธอรู้ว่านี่เป็นพ่อของร่างกายที่เธอยึดครองอยู่นี้
แต่คำว่า “พ่อ” นั้น เป็นคำที่เหินห่าง และไม่มีความอบอุ่นใดๆสำหรับเธอ
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือตอบคำถามของเขาตามความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลของเธอ
เจี่ยนอีหลิงไม่มีเวลาจริงๆ แม้ว่าการผ่าตัดของเจี่ยนหยุ่นน่าวจะสิ้นสุดลง แต่ก็ยังมีงานอีกมาก
“ งั้นก็ … ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พ่อจะรอจนกว่าลูกจะมีเวลา” เจี่ยนชูฉิงกล่าวอย่างรีบร้อน
ลูกสาวของเขาเคยชอบออกไปเล่นข้างนอก มักจะดึงเขาอยู่เสมอ และชอบบอกเขาว่าเธออยากออกไปข้างนอกในวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนเด็กทารก