แต่เขาก็มัวยุ่งกับการทำงานในวันธรรมดา และมีวันหยุดพักผ่อนที่จำกัด
เขาไม่คาดคิดว่าตอนนี้จะกลับหัวกลับหาง กลับเป็นตาของลูกสาวของเขาที่เป็นฝ่ายบอกว่าไม่ว่าง
ไม่สำคัญว่าลูกสาวจะยุ่งมากแค่ไหน จริงแล้วเธอต้องการหลีกเลี่ยงพวกเขา
ความสัมพันธ์ของพวกเขาแตกต่างไปจากแต่ก่อนแล้ว
เกิดเป็นช่องว่างที่ไม่สามารถข้ามไปได้
ใจของเจี่ยนชูฉิงเริ่มขื่นขม
เหอเยี่ยนดูค่อนข้างสดชื่น
ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเหอเยี่ยนที่เจี่ยนอีหลิงเปลี่ยนไป เจี่ยนอีหลิงไม่เพียงแต่ควบคุมไม่ได้ง่ายๆเหมือนเมื่อก่อน เธอยังกลายเป็นเม่นตัวเล็กๆที่สามารถแทงคนได้อีกด้วย
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนอีหลิงและครอบครัวเจี่ยนก็จางหายไปเช่นเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าทุกสิ่งที่เธอทำมาก่อนหน้านี้ได้ผล และเป็นผลลัพธ์ที่เธอต้องการเห็น
เวินน่วนเดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนุ่มนวลเจือไปด้วยความขื่นขม
เธอมองไปที่เจี่ยนอีหลิง “อีหลิง แม่ยังคงเป็นหนี้ขอโทษลูกอยู่” หลังจากนั้น เวินน่วนก็ได้พูดประโยคที่ค้างคาใจนี้ออกมา
พวกเขากลับมาอยู่ในหอผู้ป่วยอีกครั้ง และเป็นเหตุการณ์ที่เจี่ยนหยุ่นน่าวต้องนอนอยู่บนเตียงพยาบาลอีกครั้งเช่นเดียวกับครั้งก่อน
ในที่สุดเวินน่วนก็ได้กล่าวคำขอโทษที่เป็นหนี้เจี่ยนอีหลิง
แม้ว่าเจี่ยนหยุ่นน่าวที่อยู่ในเตียงพยาบาลจะยังไม่ทราบความหมายของคำขอโทษนี้
แม้ว่าคำขอโทษนี้จะช้าไปอยู่บ้าง
มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่ไม่เข้าใจคำพูดของเวินน่วน
หนึ่งในนั้นก็คือเจี่ยนหยู่หมิน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเจี่ยนหยู่เจี๋ยและเจี่ยนอีหลิงเก็บซ่อนมันไว้จากเขา
อีกคนก็คือเจี่ยนหยุ่นน่าว
เขาเดาว่าแม่ของเขาทำอะไรสักอย่างที่ทำให้เจี่ยนอีหลิงเสียใจ
เมื่อเผชิญกับคำขอโทษจากเวินน่วน เจียนอีหลิงไม่ได้ตอบอะไร
บางทีคำขอโทษนี้ไม่ควรที่จะใช้กับเธอ
เจี่ยนอีหลิงรู้อย่างชัดเจน
ดังนั้นเธอจึงไม่เลือกที่จะตอบสนอง
การตอบสนองที่เหมือนกับการหลีกเลี่ยงของเจี่ยนอีหลิงนั้นเป็นเหมือนดาบที่แหลมคมแทงทะลุหัวใจของเวินน่วน
มองไปที่เวินน่วน เธอมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลและความเจ็บปวด
เจี่ยนอีหลิงชะงักและรีบเสริมว่า “ไม่ต้องขอโทษ”
แต่เมื่อคำพูดของเจี่ยนอีหลิงเข้าหูพวกเขา มันกลับมีผลที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาเข้าใจคำพูดของเจี่ยนอีหลิงในความหมายที่แปลกแยก และไม่พอใจต่อพวกเขา
ท่าทางของเวินน่วนนั้นเจ็บปวด แต่เธอก็พยายามกดซ่อนความขมขื่นเอาไว้ เธอจำสิ่งที่แม่สามีพูดกับเธอได้
เจี่ยนชูฉิงเข้ามาทันเวลา กอดภรรยาของตัวเองอย่างอ่อนโยน เพื่อผ่อนบรรเทาอารมณ์ของภรรยา
เขารู้ดีว่าตอนนี้ภรรยาของตัวเองนั้นเสียใจแค่ไหน เพราะเขาก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
เจี่ยนอีหลิงเห็นฉากนี้ เธอก็หันหน้าไปมองเจี่ยนหยู่เจี๋ยโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เจี่ยนหยู่เจี๋ยรีบเปลี่ยนหัวข้อด้วยรอยยิ้มเพื่อลดบรรยากาศ “น้องสาวอีหลิง ฉันเพิ่งเรียนรู้เคล็ดลับมายากลใหม่ ฉันจะแสดงให้เธอดู มองให้ดี อย่ากระพริบตา”
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้าและมองไปข้างหน้า มองไปที่เจี่ยนหยู่เจี๋ย
เมื่อเทียบการพูดคุยกับเจี่ยนชูฉิงกับเวินน่วนแล้ว เจี่ยนหยู่หมินและเจี่ยนหยู่เจี๋ยทำให้เจี่ยนอีหลิงรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
ดังนั้นเจี่ยนอีหลิงจึงเลือกที่จะคุยกับเจี่ยนหยู่เจี๋ยและคนอื่นๆโดยสัญชาตญาณ
เธอไม่ได้จงใจหลีกเลี่ยงสิ่งใด เธอแค่เลือกสิ่งที่เธอใกล้ชิดคุ้นเคยมากกว่า
เฉิงอี้มาที่หอผู้ป่วยและช่วยเจี่ยนอีหลิงตรวจสุขภาพหลังการผ่าตัดให้เจี่ยนหยุ่นน่าว
เนื่องจากเจี่ยนอีหลิงไม่สะดวกนัก อีกทั้งเฉิงอี้ก็รู้สึกเป็นห่วงกับการทำงานหนักของเจี่ยนอีหลิง ดังนั้นเขาจึงริเริ่มช่วยเธอในงานหลังผ่าตัด
เขาเห็นเจี่ยนอีหลิงทันทีที่เขาเข้ามา และเฉิงอี้ก็ทักทายเจี่ยนอีหลิงอย่างมีความสุข
“เซี่ยวหลิง เธอมีเวลามาที่นี่วันนี้ด้วย”
ในการรับรู้ของครอบครัวเจี่ยน เฉิงอี้และเจี่ยนอีหลิงชอบเล่นเกม และได้เป็นเพื่อนในนั้น
“อื้อ”
“หลังจากที่ฉันตรวจสอบคุณเจี่ยนหยุ่นน่าวแล้ว สักพักเธอก็ไปที่ห้องทำงานกับฉันสักพักสิ พี่สาวเอินคิดถึงเธอมาก”
“อื้อ”
เฉิงอี้เข้าใจเจี่ยนอีหลิงจริงๆ เขารู้ว่าเจี่ยนอีหลิงต้องการทำงานทุกเมื่อหากมีเวลา