เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 241-2

 

ฉินชวนมีความเข้าใจเกี่ยวกับตัวของตัวเองดี

 

แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในช่วงเติบโตของอาชีพการงาน บริษัทกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีอนาคตที่สดใส

 

แม้แต่สถาบันอย่างโรงเรียนมัธยมเชิ่งหัวยังกำหนดให้เขาเป็นแบบอย่างสำหรับนักศึกษาร่วมสมัย

 

แต่สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จมาจนถึงตอนนี้ เมื่อเทียบกับตระกูลเจี่ยนแล้วก็ยังถือว่าเป็นเพียงคนธรรมดา

 

“ฉันไม่ได้ชอบนาย” เจี่ยนอีหลิงกล่าวอย่างรวดเร็ว

 

เธอกลัวอยู่บ้างหากฉินชวนจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตกหลุมรักเขา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาหลายอย่าง

 

“หือ” ฉินชวนคิดว่า ตัวเขาเองไม่เคยคิดอย่างนั้น

 

บางทีสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปทำให้เจี่ยนอีหลิงเข้าใจผิด

 

“ฉันไม่รู้สึกอะไรกับนาย” เจี่ยนอีหลิงเครียด

 

ฉินชวนหัวเราะอีกครั้ง การเผชิญหน้ากับเจี่ยนอีหลิงในวันนี้ทำให้เขาหัวเราะมากกว่าการหัวเราะหนึ่งสัปดาห์ก่อนทั้งหมดรวมกัน

 

แน่นอนว่าการที่แม่มีอาการดีขึ้นนั้นก็เป็นเหตุผลที่สำคัญเช่นเดียวกัน

 

“ฉันก็ไม่คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” ฉินชวนกล่าว “ฉันแค่อยากรู้อยากเห็นว่าทำไมเธอถึงมองฉันในแง่ดีนัก”

 

ฉินชวนยังไม่หลงตัวเอง ที่จะคิดว่าเจี่ยนอีหลิงทำเช่นนั้นเป็นเพราะว่าเกิดความรักในตัวเขา

 

แน่นอน ฉินชวนก็ไม่เคยสงสัยในเสน่ห์ของตัวเองเช่นเดียวกัน ก่อนที่เขาจะเข้าไปในร้านกาแฟ เขาก็ถูกเด็กสาวคนหนึ่งทัก คิดถึงเรื่องนั้น นับว่าเสน่ห์ของเขาก็ต้องไม่เลวเสียทีเดียว

 

แต่สำหรับเจี่ยนอีหลิงแล้ว ฉินชวนไม่เคยคิดแบบนั้น เขาแน่ใจว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่ได้สนใจในตัวเขา ทั้งยังไม่อยากคุยกับเขาอีกด้วย

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉินชวนอยากรู้ถึงเจตนาที่เจี่ยนอีหลิงถึงได้ทำอะไรแบบนี้

 

“นายมีความสามารถ ฉันรักเงิน”

 

เจี่ยนอีหลิงกล่าวคำว่า “ฉันรักเงิน” อย่างจริงจัง

 

เสียงนั้นทั้งหวานและนุ่มนวล แต่เนื้อหาที่คุยกับเธอนั้น เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร มันไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย

 

ฉินชวนอดไม่ได้ที่จะชะงักไปอีกชั่วขณะก่อนที่จะหัวเราะอีกครั้ง

 

ฉินชวน ในฐานะตัวเอกของผลงานต้นฉบับ มีใบหน้าที่หล่อเหลา เมื่อเขายิ้ม สาวๆโต๊ะข้างๆต่างก็พากันมองมาที่เขา

 

ดวงดาวสีชมพูเล็กๆในดวงตาของพวกเธอนั้นแทบจะไม่สามารถซ่อนเอาไว้ได้

 

คำตอบที่ตรงไปตรงมาและชัดเจนของเจี่ยนอีหลิงนั้น เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับฉินชวน

 

แต่มันก็สมเหตุสมผลที่สุดจริงๆ

 

ฉินชวนต้องถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เจี่ยนอีหลิงเกิดในตระกูลเจี่ยนเช่นเดียวกับพี่น้องของเธอ เธอรู้จัก “การลงทุนและการจัดการทางการเงิน” ตั้งแต่อายุยังน้อย

 

เพียงแค่การลงทุนเธอแตกต่างกันอยู่บ้าง

 

เขาเป็นหนึ่งใน “ผลิตภัณฑ์” ที่เธอลงทุน

 

“ถ้าเช่นนั้นผมจึงอยากจะขอบคุณมิสเจี่ยนจริงๆ ที่ให้การยอมรับผลิตภัณฑ์นี้”

 

ฉินชวนพูดทีเล่นทีจริง

 

“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงกล่าว “แม่ของนายป่วย นายอยากถามอะไร”

 

“ไม่ ฉันเชื่อเธอ และเพียงเชื่อมั่นในตัวเธอ” ฉินชวนกล่าว “นี่ไม่ได้เป็นความถนัดของฉัน ฉันยอมอุทิศตน เชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญของเธอทั้งหมด นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยแม่ของฉันได้”

 

ฉินชวนไม่มีความยุ่งยากใจนัก ในเรื่องอายุของเจี่ยนอีหลิง

 

ตั้งแต่วันที่เขาส่งแม่เขาไปที่สถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง เขาก็ได้เลือกแล้ว และก็ต้องเชื่อมั่นคนที่สถาบันวิจัยเลือกมาให้

 

เจี่ยนอีหลิงเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของสถาบัน ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นในความสามารถของเจี่ยนอีหลิง

 

“นอกจากนี้ ฉันจะไม่บอกใครเรื่องเธอ” ฉินชวนเสริม

 

ฉินชวนเป็นคนฉลาด เขาได้อนุมานจากการกระทำในครั้งก่อนของเธอว่า เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ความลับเธอ

 

รวมไปถึงครอบครัวของเธอด้วย

 

ถ้าครอบครัวเจี่ยนอีหลิงรู้สถานการณ์ที่แท้จริงของเจี่ยนอีหลิง พวกเขาคงไม่จ่ายเงินให้เขาเป็นครูสอนพิเศษให้เธอ

 

 

และถ้าเธออยากให้พวกเขารู้ การสอบในวิชาต่างๆของเจี่ยนอีหลิงจะต้องไม่ตกทุกวิชา

 

“ขอบคุณ” เจี่ยนอีหลิงตอบ

 

แม้ว่าเธอจะไม่กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ฉินชวนพูดออกไป แต่มันจะดีที่สุดถ้าฉินชวนสามารถช่วยเธอรักษาความลับได้

 

ฉินชวนและเจี่ยนอีหลิงคุยกันในร้านกาแฟอีกสักพัก

 

จากนั้นก็ออกจากร้านกาแฟ

 

ฉินชวนไม่ได้เป็นเจ้าของรถ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกว่าจะไปส่งเจี่ยนอีหลิง

 

เพียงแค่เอ่ยคำอำลาเจี่ยนอีหลิงที่ประตู และเฝ้าดูเธอจากไป

 

เมื่อทั้งสองออกจากร้านกาแฟ โม่ชืออวิ้นก็มองตามพวกเขาจากร้านหนังสือตรงกันข้าม

 

เธอเห็นรอยยิ้มที่ฉินชวนและเจี่ยนอีหลิงแสดงให้เห็นบ่อยๆ ระหว่างการสนทนา

 

เนื่องจากฉินชวนและเจี่ยนอีหลิงนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ดังนั้นเธอจึงยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้ว่าจะอยู่กันคนละฝั่งถนนกันก็ตาม

 

โม่ชืออวิ้นมีรสขมปร่าในใจที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ

 

เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น

 

ดูเหมือนว่าสิ่งขมขื่นที่เธอได้พบเจอเมื่อเร็วๆนี้ มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเจี่ยนอีหลิง

 

ในโทรศัพท์ของโม่ชืออวิ้นเป็นภาพที่เธอเพิ่งถ่าย และฉินชวนก็กำลังยิ้มอย่างสดใสในภาพนั้น

 

และรอยยิ้มสดใสของเขานั้นมุ่งตรงไปยังเจี่ยนอีหลิง

 

เธอแค่กดปุ่มชัตเตอร์อย่างกระอักกระอ่วนและบันทึกภาพฉากนี้ แต่ลึกลงไปในใจ เธอหวังว่าจะได้พบหลักฐานว่าพวกเขาไม่ได้สนิทสนมกันในภาพที่หยุดค้างนี้

 

แต่ยิ่งโม่ชืออวิ้นเฝ้าดูนานเท่าไหร่ ข้อเท็จจริงก็ยิ่งไปในทิศทางที่เธอไม่ต้องการ

 

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ความตื่นเต้นที่มีให้กับชายหนุ่มต้องจบลงแบบนี้

 

###

 

โม่ชืออวิ้นเหม่อลอยอยู่บ้างเมื่อไม่นานมานี้ เธอพบรูปภาพนี้ในอัลบั้มของเธออีกครั้ง

 

เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องนี้ยุ่งเหยิงอยู่ในใจเธอ

 

ชูชาเดินตามหลังโม่ชืออวิ้น และก็เห็นโทรศัพท์มือถือของโม่ชืออวิ้น

 

“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เจี่ยนอีหลิงเหรอ” ชูชาจำได้ในพริบตา

 

โม่ชืออวิ้นพบว่าชูชาอยู่ข้างหลังเธอ จึงรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ

 

“ ให้ฉันดูอีกหน่อย ดูเหมือนว่าฉันเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาแล้ว” ชูชายื่นมือออกไปขอโทรศัพท์มือถือของโม่ชืออวิ้น

 

“ไม่มีอะไร” โม่ชืออวิ้นไม่ให้โทรศัพท์แก่ชูชา

 

“ไม่ ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่มาที่โรงเรียนของเราตอนปัจฉิมนิเทศ … ฉินชวน ใช่ เขาคือฉินชวน” ชูชายังคงจำชายในภาพได้

 

โม่ชืออวิ้นไม่ตอบ

 

ชูชามีสีหน้าแปลกไป “ทำไมเจี่ยนอีหลิงและฉินชวนถึงนั่งอยู่ด้วยกัน มีอะไรที่ยุ่งยากเกี่ยวกับพวกเขาสองคนเหรอ เจี่ยนอีหลิงตกหลุมรักตั้งแต่เด็กเหรอ”

 

โรงเรียนมัธยมเชิ่งหัวไม่อนุญาตให้มี พัพพี่เลิฟ*

 

แม้ว่าจะไม่มีข้อห้ามอย่างชัดเจน แต่ครูจะคอยบอกจากด้านข้างว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคนในระยะนี้ก็คือการเรียน

 

“ไม่ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”

 

โม่ชืออวิ้นไม่ชอบคำจำกัดความของชูชา ที่ให้คนทั้งสองนี้ในฐานะ “เพื่อนชายและเพื่อนหญิง”

 

“ไม่ ชืออวิ้น ไม่ว่าสองคนนี้จะถูกหรือผิด แต่ถ้ารูปของเธอถูกส่งออกไป ใครบางคนต้องคิดว่ามีปัญหากับสองคนนี้แน่”

 

คำพูดของชูชาทำให้โม่ชืออวิ้นชะงัก

 

ชูชา ยังคงชักชวน “มาโพสต์ภาพโดยไม่พูดอะไรเลยดีกว่า ไม่มีการกล่าวหา ภาพถ่ายเป็นของจริง และเธอก็ไม่ได้ตัดต่อภาพ เรากำลังแสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริง”

 

ชูชาเห็นโม่ชืออวิ้นเริ่มลังเลและตัดสินใจที่จะยุให้หนักขึ้น “ทำไมเธอไม่ส่งรูปมาให้ฉันล่ะ ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับเธอที่จะส่งรูปที่เธอถ่ายให้เพื่อน ส่วนว่าจะโพสต์มันอย่างไรก็เป็นเรื่องของฉัน เธอเห็นด้วยไหม”

 

 

พัพพี่ เลิฟ * ความรักวัยรุ่น ความรักในแบบที่ฉาบฉวย มาเร็วและไปไว

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset