ฮั่วอวี้พูดเร็วมาก กระทั่งเจี่ยนหยุ่นเฉิงยังได้ยินเสียงของการพิมพ์ที่รวดเร็วบนแป้นพิมพ์ขณะที่เขาพูด
“ทำไมนายไม่จัดการกับมันล่ะ” น้ำเสียงของเจี่ยนหยุ่นเฉิงดูเหมือนจะทนไม่ได้อยู่บ้าง
“นายน้อยเฉิง นายคิดว่าฉันไร้ประสิทธิภาพเหรอ”
“แต่นายบอกว่าระดับการรักษาความปลอดภัยของฟอรัมของโรงเรียนมัธยมเชิ่งหัวนั้นต่ำมาก”
“มันต่ำมาก ใช่ แค่ใช้นิ้วโป้งเท้าทั้งหมดก็เสร็จได้แล้ว แต่ใครกันบอกฉันทีว่าทำไมฉันต้องมาพบกับโปรแกรมเมอร์อัจฉริยะคนอื่นอีกในตอนนี้”
“นายเจออะไร”
“แปลง่ายๆ ในขณะที่ฉันเข้าไปแตะโพสต์ของน้องสาวนาย ฉันเจอแฮกเกอร์คนอื่น และตอนนี้เรากำลังทำสงครามกัน”
ตอนนี้ฮั่วอวี้ยุ่งมากชนิดที่ไม่สามารถหยุดได้เลย
เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่ได้เร่งรัดเขา หลังจากอดทนรอเป็นเวลาอีกห้านาทีเขาก็ได้ยินอีกฝ่ายตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรกันวะ”
“นายแพ้เหรอ”
“นายน้อยเฉิง นายต้องไม่สงสัยฉันแบบนั้น”
“ถ้างั้นนายชนะละสิ”
“นั่นก็ไม่ใช่ … “
“แล้วนายตะโกนทำบ้าอะไร”
“เราทั้งคู่ไม่มีใครชนะหรือแพ้ เพราะฟอรัมของโรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัวพังลงจากมือของพวกเรา”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงบอกกับฮั่วอวี้อย่างเด็ดขาดว่า “นายถูกกำหนดให้กู้คืนมันให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง”
“ไม่ นายน้อยเฉิง มันไม่เป็นไรเลยถ้าฟอรัมล่ม มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ไม่ใช่เหรอ โพสต์ของน้องสาวนายก็จะไม่มีคนเห็นอีกต่อไป”
“อย่าพูดมาก ทำอะไรสักอย่างสิ”
“ก็ได้… ” ฮั่วอวี้ยอมตกลงด้วยทั้งน้ำตา แต่ในใจเขากำลังสาปแช่ง ทำงาน ทำงาน ทำงาน
บีบบังคับพนักงานที่แสนจะยอดเยี่ยมอย่างเขาอย่างโหดร้าย
ช่างไร้มนุษยธรรม
เขาแอบแช่งอีกฝ่ายว่า ขอให้นายน้อยเฉิงไม่มีวันได้แต่งเมีย
ในที่สุด ฮั่วอวี้ก็ลบโพสต์ได้สำเร็จ และตั้งค่าสิทธิ์ไม่ให้ผู้แสดงความคิดเห็นสามารถแสดงความคิดเห็นได้อีกต่อไป
###
หลังจากที่ฟอรัมของมหาวิทยาลัยล่ม ชิวหยีเจนก็เห็นเนื้อหาของโพสต์
ตอนนี้เธอเสียใจมาก เธอไม่สามารถไปโรงเรียนได้อีกต่อไป เธอไม่สามารถแม้แต่จะออกไปนอกประตูได้
แม้ว่าชิวลี่เย่าจะห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเธอในโรงเรียน แต่ก็ยังไม่มีวิธีใดที่จะเปลี่ยนความเป็นจริงของคดีความข่มขู่คุกคามและทำร้ายร่างกายได้
ทันทีที่ชิวหยีเจนซึ่งถูกพ่อขังไว้ในบ้านเห็นโพสต์ยอดนิยมล่าสุดในฟอรัมของโรงเรียนมัธยม สิ่งที่เธอคิดขึ้นมานั้นก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับของนักเรียนคนอื่นๆ
เมื่อเห็นโพสต์ของโม่ชืออวิ้น เธอก็คิดที่จะขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
ชิวหยีเจนเรียกโม่ชืออวิ้น “ชืออวิ้น ช่วยฉันด้วย”
“เธอต้องการให้ฉันช่วยเธอยังไง”
โม่ชืออวิ้นอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดในครอบครัวชิว ซึ่งโรงเรียนห้ามไม่ให้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในฟอรัมของโรงเรียน
“ให้ฉันยืมเงินหน่อย”
หลังจากที่เธอเจอเหตุการณ์นี้ อดีตพวกพ้องของเธอต่างก็พากันแยกทางจากเธอ
ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่สามารถหาคนมาช่วยได้
เพื่อนพ้องดื่มไวน์และกินเนื้อพวกนั้นเชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงคิดพึ่งพาโม่ชืออวิ้น
ในใจของชิวหยีเจน โม่ชืออวิ้นนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ
“พี่หญิงชิวรู้ไหม พี่ให้ฉันทำอย่างอื่นได้ แต่เงิน … ฉันไม่มีจริงๆ”
สถานการณ์ของโม่ชืออวิ้นนั้นไม่ยอมให้เธอหยิบยืมเงินให้ชิวหยีเจน
“แต่ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งได้รับรางวัลการแข่งขันฟิสิกส์มาเหรอ”
ชิวหยีเจนเพิ่งเห็นมันในโพสต์
“รางวัลแค่สองพันหยวนเอง … “
รางวัลการแข่งขันทั่วไปไม่ได้ตั้งไว้สูงมากมายนัก สองหรือสามพันหยวนก็ดีมากแล้ว
การแข่งขันเคมีครั้งล่าสุดนับเป็นข้อยกเว้น
“ สองพันหยวนก็ไม่เป็นไร”
ตอนนี้บัตรทุกอย่างของชิวหยีเจนถูกพ่อของเธอระงับไว้ และเธอไม่มีเงินติดตัวเลย สองพันหยวนดีกว่าไม่มีอะไรเลย
โม่ชืออวิ้นลังเล พวกเธอกำลังจะขึ้นศาล ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องการเงิน
เธอรู้ด้วยว่าถ้าเธอให้ชิวหยีเจนยืมเงินตอนนี้ อีกฝ่ายอาจจะไม่สามารถใช้คืนได้ในเวลาอันสั้น
โม่ชืออวิ้นลังเล
“ชืออวิ้น” ชิวหยีเจนยังคงรอโทรศัพท์
โม่ชืออวิ้นกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “พี่หญิงชิว พี่ก็รู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังมีปัญหา และฉันกำลังต้องการเงินอย่างมาก และฉันก็มีเงินเพียงสองพันหยวน ซึ่งไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก หากพี่มีเรื่องอื่นที่พี่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
การปฏิเสธของโม่ชืออวิ้นนั้นทำให้ชิวหยีเจนผิดหวังมาก
แต่เธอก็ไม่สามารถตำหนิโม่ชืออวิ้นได้ เพราะเธอเคยรับรู้ถึงความยากลำบากของโม่ชืออวิ้นมาก่อน
มันค่อนข้างน่าเศร้าอยู่บ้าง
เพราะเธอรู้สึกว่าคดีของโม่ชืออวิ้นคงยังไม่สู้กันในทันที และเธอก็เพียงแค่ต้องการยืมเงินสักสองสามวัน
###
เจี่ยนอีหลิงถูกอาจารย์เรียกไปพบที่ห้องทำงานโดยอาจารย์หลี่ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ
“เกิดเป็นอะไรกับเธอ เจี่ยนอีหลิง เธออายุเท่าไหร่กันเชียวถึงอยากริมีความรัก เธอรู้ไหมว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอ และทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนเสียหาย”
หัวหน้าฝ่ายวิชาการพ่นถ้อยวาจาออกมาในทันทีที่เขาเห็นเจี่ยนอีหลิง
ในช่วงที่ผ่านมาโรงเรียนมีเรื่องราวต่างๆมากพอแล้ว ประธานโรงเรียนถูกเปิดโปงเรื่องอื้อฉาว คณะกรรมการโรงเรียนได้จัดประชุมใหญ่หลายครั้งติดต่อกัน และนำการประชาสัมพันธ์ในช่วงวิกฤตมาใช้รับมือกับข้อผิดพลาด เรื่องนี้ยังเป็นคดีความอยู่
เรื่องของเจี่ยนอีหลิงยิ่งจะมาเพิ่มความวุ่นวายและทำให้โรงเรียนแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
เขาเพิ่งพูดคุยกับฉินชวนเมื่อตอนที่เขาต้อนรับอีกฝ่ายเมื่อครั้งล่าสุดนั้น ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายเอาแต่พูดถึงเจี่ยนอีหลิง กลับกลายเป็นว่าปัญหาอยู่ที่นี่เอง
“ดูโม่ชืออวิ้นเป็นตัวอย่างสิ ทำไมนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัวถึงมีความแตกต่างกันเยอะมาก”
หลังจากแข่งขันเคมีครั้งล่าสุด หัวหน้าฝ่ายวิชาการให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการเรียนของเจี่ยนอีหลิง
เขาพบว่าการบ้านล่าสุดของเธอก็ยังคงมีอัตราความผิดพลาดสูง แม้กระทั่งวิชาเคมีก็ไม่มีข้อยกเว้น
สิ่งนี้ทำให้หัวหน้าฝ่ายเชื่อว่าการตัดสินของเขาไม่ผิด และรางวัลของเจี่ยนอีหลิงก็เป็นเพียงบทละครของคนรวยและผู้มีอำนาจ
ผู้รับผิดชอบสถาบันวิจัยเคมีภัณฑ์ของเยวลี่ก็เป็นบุคคลที่ร่ำรวยและมีอำนาจ เขาจะเอาจริงเอาจังกับวิชาการที่ไหนกัน
ขณะที่หัวหน้าฝ่ายกำลังพูดอย่างเผ็ดร้อน ประตูห้องทำงานเขาก็ถูกเปิดออก
หัวหน้าฝ่ายวิชาการมองเห็นชายหนุ่มหน้าตาโดดเด่นเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู ตามด้วยกลุ่มชายในชุดสูทและเครื่องแบบอยู่ข้างหลังเขา
“คุณเป็นใคร นี่เป็นโรงเรียน ที่ทำงานของผม คุณจะบุกเข้ามาโดยไม่พูดอะไรสักคำได้ยังไง แล้วรปภ.ของโรงเรียนไปไหนหมด”
จ๋ายหวินเชิ่งเดินตรงไปที่เก้าอี้หัวหน้าฝ่ายโดยไม่พูดอะไรสักคำและนั่งลง
การกระทำนี้ทั้งเหลวไหลและโอหัง
ในขณะเดียวกัน สายตาของเขาก็สบเข้ากับเจี่ยนอีหลิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
แล้วเขาก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
“คุณเป็นใครกัน ผมจะโทรหา รปภ. หากว่าพวกคุณยังทำตัวแบบนี้”
ทันทีที่หัวหน้าฝ่ายกำลังจะก้าวออกไปข้างหน้า เขาก็ถูกหยุดโดยบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเชิ่ง
“คุณเป็นพวกคนนอกกฎหมายเหรอ” คณบดีโกรธมาก เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อที่จะเรียกตำรวจ
หยูซีที่เข้ามาในภายหลังได้อธิบายกับหัวหน้าฝ่ายได้ทันเวลา “อย่าตะโกน นายท่านเชิ่งเพิ่งมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนของคุณ”
เนื่องจากเหตุการณ์ระหว่างชิวลี่เย่าและชิวหยีเจน ทำให้โรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัวเกิดวิกฤตขึ้น และมีผู้ถือหุ้นจำนวนมากต้องการขายหุ้น
จ๋ายหวินเชิ่งถือโอกาสซื้อหุ้นจำนวนมากของโรงเรียนมัธยมเชิ่งหัว และกลายเป็นผู้ถือหุ้นของโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนเชิ่งหัว และคณะกรรมการได้ลงมติยืนยันการเป็นกรรมการของจ๋ายหวินเชิ่ง
คณะกรรมการโรงเรียนเห็นจ๋ายหวินเชิ่งราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต
นายท่านเชิ่งกลายเป็นผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับพวกเขา
การพิงต้นไม้ใหญ่ย่อมเป็นการดี ย่อมได้รับความร่มเย็น
มือของหัวหน้าฝ่ายซึ่งกำลังจะโทรออกหยุดชะงัก
เชิ่งหัวเป็นโรงเรียนมัธยมเอกชน จะมีระบบคล้ายกับของต่างประเทศ เปรียบเทียบไม่ได้กับโรงเรียนทั่วไป