เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 253-254

 

“ของขวัญ” ที่เจี่ยนหยู่หมินได้รับจากเจี่ยนอีหลิงไม่ใช่น้ำตาและน้ำมูกของเธอที่ไหลโชกท่วมกางเกงเขาอีกต่อไป…

 

สิ่งที่ดีที่สุดก็คือครั้งสุดท้าย ตอนที่เจี่ยนอีหลิงป่วย เขาได้รับหงเปา 8.88 ห้าซองจากเธอ

 

“ พี่หยู่ ผมรู้สึกเปรี้ยว(อิจฉา/หึง) เปรี้ยวจริงๆ” ลั่วซวินเอนตัวไปมองถุงกระดาษในมือของเจี่ยนหยู่หมินด้วยความอยากรู้

 

“ผมก็เปรี้ยวเหมือนกัน มันน่าตื่นเต้นเหลือเกิน ทำไมเราไม่มีของขวัญบ้างเลย มันน่าแปลกใจเกินไปจริงๆ”

 

“นี่มันช่างแตกต่างและน่าเจ็บใจ มื้อดึกวันนี้ไม่อร่อยแล้ว”

 

สมาชิกที่แสดงความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังของพวกเขา

 

พวกเขาไม่มีน้องสาว และก็ไม่มีน้องสาวตัวเล็กๆที่เอาใจใส่ ซึ่งคอยเตรียมของขวัญให้กับพี่ชายเขา

 

ลั่วซวินไม่ยอมออกไปจากข้างกายของเจี่ยนหยู่หมิน เขาต้องดูว่าเจี่ยนอีหลิงให้ของขวัญอะไรเจี่ยนหยู่หมิน

 

ภายใต้การคะยั้นคะยออย่างต่อเนื่องของลั่วซวิน ในที่สุดเจี่ยนหยู่หมินก็เปิดของขวัญต่อหน้าทุกคน

 

ในถุงกระดาษมีของสองสิ่ง

 

สิ่งที่เหมือนกันกับคนอื่นก็คือเสื้อไหมพรม มันเป็นเสื้อไหมพรมคอเต่าสีแดงเข้ม

 

โดยทั่วไปแล้วสีแดงเข้มไม่เหมาะกับผู้ชาย แต่เจี่ยนหยู่หมินไม่มีปัญหานี้

 

นอกจากนี้ก็ยังมีหมวกไหมพรมสีดำ

 

สไตล์เรียบง่าย แต่ก็มีเสน่ห์มาก

 

“พี่ชอบของขวัญของอีหลิงมาก ขอบคุณนะ” เจี่ยนหยู่หมินรู้สึกมีความสุข และสีหน้าเขาก็เปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นกัน

 

ดีใจจังที่มีน้องสาว

 

“น้องสาว เป็นคนทำเองทั้งหมดเลยนะ” ด้วยกลัวว่าเจี่ยนหยู่หมินจะคิดว่าเจี่ยนอีหลิงซื้อมา เจี่ยนหยู่เจี๋ยจึงเน้นซ้ำอีกครั้ง

 

เพราะว่าเขาก็ได้รับเสื้อกันหนาวเหมือนกัน

 

“เชี่ย” ลั่วซวินอุทาน

 

แค่ได้รับของขวัญก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนอิจฉา และนี่ถึงกับเป็นงานทอมืออีกด้วย

 

เจี่ยนหยู่หมินสัมผัสเสื้อสเวตเตอร์ด้วยมือทั้งสองข้าง สีหน้าเขาดูมีความสุขอย่างมาก เขาต้องการทำให้สมาชิกในวงคนอื่นๆรู้สึกว่าเขามีความสุขแค่ไหน

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาเช่นเดียวกัน

 

เขามีเสื้อกันหนาวเหมือนกัน แต่หมวกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจี่ยนหยู่หมิน

 

เจี่ยนอีหลิงหยิบถุงกระดาษใบเล็กตามออกมาจากกระเป๋าใบเล็กที่เธอถืออยู่

 

ยังมีถุงกระดาษอีกเหรอ

 

เจี่ยนอีหลิงยื่นถุงกระดาษใบน้้นไปที่ตรงหน้าลั่วซวิน

 

“ของนาย”

 

ลั่วซวินประหลาดใจ และชี้ไปที่จมูกตัวเองเพื่อยืนยันกับเจี่ยนอีหลิง”สำหรับฉันเหรอ”

 

“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงรับคำเสียงเบา

 

ลั่วซวินรีบหยิบถุงกระดาษ

 

เมื่อเปิดออกดู นั่นเป็นหมวกไหมพรมทอมือ สไตล์และสีเดียวกันกับของเจี่ยนหยู่หมิน

 

ลั่วซวินรู้สึกปลื้มปิติยินดี

 

“เชี่ย ฉันก็มีหมวกไหมพรมทอมือจากน้องสาวอีหลิงด้วย”

 

ในคราครั้งนี้ เจี่ยนหยู่หมินเริ่มไม่มีความสุข “เด็กขี้แย ให้ฉันคนเดียวก็พอ ทำไมต้องให้เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้ด้วย”

 

สมาชิกที่เหลืออีกสองคนของวงจูปิเตอร์ก็ยิ่งไม่มีความสุข “ทำไมแค่ลั่วซวินที่ได้ของขวัญ”

 

เจี่ยนหยู่หมินเป็นพี่ชายและมีความเกี่ยวดองทางสายเลือดอยู่ พวกเขาไม่สามารถเปรียบเทียบ ได้แค่อิจฉาและเกลียดชัง

 

แต่ลั่วซวินก็เหมือนกับพวกเขาทั้งสองคน ทำไมลั่วซวินถึงได้รับด้วย

 

หรือว่าความสามารถในการกินรวบทุกช่วงอายุของเจ้าเด็กคนนี้ใช้ได้ผลจริง

 

หยูซีดูโง่ไปถนัดตา ได้แต่ถามตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ตรงหน้า น้องสาวอีหลิงให้หมวกไหมพรมที่เธอถักเองกับผู้ชายที่พบเธอเพียงแค่สองสามครั้งงั้นเหรอ

 

เขารู้จักเทพหลิงมานานแล้วแต่ก็ยังไม่มีส่วนบ้างเลย

 

โอ้พระเจ้า

 

หรือว่าการร้องรำทำเพลงมีเสน่ห์มากขนาดนี้เลยเหรอ

 

แม้แต่เทพหลิงก็ยังทนไม่ได้

 

หยูซีมองไปที่คนอื่นๆที่โต๊ะอาหารเย็นอีกครั้ง ก็พบว่าใบหน้าของเจี่ยนหยุ่นเฉิง เจี่ยนหยู่หมินและเจี่ยนหยู่เจี๋ยดูไม่ค่อยถูกต้องนัก อีกทั้งสายตาของพวกเขาก็ดูไม่ค่อยเป็นมิตร

 

 

สายตาที่ไม่เป็นมิตรของพวกเขาจดจ่ออยู่ที่คนๆเดียว นั่นก็คือลั่วซวินที่ได้รับของขวัญจากเจี่ยนอีหลิง

 

“เด็กน้อยขี้แย บอกพี่ซิว่า ทำไมเธอถึงให้ของขวัญเจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้”

 

เจี่ยนหยู่หมินถามเจี่ยนอีหลิงอย่างจริงจัง

 

“ขอบคุณเขา” เจี่ยนอีหลิงตอบ

 

ในนิยายผลงานดั้งเดิม ลั่วซวินปกป้องเจี่ยนอีหลิงมาเป็นเวลานาน และในท้ายที่สุด เพราะว่าเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเจี่ยนอีหลิง เขาจึงถูกดองงาน

 

ทุกคนต่างพากันมองไปที่ลั่วซวิน

 

นัยน์ตาเหมือนตำรวจกลุ่มหนึ่งกำลังมองไปยังผู้ต้องสงสัย

 

ลั่วซวินเองก็ตกตะลึง และเขาก็ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้เจี่ยนอีหลิงต้องมาขอบคุณเขา

 

แต่เขายังคงมีความสุขกับความรู้สึกอิจฉาจากทุกคน

 

“เป็นเพราะผมน่ารักมาก” ลั่วซวินกล่าวอย่างไร้ยางอาย

 

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ลั่วซวินก็ถูกรังเกียจจากสมาชิกคนอื่นๆในวงทันที

 

เหม็นเน่า

 

หน้าด้าน

 

ต้องโดนสักดอก

 

เจี่ยนหยู่หมินหันกลับมาพูดกับเจี่ยนอีหลิง “เด็กขี้แย อย่าหลงกลใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้”

 

ตอนนี้เจี่ยนหยู่หมินคิดสงสัยว่าลั่วซวินอาศัยรูปร่างหน้าตาของตัวเองดูว่าผู้คนรักและชอบอะไรกัน ลูกหมาติดนมตัวน้อยนี้อาจจะมาหลอกลวงเจี่ยนอีหลิง

 

สิ่งนี้ต้องไม่เกิดขึ้น

 

“ใช่พี่ชายใหญ่พูดถูก” เจี่ยนหยู่เจี๋ยและเจี่ยนหยู่หมินเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างน่าประหลาดใจ และความคิดเห็นของพวกเขาก็สอดคล้องกันอย่างมาก

 

เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่พอใจ

 

หมวกของน้องอีหลิง น้องอีหลิงถักเสื้อผ้าหรือหมวกอย่างยากลำบากมาก

 

ไม่เป็นไรถ้าพี่ใหญ่ได้ไป แต่ทำไมลั่วซวินที่น่ารังเกียจคนนี้ถึงได้รับด้วย

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็มีใบหน้าบึ้งตึง มองไปที่เจี่ยนอีหลิงและลั่วซวิน อารมณ์ที่ไม่เป็นสุขก็ระเบิดออกมา

 

โดยเฉพาะใบหน้าที่ยิ้มแย้มของลั่วซวินเมื่อตอนที่เขาได้รับของขวัญจากเจี่ยนอีหลิง

 

ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ เขาคงจะพูดไปแล้วในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด อาจจะตรงกว่าของเจี่ยนหยู่หมิน และเขาต้องการเตือนลั่วซวินให้อยู่ห่างจากน้องสาวเขา

 

แต่ตอนนี้ มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาระงับแรงกระตุ้นนี้

 

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซี่ยวหลิงกลายเป็นแปลกแยกมาก และหากเขายังทำอะไรบางอย่างที่ขัดกับความปรารถนาของเธอในตอนนี้ นั่นอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิงเป็นคนที่เยือกเย็น หยิ่ง และอดกลั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอดกลั้นอารมณ์ แต่เขาก็ยังทนได้

 

ความรู้สึกอยากจะแทรกแซง แต่ไม่สามารถแทรกแซงได้ทั้งอึดอัดและขมขื่น

 

ด้วยเหตุนี้อาหารมื้อดึกนี้กลายเป็นจืดชืด

 

หยูซีใช้เวลาในการส่งข้อความถึงจ๋ายหวินเชิ่งที่ไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ พร้อมกับรูปถ่ายที่เขาแอบถ่าย

 

[คอนเสิร์ตของจูปิเตอร์จบลงอย่างสมบูรณ์แบบและเทพหลิงได้เป็นคนเริ่มต้นมอบเสื้อกันหนาวถักด้วยมือและหมวกให้เป็นของขวัญ แต่ไม่เพียงเจี่ยนหยู่หมินเท่านั้นที่ได้รับ สมาชิกอีกคนในทีมก็ได้รับเช่นเดียวกัน]

 

หลังจากส่งข้อความไปก็ไม่มีการตอบรับ

 

หยูซีคิดว่าอาจจะเป็นเพราะดึกเกินไปจนนายท่านเชิ่งเข้านอนแล้ว

 

###

 

ขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารมื้อเย็นในร้านอาหารของตระกูลหยู เจี่ยนหยุ่นน่าวก็อยู่คนเดียวในรถมาตลอดเวลา

 

แม้ว่าเจี่ยนหยุ่นเฉิงจะบอกเขาว่า เขาสามารถเลือกที่จะกลับด้วยตัวเอง เจี่ยนหยุ่นน่าวก็ยังไม่เต็มใจ และเลือกที่จะอยู่ในรถ รอให้ทุกคนกลับมา

 

ในเวลาตีหนึ่ง ในที่สุดเจี่ยนหยุ่นน่าวก็เห็นเจี่ยนหยุ่นเฉิง

 

“พี่ชาย” ดวงตาของเจี่ยนหยุ่นน่าวเป็นประกายขึ้นเมื่อเขาเห็นเจี่ยนหยุ่นเฉิง จากนั้นเมื่อเขามองไปข้างหลังเจี่ยนหยุ่นเฉิง ก็ได้พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังเขา

 

“เซี่ยวหลิงอยู่ไหนเหรอ” เจี่ยนหยุ่นน่าวถามอย่างรีบร้อน

 

“หยู่หมินพาเธอกลับไปแล้ว”

 

เจี่ยนหยู่หมินกลับไปที่บ้านหลังเก่า และพวกเขากำลังจะกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเจี่ยน

 

ตามหลักการแล้ว การให้เจี่ยนอีหลิงกลับไปพร้อมกับเจี่ยนหยู่หมินเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลและได้ผลที่สุด

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset