ลั่วซวินเป็นกัปตันทีมของเกม เขาดูคำขอที่หน้าจอเกมด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
ยืนยันชื่ออีกครั้ง
ZYS
นี่ไม่ใช่อันดับที่สองเหรอ
ถูกต้องนี่เป็นอันดับที่สองไม่ใช่ชื่อของเกาฟาง
ดังนั้นลั่วซวินจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เตะชี่ไป่หยางออกจากทีมและเพิ่ม ZYS เข้ามา
ชี่ไป่หยางหันหน้ามองไปที่ลั่วซวินพร้อมกับเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าเขา
“เจ้าเด็กลั่วซวิน นายไม่มีจิตใจบ้างเลยเหรอ” ชี่ไป่หยางสงบใจลง
“พี่ไป่หยาง นี่ไม่ใช่อันดับที่สองในอันดับท๊อปเหรอ พี่ไม่ต้องการดูอันดับแรกและอันดับที่สองฆ่าพวกมันร่วมกันเหรอ”
ชี่ไป่หยางคิดสักพักก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลและยอมเห็นด้วย
ในเมื่อเขาไม่ได้เล่นอีก เขาก็จึงไปดูการเล่นของเจี่ยนอีหลิง
เขาต้องการเห็นความเร็วมือของท่านมหาเทพ
นิ้วเจี่ยนอีหลิงเป็นสีขาวและนุ่มนวลดูอ่อนแอและบอบบาง แต่ในความเป็นจริงยามที่เธอกดแป้นพิมพ์และเมาส์นั้นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง …
จ๋ายหวินเชิ่งเข้าเกมก็เพราะเจี่ยนอีหลิง
จากรายชื่อเพื่อน เขาก็จะเห็นได้ว่าเพื่อนของเขากำลังเล่นเกม
เมื่อเกมเจี่ยนอีหลิงจบลง เขาก็จึงสมัครเข้าร่วมทีมที่เจี่ยนอีหลิงอยู่
ลั่วซวินเปิดเสียงของทีมเป็นพิเศษ แต่ ZYS ไม่ได้สื่อสารกับใคร
เกมใหม่เริ่มต้นขึ้น
เจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งก็เริ่มฆ่าตามอำเภอใจ
ข้อความการสังหารของ J10 และ ZYS ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องบนหน้าจอ
ลั่วซวินต้องการติดตามและเพิ่มคะแนน
ท้ายที่สุด เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาหลงเข้าไปในฝูงศัตรูด้วยตัวเองและตายอย่างอนาถ
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเขายังคงเรียก ZYS ผ่านช่องทางของทีมเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่ ZYS ไม่มีความตั้งใจที่จะช่วยเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงเฝ้าดูแถบเลือดของเขากลับคืนสู่ศูนย์
ในตอนท้ายของเกม ลั่วซวินที่ตายก่อนตั้งแต่ต้น ก็นอนชนะได้สำเร็จ
ในเกมที่สองลั่วซวินตามเขาไปอีกครั้งและก็ถูกโจมตีโดยเซิร์กที่ตาม ZYS อยู่ด้านหลัง
ในเกมที่สาม ลั่วซวินยังคงเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ในคราครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเขามุ่งเน้นไปที่การรักษาชีวิตของตนเองและทำตามขั้นตอนของน้องสาวอีหลิงเสมอ ผลก็คือเขาตกหลุมพรางของ Zerg และสิ้นชีวิตสมเกียรติ
หลังจากผ่านไปสามเกมลั่วซวินก็พบเจอแต่ประสบการณ์การเล่นเกมที่อเนจอนาถ
แม้ว่าคะแนนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่รู้สึกมีความสุขกับการชนะเกมเลย
ลั่วซวินดูสับสน เขาไม่รู้ว่าโชคเขาจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ได้ยังไง มีแต่วิธีการตายที่ยอดเยี่ยม
ไม่ว่าเพื่อนร่วมทีมเขาจะสังหารพวกมันยังไง ผลสุดท้ายของพวกเขาจะดีเพียงใด เขาก็ไม่สามารถรอดพ้นจากชะตากรรมของการตายตั้งแต่ช่วงต้นเกมได้
แต่ตอนนี้เจี่ยนหยู่หมินมีความกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องอื่น เขาตั้งคำถาม “น้องสาว ZYS คือใคร น้องรู้จักไหม”
“อื้อ”
“เป็นชายหรือหญิง ระวังตัวด้วยนะ มีสแกมเมอร์จำนวนมากบนอินเทอร์เน็ตที่เชี่ยวชาญด้านการหลอกลวงเงินทอง”
น้องสาวของเขายังคงเป็นเด็ก คงจะไม่ดีหากว่าเจี่ยนหยู่หมินจะบอกเธอไปตรงๆว่ามีบางคนที่ต้องการหลอกล่อให้ไปมีเพศสัมพันธ์
“ไม่เป็นไร เขามีเงิน”
“ก็เป็นแค่คำพูดไม่ใช่เหรอ อย่าเพิ่งเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนี้ บางคนชอบแกล้งว่าเป็นคนมีเงินอยู่ทางออนไลน์ แต่จริงๆแล้วเขาเป็นแค่พวกคนอ้วน อยู่แต่บ้าน”
“เขาไม่อ้วน เขาไม่ได้พูดแบบนั้น หยูซีก็รู้จัก”
“หยูซีรู้ใช่ไหม งั้นพี่จะกลับไปถามเขา”
###
สุดสัปดาห์ เจี่ยนหยุ่นเฉิงได้รับสายจากเจี่ยนหยุ่นโม่
หลังจากรับสายแล้วเสียงที่อบอุ่นและชัดเจนในโทรศัพท์ก็กล่าวขึ้นว่า “ฉันกลับมาแล้ว อยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านจากสนามบิน”
เมื่อเจี่ยนหยุ่นโม่โทรหาเจี่ยนหยุ่นเฉิง คนก็เกือบจะถึงบ้านแล้ว
เขาไม่ได้แจ้งเจี่ยนหยุ่นเฉิงล่วงหน้า และไม่ได้ขอให้ครอบครัวมารับเขาที่สนามบิน
“ฉันจะรอนายอยู่ชั้นล่าง” เจี่ยนหยุ่นเฉิงพูด
“อีก 1 ชั่วโมง”
“โอเค”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มีแท็กซี่มาจอดที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยน
เขาลงจากรถ เขาเป็นชายที่สวมเสื้อคลุมลายสก็อตสีอ่อน รูปร่างประเปรียวและใบหน้าที่หล่อเหลาอ่อนโยน
เขาคือเจี่ยนหยุ่นโม่
เจี่ยนหยุ่นเฉิงและเจี่ยนหยุ่นโม่ไม่ได้เหมือนกันมากนัก เจี่ยนหยุ่นเฉิงขรึมและเฉยชา ในขณะที่เจี่ยนหยุ่นโม่อบอุ่นและนุ่มนวล
สองพี่น้องสบตากัน ต่างฝ่ายต่างไม่พูดกันชั่วขณะ
บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดระหว่างพี่น้องมากนัก
เจี่ยนหยุ่นเฉิงและเจี่ยนหยุ่นโม่นั่งลงที่ห้องนั่งเล่น
เจี่ยนหยุ่นเฉิงบอกเจี่ยนหยุ่นโม่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
หลังจากที่เจี่ยนหยุ่นโม่ฟังแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน แต่ตาเขานั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง
“หยุ่นโม่” เจี่ยนหยุ่นเฉิงรอเป็นเวลานาน แต่เมื่อรอเจี่ยนหยุ่นโม่ต่อไปไม่ไหว จึงได้แต่เรียกชื่อเขา
ขอให้เขาพูดในสิ่งที่ต้องการจะพูดออกมาก็แล้วกัน
เจี่ยนหยุ่นเฉิงรู้ว่าเจี่ยนหยุ่นโม่น่าจะโกรธ โกรธที่พวกเขาดูแลเด็กหญิงตัวเล็กๆไม่ดี โกรธที่ทำให้เด็กหญิงตัวเล็กๆได้รับความไม่เป็นธรรม
“นายปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวสักพัก” เสียงของเจี่ยนหยุ่นโม่เหมือนกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงรู้สึกได้ว่าเขากำลังกลั้นความโกรธ
ถ้าคุยกับเขาต่อไปในตอนนี้ อาจจะมีการทะเลาะกันครั้งใหญ่ระหว่างพี่น้อง
เจี่ยนหยุ่นเฉิงจึงปล่อยให้เจี่ยนหยุ่นโม่อยู่คนเดียวไปก่อน และหลังจากที่อีกฝ่ายเยือกเย็นลงแล้ว พวกเขาจะคุยกันในเรื่องต่อไป …
เจี่ยนหยุ่นโม่เดินตามลำพังเข้าไปในห้องทำงานของตนเองที่ชั้นสอง ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นห้องทดลองเมื่อนานมาแล้ว
จิตใจของเจี่ยนหยุ่นโม่หวนรำลึกขึ้นมาถึงส่วนเสี้ยวของความทรงจำในห้องปฏิบัติการกับน้องสาว
เด็กหญิงตัวเล็กๆจากอดีตปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างชัดเจนอีกครั้ง
“พี่ชายรอง พี่ชายรอง ฉันอยากกินมาร์ชเมลโลว์ แม่ไม่ให้ฉัน พี่ซื้อให้ฉันได้ไหม ฉันจะจูบพี่แล้วพี่ซื้อให้ฉันนะ”
“พี่ชายรอง พี่ชายรอง ฟันหน้าของฉันหลุดออกมาแล้ว โอ ฉันน่าเกลียดแล้ว”
“พี่ชายรอง พี่ชายใหญ่ตีฉัน ฉันไม่ชอบเขาอีกต่อไป ฉันจะทำสงครามเย็นกับเขา”
“พี่ชายรอง วันนี้พี่ชายสามร้องไห้ด้วย แต่เขาอาย พอฉันให้ขนมหมีน้อยที่พี่ให้ฉัน เขาก็ไม่ร้องไห้อีกต่อไป”
ตอนนั้นเด็กหญิงตัวเล็กๆนั้นก็ยังคงเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก
ต่อมาเธอก็โตขึ้นเล็กน้อยและก็เริ่มไปโรงเรียน
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอนอนอยู่ในห้องทดลองกับเขา เธอเฝ้าดูเขาทำการทดลอง ดวงตาเธอมักเต็มไปด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลกๆของการทดลอง เธอก็มีความสุขกระโดดโลดเต้นเต็มไปด้วยความสุข
ในปีนั้นพวกเขาปลูกดอกไม้เมืองร้อน ที่กล่าวกันว่าไม่สามารถปลูกได้ในประเทศของพวกเขา
ไม่เพียงแต่พืชจะยังคงมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ยังออกดอกอีกด้วย
แต่ดอกไม้ก็เหี่ยวแห้งไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ชายรอง ดอกไม้ที่เราปลูกกำลังเฉา ฉันไม่มีความสุขเลย”
“บ้าสิ แน่นอนว่าดอกไม้จะต้องเหี่ยวเฉา จะมีดอกไม้ที่บานตลอดไม่เหี่ยวเฉาไปได้ยังไง”
“ถ้าอย่างงั้น เราก็พัฒนาสายพันธุ์ดอกไม้ที่บานอยู่เสมอ ไม่เหี่ยวเฉา ดีไหม”
“เอาล่ะ เมื่อตอนที่น้องโตขึ้น น้องมาเรียนกับพี่ชายรองไหม”
“อื้อ”
เมื่อภาพเหล่านั้นจางหายไป เขาก็กลับคืนมาสู่ความเป็นจริง เพียงแค่คิดถึงทุกสิ่งที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงพูด อารมณ์ของเจี่ยนหยุ่นโม่ก็ตกต่ำ
เขาเข้าใจว่าพี่ชายใหญ่ขอให้เขากลับมา เพราะต้องการให้เขาช่วยประสานความสัมพันธ์ของครอบครัวกับน้องสาว
แต่ปีกเธอหักและเขาไม่มีความสามารถที่จะต่อมันกลับ
เจี่ยนหยุ่นโม่ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในห้องปฏิบัติการเพียงลำพัง
ในที่สุดเมื่อเขาสามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ เขาก็ไปที่ห้องหนังสือของพี่ชายเขาที่อยู่ถัดไป
หลังจากเข้าประตูไปแล้ว เจี่ยนหยุ่นโม่ก็บอกกับเจี่ยนหยุ่นเฉิงว่า “ฉันไม่อยากเสียอารมณ์ เพราะฉันรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอารมณ์เสีย และฉันไม่สามารถเปลี่ยนความคับข้องใจของเสี่ยวหลิงได้”
“ถ้านายอยากด่า ก็ด่าได้เลย ไม่ต้องอดกลั้นเอาไว้”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงรู้ว่าน้องชายเขารักน้องสาวมากที่สุด และตอนนี้น้องสาวของเขาต้องเผชิญกับความคับแค้นใจอย่างมาก