เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 275-276

 

แต่ต่อมาภายหลัง พี่ชายและน้องสาวต่างก็ไม่รู้ว่ามีความขัดแย้งระหว่างพวกเขากันตรงไหน และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็เริ่มห่างเหิน

 

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เจี่ยนอีหลิงก็ตัดสินใจหาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนหยุ่นโม่และเจี่ยนอีหลิง

 

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่า เธอจะได้พบอะไรหรือไม่

 

เจี่ยนอีหลิงส่งข้อความถึงคนหนึ่งในรายชื่อผู้ติดต่อ ขอให้เขาช่วยเธอค้นหาสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นกับเจี่ยนหยุ่นโม่ และสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเจี่ยนอีหลิงเมื่อประมาณสองปีก่อน

 

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้รับคำตอบกลับมาจากอีกฝ่าย

 

อีกฝ่ายส่งมาเป็นเอกสารให้เธอโดยตรง

 

เนื้อหาในเอกสารครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และการเดินทาง

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจี่ยนหยุ่นโม่ในปีนั้น ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์พิเศษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาของเขา

 

งานวิจัยชิ้นหนึ่งของเขาได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ได้รับการตีพิมพ์บทความ เขาได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และกลายเป็นนักศึกษาของนักชีววิทยาชั้นนำระดับนานาชาติ

 

อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

เจี่ยนอีหลิงสังเกตพบว่าเจี่ยนหยุ่นโม่ได้ไปพบแพทย์เมื่อสองปีก่อน และใช้เวลาชั่วระยะหนึ่ง

 

ทันใดนั้นเอง เจี่ยนอีหลิงก็นึกขึ้นได้ว่าในงานต้นฉบับ เจี่ยนหยุ่นโม่ก็เสียชีวิตก่อนเจี่ยนอีหลิงด้วย

 

นี่มีความเชื่อมโยงกับเรื่องนี้หรือไม่

 

หากเธอสามารถเห็นผลการวินิจฉัยของโรงพยาบาล เธออาจจะรู้คำตอบก็เป็นไปได้

 

แต่ตอนนี้ เจี่ยนอีหลิงไม่สามารถดูผลการวินิจฉัยได้ เนื่องจากบันทึกการวินิจฉัยของโรงพยาบาลมีการรักษาความลับอย่างเคร่งครัด

 

แม้แต่บันทึกที่เธอเห็นตอนนี้ก็ยังต้องรับผ่านช่องทางพิเศษ

 

โรงพยาบาลที่เจี่ยนหยุ่นโม่ไปตอนที่เขาอยู่ที่ประเทศจีนนี้ก็อยู่ที่เมืองเหิงเหย่วน เจี่ยนอีหลิงอาจสามารถเริ่มจากโรงพยาบาลนี้ และรับข้อมูลที่เธอต้องการได้

 

###

 

คืนนี้ เจี่ยนอีหลิงได้ฝันอีกครั้ง

 

ฉากเดียวกัน หอผู้ป่วยในโรงพยาบาลอันเย็นเยียบ

 

แพทย์และพยาบาลคนเดียวกัน

 

แม้แต่ฉากในความฝันก็ตรงกับครั้งที่แล้ว

 

จ๋ายหวินเชิ่งปรากฏตัวที่หน้าเตียงพยาบาล แนะนำตัวเอง ถามเธออะไรบางอย่าง และไม่ได้มีความเศร้าเสียใจใดๆ หลังจากที่ถามเธอ

 

หลังจากเจี่ยนอีหลิงตอบเสร็จ จ๋ายหวินเชิ่งก็เงียบไปชั่วขณะ

 

“ร่างกายของเธอนั้นอยู่ไม่ไหวแล้ว เธอก็ควรไปเถอะนะ ถ้าเธอตาย เธอก็จะไม่มีความเจ็บปวดใดๆอีก ฉันจะช่วยเธอในเรื่องหลังของเธอเอง ตอนนี้ถ้าเธอต้องการอะไร เธอก็พูดออกมาเถอะในตอนนี้”

 

จ๋ายหวินเชิ่งกับเจี่ยนอีหลิงไม่เคยพบกันมาก่อน ดังนั้นเมื่อเจี่ยนอีหลิงเผชิญหน้ากับความตาย เขาจึงไม่มีความเสียใจใดๆ

 

แต่เขายินดีที่จะช่วยเจี่ยนอีหลิงจัดการกับเรื่องราวหลังจากนั้น นี่คือการดูแลเป็นครั้งสุดท้ายให้กับเจี่ยนอีหลิงผู้ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว

 

“ขอบคุณ” ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่ไร้สีเลือดเพราะอาการป่วยหนัก

 

เมื่อครั้งที่เธอเคยมีคนห่วงใยมากมาย คำสัญญาเช่นนี้ไม่มีค่าอะไร

 

แต่ในช่วงเวลานี้ เมื่อเธอถูกทอดทิ้งและไร้ความหวัง กลับมีใครบางคนที่เต็มใจจะจัดการกับเรื่องราวเบื้องหลังของเธอนั้น ถือเป็นความเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอสามารถรู้สึกได้

 

เจี่ยนอีหลิงบอกจ๋ายหวินเชิ่งว่า “ขอให้นายช่วยบอกใครสักคนส่งเถ้าถ่านฉันคนนี้ไปที่ชายหาดแล้วก็โยนมันลงทะเลไป”

 

เจี่ยนอีหลิงรู้ว่าจะไม่มีใครมาสักการะเธอหลังจากที่เธอเสียชีวิต ดังนั้นหลังจากที่เธอตายแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีสุสาน

 

และสุสานของตระกูลเจี่ยนเธอก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์เข้าไป

 

“โอเค ฉันสัญญากับเธอ” จ๋ายหวินเชิ่งยอมรับ

 

ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้ทักทายแพทย์ของเจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นคนแจ้งให้เขาทราบเมื่อตอนที่เจี่ยนอีหลิงป่วยหนัก

 

จากนั้นสติของเจี่ยนอีหลิงก็เริ่มสับสน

 

มีเสียงเตือน”ตี๊ดดดดดดดดดดดดดด” ดังขึ้นจากอุปกรณ์ทางการแพทย์

 

นอกจากนี้ก็ยังมีเสียงของแพทย์และพยาบาลเร่งขอความช่วยเหลือ

 

จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นเบาขึ้นและเบาขึ้น…

 

 

ตื่นขึ้นมาจากความฝัน

 

เจี่ยนอีหลิงลืมตาเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

มีเหงื่อเย็นเยียบมากมายบนร่าง

 

เธอเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อเย็นชืดจากหน้าผาก

 

เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอกลับมาฝันถึงฉากนี้อีกครั้ง

 

ในนิยายที่เธอได้อ่านที่มีโมชืออวิ้นเป็นตัวเอกนั้น ไม่มีคำอธิบายของเรื่องราวตอนนี้

 

และความรู้สึกนี้ก็สมจริงเหลือเกิน

 

ราวกับว่าเธอได้สิ้นลมขาดใจตายด้วยตัวของเธอเอง

 

###

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เจี่ยนอีหลิงก็ลุกขึ้นและออกมาจากห้อง

 

เธอพบว่ามีวัตถุแขวนอยู่ที่มือจับประตูด้านนอกประตูห้องของเธอ

 

ชั้นนอกเป็นฝาแก้วครึ่งทรงกลม และตรงกลางเป็นดอกกุหลาบสีส้มที่กำลังเบ่งบาน รูปทรงดอกไม้สวยงามมาก และดอกไม้ก็ดูสดชื่นราวกับเพิ่งเด็ดมา

 

กุหลาบพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างหายากมาก

 

หลังจากสังเกตดู เจี่ยนอีหลิงก็พบว่าดอกกุหลาบในฝาครอบแก้วเป็นดอกไม้นิรันดร์ * ที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

 

ดอกไม้นิรันดร์จำนวนมากในท้องตลาดเป็นของปลอม แต่ดอกไม้ในมือของเจี่ยนอีหลิงเป็นดอกไม้นิรันดร์ ของแท้ซึ่งทำจากดอกไม้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เจี่ยนอีหลิงดูฉลากที่ติดอยู่ที่ด้านล่างของฝาครอบกระจกครึ่งทรงกลม

 

ลายมือบนฉลากเข้มแข็งและงดงาม

 

นี่เป็นลายมือของเจี่ยนหยุ่นโม่

 

เจี่ยนอีหลิงใช้เวลานานในห้องปฏิบัติการของเจี่ยนหยุ่นโม่ อ่านบันทึกหลายฉบับก่อนหน้านี้และจำลายมือเขาได้

 

เนื้อหาที่เขียนไว้ด้านบน เป็นเรื่องเกี่ยวกับสายพันธุ์ของดอกกุหลาบนี้

 

หลังจากเจี่ยนอีหลิงมองดอกไม้นิรันดร์ในมืออยู่นาน จากนั้นเธอก็พามันไปไว้ที่ห้องนอนเธอ จากนั้นเธอก็ออกไป

 

###

 

วันรุ่งขึ้นเจี่ยนอีหลิงไปที่สถาบันวิจัย และในยามว่างในที่ทำงาน เธอก็บอกหลัวซิ่วเอินและเฉิงอี้ถึงความปรารถนาที่จะดูบันทึกการเข้าตรวจรักษาของผู้ป่วยในโรงพยาบาล

 

เฉิงอี้บอกกับเจี่ยนอีหลิงอย่างตรงๆว่า “ตามระเบียบแล้วจะไม่มีการอนุญาตให้เข้าไปดู แต่ถ้าหากว่าเป็นไปตามกฎก็ไม่มีปัญหา พูดง่ายๆก็คือหากย้ายผู้ป่วยมายังสถาบันของเรา เราก็จะได้รับอนุญาตให้ดูบันทึกทั้งหมดของผู้ป่วยรายนี้ แต่ถ้าผู้ป่วยที่เธอกำลังพูดถึงไม่มีความเต็มใจ วิธีนี้ก็จะไม่ได้ผล”

 

การโอนย้ายผู้ป่วยไปยังสถาบันวิจัยของพวกเขา จำเป็นต้องได้รับความยินยอมส่วนตัวของผู้ป่วยเอง และสถาบันวิจัยไม่สามารถบังคับให้อีกฝ่ายมาเป็นผู้เข้ารับการทดสอบของสถาบันวิจัยของพวกเขาได้

 

หลังจากคิดถึงเรื่องนี้สักพัก หลัวซิ่วเอินก็ถามเจี่ยนอีหลิงว่า “เธอรู้หรือเปล่าว่าโรงพยาบาลแห่งนี้คือที่ไหน”

 

“โรงพยาบาลถงเต๋อ”

 

“โรงพยาบาลเอกชนถงเต๋องั้นเหรอ”

 

หลัวซิ่วเอินและเฉิงอี้มองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มแปลกๆในเวลาเดียวกัน

 

เจี่ยนอีหลิงมองไปที่พวกเขาสองคนด้วยความสงสัย

 

จากนั้นหลัวซิ่วเอินก็พูดกับเจี่ยนอีหลิงว่า “เรามีวิธีช่วยน้องสาวอีหลิงแล้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั้นคือหงไป่จางไม่ใช่เหรอ เขาคุ้นเคยกับเราดี บางทีอาจจะมีวิธีก็ได้”

 

จะหลอกคนอื่นนั้นไม่ง่ายนัก แต่ถ้าเป็นตาเฒ่าหงแล้วก็ยังมีโอกาสอยู่

 

เจี่ยนอีหลิงเองก็เห็นหงไป่จางหลายครั้ง

 

เมื่อเธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคลำไส้อักเสบครั้งสุดท้าย เขาถูกขอให้มาดูแลเธอเป็นพิเศษ

 

เฉิงอี้ช่วยเจี่ยนอีหลิงนัดหมายกับหงไป่จาง

 

กระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่น เฉิงอี้เพียงแค่บอกว่าจะให้หงไป่จางไปทานอาหารและคุยเรื่องงานด้วย หงไป่จางตกลงด้วยในทันที และทำตัวขยันขันแข็งกระตือรือล้น

 

จากนั้นเฉิงอี้ก็บอกเขาว่า เขาจะนำสมาชิกที่สำคัญมากของสถาบันวิจัยของพวกเขาไปด้วย

 

หงไป่จางรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม และได้ทำการคาดเดาอยู่ในใจลึกๆ

 

[หรือว่านี่จะเป็น Dr.FS ผู้โด่งดัง] ปฏิกิริยาแรกของหงไป่จางคือศัลยแพทย์ลึกลับคนนี้

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะดีมาก

 

————————————————

 

ดอกไม้นิรันดร์* 永生花 ดอกไม้ที่ผ่านกรรมวิธีทำให้แห้ง (ดอกไม้แห้ง) และคงสภาพเดิมไว้ได้เกือบ 100%

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset