เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 301-302

 

“ถ้าเจ็บฉันจะได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน”

 

“นายไม่ได้ฝันไป ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ไม่จำเป็นต้องให้ฉันหยิกนาย” เจี่ยนอีหลิงบอกเจี่ยนหยู่เจี๋ยด้วยความมั่นใจ

 

ภายในห้องส่วนตัว คุณนายเฉียนและซูชี มองเด็กทั้งสองตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

 

พวกเขาไม่ได้มาพบกับ ‘คุณฝู’ หรอกเหรอ

 

เหตุใดถึงกลายเป็นนักเรียนมัธยมปลายสองคนมาที่นี่

 

คุณนายเฉียนถามทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวล “พวกเธอสองคนบังเอิญเข้าผิดห้องหรือเปล่า”

 

เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้าและพูดว่า “เปล่า คนที่คุณติดต่อคือฉัน”

 

คุณนายเฉียนมองไปที่เจี่ยนอีหลิงด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะพูดว่า “คุณฝูเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ”

 

“ไม่มีคุณฝู มีแค่ฉัน” เจี่ยนอีหลิงกล่าว

 

คำตอบนี้สร้างความประหลาดใจ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องที่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ บนอินเทอร์เน็ต คุณนายเฉียนไม่สามารถรู้ได้ว่า คนขายกล้วยไม้เป็นคนแบบไหน

 

ในขณะนั้น เจี่ยนหยู่เจี๋ยค่อยๆกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง จากบทสนทนาที่เขาได้ยินระหว่างคุณนายเฉียนและเจี่ยนอีหลิง เขาเข้าใจข้อมูลบางอย่างอย่างคลุมเครือ

 

เจี่ยนหยู่เจี๋ยหันไปถามเจี่ยนอีหลิง “อี้หลิง เกิดอะไรขึ้น”

 

“พวกเขาสนใจกล้วยไม้ ฉันกำลังนำกล้วยไม้มาให้พวกเขา” เจี่ยนอีหลิงตอบ

 

อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

คำตอบของเจี่ยนอีหลิงสำหรับคำถามเขาค่อนข้างงงงัน เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่รู้ว่าจะเข้าใจคำตอบเธอได้อย่างไร

 

กล้วยไม้เหรอ น้องสาวเขาเริ่มให้กล้วยไม้แก่คนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่

 

แล้วมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง ถึงกับเมื่อตอนที่พวกเขามาส่งกล้วยไม้ แล้วพวกเขาจะได้พบกับมาดามซูชี

 

เมื่อเจี่ยนอีหลิงพูดจบก็มีเสียงเคาะประตู จากนั้นชายคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง ชายคนนั้นถือกล่องที่ห่อไว้อย่างแน่นหนาในมือ

 

“มิสอี้หลิงนี่คือสิ่งที่คุณต้องการ ผมเอามาให้”

 

“วางบนพื้นแล้วเปิดออก” เจี่ยนอีหลิงสั่งชายคนนั้น

 

ชายคนนี้คือบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเชิ่ง จ๋ายหวินเชิ่งให้เจี่ยนอีหลิงยืมเขาไปเพื่อช่วยเธอทำสิ่งที่เธอต้องทำในวันนี้

 

เดิมทีเจี่ยนอีหลิงไม่ได้ตั้งใจจะยืมบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเชิ่ง อย่างไรก็ตาม เธอบังเอิญพบเขาในขณะที่เธอกำลังจะออกจากบ้านในวันนี้ จ๋ายหวินเชิ่งไม่ได้ถามเธอว่ากำลังทำอะไรหรือหิ้วอะไรอยู่ เขาเพียงให้ยืมบอดี้การ์ดคนหนึ่งของเขามาช่วยเธอถือของเท่านั้น

 

ขณะที่เจี่ยนอีหลิงยังต้องรอเจี่ยนหยู่เจี๋ย เธอจึงบอกที่อยู่ให้กับบอดี้การ์ด จากนั้นเธอก็ขอให้เขานำกล้วยไม้ไปยังห้องที่กำหนดไว้ที่ร้านอาหารในเวลาบ่ายโมง

 

หลังจากที่กล่องถูกเปิดออกต่อหน้าทุกคน นั่นก็คือกล้วยไม้ที่คุณนายเฉียนเคยสนใจ

 

คุณนายเฉียนเดินเข้ามาตรวจดูกล้วยไม้อย่างละเอียด หลังจากที่เธอยืนยันว่านี่คือกล้วยไม้ที่เธอต้องการจริงๆ ใบหน้าเธอก็สดใสไปด้วยความสุข

 

เจี่ยนหยู่เจี๋ยถามเจี่ยนอีหลิง “น้องสาว นี่คือกล้วยไม้ประเภทไหนกัน มีค่ามากไหม”

 

“มันไม่ได้มีค่าอะไรนัก ฉันดึงมันออกมาจากสวน”

 

ไม่มีคุณค่างั้นเหรอ ถอนมันออกจากสวนงั้นเหรอ

 

หลังจากได้ยินคำพูดนี้ คุณนายเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไงดี

 

ในเมื่อพ่อตาเธอชื่นชอบกล้วยไม้ เธอจึงได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับดอกไม้เหล่านี้ด้วยเช่นกัน เธอรู้ว่ากล้วยไม้นี้มีมูลค่าอย่างน้อยสองสามล้านดอลลาร์

 

กล้วยไม้นี้มีมูลค่าหลายล้าน…และเด็กผู้หญิงคนนี้ก็พูดราวกับว่ามันเป็นกล้วยไม้ธรรมดาที่ถอนมาจากสวนดอกไม้

 

คุณนายเฉียนมองไปที่เจี่ยนอีหลิงอย่างสงสัย สาวน้อยคนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกล้วยไม้เลยเหรอ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงแลกมันอย่างผ่านๆ เพื่อจะได้มีโอกาสได้พบกับนักมายากลระดับโลก

 

แต่เรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่คุณนายเฉียนสามารถทำได้มากอยู่ดี แม้ว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าเธอจะเข้าใจสถานการณ์ผิด แต่ข้อตกลงก็จบลงเรียบร้อยแล้ว

 

“เธอต้องการให้ซูชีเป็นอาจารย์ของเธอเหรอ” คุณนายเฉียนถามเจี่ยนอีหลิง

 

“ไม่ใช่ฉัน” เจี่ยนอีหลิงกล่าว จากนั้นเธอก็หันไปชี้ไปที่เจี่ยนหยู่เจี๋ย “เขา”

 

ทั้งคุณนายเฉียนและมาดามซูชีมองไปที่เจี่ยนหยู่เจี๋ย

 

ซูชีสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเจี่ยนหยู่เจี๋ยเมื่อเขาเข้ามาครั้งแรก

 

สายตาเธอช่างพินิจพิเคราะห์มาโดตลอดอยู่แล้ว มันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะอ่านปฏิกิริยาของวัยรุ่น

 

 

แทบจะในทันที เธอเห็นว่าเด็กชายชื่นชมและบูชาเธอมากแค่ไหน

 

ถ้าผู้หญิงคนนั้นบอกว่าอยากให้เธอเป็นอาจารย์ ซูชีก็คงไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามหากเธอบอกว่าเด็กชายต้องการให้เธอเป็นอาจารย์เขา ซูชีก็สามารถเชื่อคำพูดเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

 

คุณนายเฉียนอธิบายกับเจี่ยนอีหลิง “เงื่อนไขของเธอคือให้ฉันแนะนำคุณให้กับมาดามซูชี ฉันไม่รับผิดชอบว่าเธอจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในการทำให้เธอมาเป็นอาจารย์ของเขา”

 

คุณนายเฉียนมองเด็กสาวตรงหน้าเธอ เมื่อเธอเห็นท่าทางที่จริงจังบนใบหน้าอีกฝ่าย เธอก็รู้สึกแย่อย่างมาก

 

จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองซูชี เธอสงสัยว่าซูชีกำลังคิดอะไรอยู่

 

จากสิ่งที่เธอรู้ ซูชีไม่รับศิษย์มาหลายปีแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะรับเด็กชายมาเป็นศิษย์เธอแบบมั่วๆ

 

อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรอีกแล้วที่คุณนายเฉียนสามารถทำได้ เธอไม่สามารถบังคับให้ซูชีรับนักเรียนได้

 

ซูชีเดินขึ้นไปที่เจี่ยนหยู่เจี๋ยและเริ่มถามคำถามเขา

 

ตอนแรก เธอถามเขาว่าเขาเริ่มเรียนรู้มายากลเมื่อไหร่ เธอถามเขาว่าทำไมถึงชอบมายากลมาตั้งแต่แรก

 

จากนั้นเธอก็ถามคำถามเกี่ยวกับมายากลกับเขา

 

สุดท้ายเธอก็ขอให้เขาใช้กลเม็ดบางอย่างที่เขารู้ว่าต้องทำยังไง

 

หลังจากการแลกเปลี่ยนพูดคุย ซูชีก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

 

เธอมาที่นี่ในวันนี้เพราะเธอเป็นหนี้บุญคุณพ่อของคุณนายเฉียน เนื่องจากเขาขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอเขาได้

 

สำหรับการรับศิษย์นั้น เธอไม่เคยคิดมาก่อนที่เธอจะมาที่นี่ในวันนี้

 

ก่อนหน้านี้เธอค้นหามานานหลายปี และก็ไม่พบใครที่เหมาะสมที่จะเป็นศิษย์เธอ ไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะได้พบสักคนโดยบังเอิญ

 

อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกดีใจแกมประหลาดใจอย่างมาก กับความจริงที่ว่าเธอชอบคนที่อยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ

 

เธอชอบความหลงใหลอันบริสุทธิ์ที่เขามีต่อมายากล เธอชอบวิธีที่เขาจริงจังกับมายากล

 

สิ่งเหล่านี้เป็นสองสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมากที่สุด สำหรับเธอสองจุดนี้สำคัญกว่าพรสวรรค์

 

แน่นอนว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอก็มีพรสวรรค์มากเช่นกัน ถ้าเขาเป็นเศษหิน หลังจากเจียรนัยแล้ว ในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นวัตถุล้ำค่าอย่างแน่นอน

 

ซูชีพูดกับเจี่ยนหยู่เจี๋ย “เอ้อ วันนี้เราพอแค่นี้กันก่อนเถอะ ยังไงก็ตามเรามาแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกันไว้ ฉันจะติดต่อเธอทีหลังเพื่อให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น”

 

ซูชีไม่ตกลงที่จะรับเจี่ยนหยู่เจี๋ยเป็นลูกศิษย์เธอตรงๆ

 

อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวนั้นทำให้คุณนายเฉียนประหลาดใจ

 

นั่นหมายความว่า ความคิดเห็นของซูชีที่มีต่อเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอนั้นค่อนข้างดี เนื่องจากพวกเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อ ซึ่งนั่นหมายความว่ายังมีโอกาสที่เขาจะได้เป็นศิษย์ของซูชี

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีไม่กี่คนที่ได้รับเกียรตินี้

 

“ครับ ครับ ขอบคุณครูซูชี ขอบคุณครับ” เจี่ยนหยู่เจี๋ยร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เขามีความสุขเหลือเกิน

 

เขาหันกลับมาจับมือของเจี่ยนอีหลิง จากนั้นเขาก็เริ่มกระโดดขึ้นลงเหมือนเด็กสามขวบ

 

รอยยิ้มของเจี่ยนหยู่เจี๋ยเป็นโรคติดต่อ รอยยิ้มค่อยๆปรากฏบนใบหน้าของเจี่ยนอีหลิงเช่นเดียวกัน

 

ดวงตาเธอโค้ง รอยยิ้มเธออ่อนหวานนุ่มนวล

 

เจี่ยนอีหลิง เจี่ยนหยู่เจี๋ย คุณนายเฉียนและซูชีร่วมทานอาหารในห้อง

 

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็แยกจากกัน

 

คุณนายเฉียนถามทั้งสองคนว่า “พวกเธอจะไปไหนกัน พวกเธอต้องการให้ฉันให้ใครบางคนส่งเธอกลับบ้านหรือไม่”

 

“ขอบคุณ คุณนายเฉียน” เจี่ยนหยู่เจี๋ยกล่าว ในขณะที่เขาปฏิเสธความเมตตาเธอ “เรามีคนขับรถของครอบครัวพามาที่นี่ เขาจะพาเรากลับไปเอง”

 

“เอาล่ะ ดูแลตัวเองระหว่างทางกลับบ้านด้วยนะ”

 

จากนั้นคุณนายเฉียนและซูชีก็ดูเจี่ยนหยู่เจี๋ยและเจี่ยนอีหลิงจากไป

 

โม่ชืออวิ้นมาถึงหนึ่งอึดใจหลังจากที่เจี่ยนอีหลิงจากไป

 

คุณนายเฉียนขอให้เธอมา

 

คุณนายเฉียนประเมินว่ามื้ออาหารของพวกเธอกับ ‘คุณฝู’ กำลังจะจบลงแล้ว ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความไปยังโม่ชืออวิ้นเพื่อขอให้เธอมาพบ เธอต้องการซื้อเสื้อผ้าให้โม่ชืออวิ้น อย่างไรก็ตามเธอได้ส่งข้อความถึงโม่ชืออวิ้นว่าเธอแค่ต้องการเพื่อนร่วมเดินในขณะที่ช้อปปิ้ง

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset