หลังจากที่ชูชาพูดจบ ทุกคนก็มองไปที่เจี่ยนอีหลิงด้วยสายตาสงสัย
หูเจียวเจียวคว้ามือของเจี่ยนอีหลิงและพยายามที่จะดึงเธอออกไป
ทั้งสองคนไม่เก่งในการโต้เถียง ชูชาคงเถียงได้ดีกว่าทั้งสองคนรวมกัน
อย่างไรก็ตาม เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ออกจากโรงอาหาร เธอเพิ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากคำพูดของชูชา
บทของโม่ชืออวิ้นถูกแย่งไป ทั้งสองคนนั้นสงสัยว่าเธอเป็นคนทำ
เจี่ยนอีหลิงหยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความถึงคนที่เคยต้องการให้เธอเข้าวงการบันเทิง
อีกฝ่ายตอบกลับเธออย่างรวดเร็ว [ตกลง ให้เวลาฉันสักสองสามนาที ฉันจะดูแลเรื่องนี้ให้คุณ]
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
ในช่วงเวลาที่เจี่ยนอีหลิงส่งข้อความ ชูชาก็กดดันเจี่ยนอีหลิงเพื่อให้ปากคำ
“เจี่ยนอีหลิง แกจะเล่นเป็นเบื้อใบ้ตอนนี้หรือไง แกจะแกล้งทำเป็นว่าแกพูดไม่ได้หรือยังไงกัน อย่างน้อยแกก็ควรจะขอโทษไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่ขอโทษ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ เธอปฏิเสธในทันที ไม่มีที่ว่างสำหรับการสนทนา
เจี่ยนหยุ่นน่าววิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา ในช่วงพักเที่ยงเขามักจะมองมาในทิศทางของเจี่ยนอีหลิงอยู่แล้ว
“ชูชา เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่”
ใบหน้าหล่อเหลาของเจี่ยนหยุ่นน่าวขมวดคิ้ว
เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่ได้ยินส่วนแรกสิ่งที่ชูชาพูด อย่างไรก็ตาม เขาได้ยินส่วนที่ชูชาเริ่มคาดคั้นกับเจี่ยนอีหลิง
ทันทีที่ชูชาเห็นเจี่ยนหยุ่นน่าว เธอก็เริ่มเสียใจกับการกระทำของตนเอง
แต่ว่า เธอไม่ได้พูดอะไรผิด ใช่ไหม แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเธอค่อนข้างหุนหันพลันแล่นที่จะพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาต่อหน้าเจี่ยนหยุ่นน่าว
“ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ ดูที่โม่ชืออวิ้นสิ ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ เธอเป็นคนที่เข้มแข็งมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเสียใจจริงๆ เธอก็ย่อมไม่ร้องไห้ ในฐานะเพื่อน ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอเสียใจ ฉันต้องการช่วยให้เธอได้รับความยุติธรรม”
ชูชาพยายามอธิบายการกระทำของตัวเอง
เธอพยายามอธิบายว่า เธอไม่ได้ตั้งใจทำให้ชีวิตของเจี่ยนอีหลิงลำบาก เธอทำเช่นนี้เพื่อเพื่อนเธอ
แต่นี่ทำให้เจี่ยนหยุ่นน่าวขมวดคิ้วมากขึ้น เขาหันไปมองที่โม่ชืออวิ้น
โม่ชืออวิ้นตาแดงและเต็มไปด้วยน้ำตา ความเจ็บปวดและความเศร้าโศกทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาผ่านดวงตา
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ เจี่ยนหยุ่นน่าวตัดสินใจตั้งคำถามกับเธอ “ทำไมเธอถึงคิดว่าอีหลิงทำสิ่งนี้”
โม่ชืออวิ้นหันหน้าไปมองเจี่ยนหยุ่นน่าว ดวงตาเธอเต็มไปด้วยน้ำตา แต่คำพูดของเธอยังคงหนักแน่น “เจี่ยนหยุ่นน่าว ฉันไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างนายกับน้องสาว แต่ว่าคำพูดของชูชานั้นชัดเจน ถ้าเธอไม่ได้ทำก็ให้เธอแสดงหลักฐานออกมา ฉันไม่ได้พยายามทำให้เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเธอ ฉันแค่ต้องการความจริง ความจริงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน ถ้าเรารู้ความจริงในตอนนี้ ผู้คนก็จะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากนี้”
แม้ว่าดวงตาของโม่ชืออวิ้นจะเต็มไปด้วยน้ำตา แต่น้ำเสียงเธอก็ยังคงเยือกเย็นและอดกลั้น สิ่งนี้ทำให้ผู้คนต่างมีความเห็นอกเห็นใจเธอมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้คำพูดเธอก็ไม่ได้หยาบคายและไร้เหตุผลเช่นกัน อย่างน้อยเมื่อเทียบกับชูชาแล้ว คำพูดของเธอมีหลักการมากกว่ามากนัก
นักเรียนรอบตัวเธอรู้สึกว่าพวกเขาเข้าใจได้ว่าโม่ชืออวิ้นรู้สึกอย่างไร
เจี่ยนอีหลิงมองไปที่โม่ชืออวิ้น “ตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เงื่อนไขประการที่สองของการดำเนินคดี กำหนดให้ผู้ฟ้องร้องต้องมีคำกล่าวอ้างและหลักฐานข้อเท็จจริงที่ชัดเจน จำเป็นต้องมีหลักฐานก่อนที่จะมีผู้ต้องสงสัย เมื่อมีหลักฐานแล้ว ผู้ต้องสงสัยจะต้องแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จากสิ่งที่เธอพูดมา เธอแค่พูดถึงแรงจูงใจในการก่ออาชญากรรมเท่านั้น ไม่มีมูลความจริง ดังนั้นฉันจึงไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานมาเพื่อปกป้องตัวเองจากการหมิ่นประมาทและการใส่ร้าย”
หูเจียวเจียวหันหน้าไปมองเจี่ยนอีหลิงด้วยความประหลาดใจ ความไม่อยากเชื่อเขียนอยู่บนใบหน้าเธอ
อีหลิงพูดคำพูดออกมามากมายในคราวเดียว
จนถึงทุกวันนี้ ที่เธอเคยเห็นอีหลิงพูดมากที่สุดก็คือตอนที่ครูเรียกเธอขึ้นมาเพื่อตอบคำถามในชั้นเรียน
ปัจจุบัน นอกจากครูสอนภาษาจีนแล้ว ครูส่วนใหญ่ชอบเรียกเจี่ยนอีหลิงไปตอบคำถาม
หลังจากฟังสิ่งที่เจี่ยนอีหลิงพูด ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักว่า ข้อโต้แย้งของเจี่ยนอีหลิงนั้นเข้าท่ากว่า แม้ว่าคำพูดของโม่ชืออวิ้นจะไม่ถึงกับไม่มีเหตุผล แต่คำพูดเธอก็ไม่มีการสนับสนุนด้วยหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริง
เหตุผล ‘ที่ดีที่สุด’ ของชูชาและโม่ชืออวิ้นนั้น มีพื้นฐานอยู่แค่เพียงแรงจูงใจที่เป็นไปได้ว่า น่าจะเป็นการกระทำของเจี่ยนอีหลิงเท่านั้น พวกเธอไม่มีหลักฐานมายืนยันคำพูดของพวกเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ชืออวิ้นโต้เถียงกับเจี่ยนอีหลิง ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเจี่ยนอีหลิงที่เธอเคยรู้จัก
ในความทรงจำของเธอ เจี่ยนอีหลิงที่เธอจำได้ จะตะโกนและกรีดร้องทุกครั้งที่เธออารมณ์เสีย เธอถึงกับด่าคนด้วยซ้ำ สิ่งที่เธอไม่เคยทำคือการโต้เถียงให้กับตัวเองอย่างชัดเจนและรัดกุมเช่นนี้
ในขณะที่โม่ชืออวิ้นและชูชาประหลาดใจกับปฏิกิริยาของเจี่ยนอีหลิงอยู่นั้น ก็มีข่าวเพิ่มเติมออกมาทางอินเทอร์เน็ต
ข่าวดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่มีการเปลี่ยนตัวนักแสดง
มีคนเปิดเผยเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนตัวดังกล่าว
ปรากฎว่านักแสดงใหม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักลงทุนของละครเรื่องนี้ ดังนั้นนักลงทุนจึงขอให้ทีมผู้ผลิตมอบบทบาทให้หยุนเหว่ย
แม้ว่าหยุนเหว่ยจะเป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่ง แต่นี่ก็เป็นเพียงวลีที่นักลงทุนใช้เพื่อโฆษณาเธอ ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่รู้จักเธอแบบนั้น
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
บุคคลที่เปิดเผยข้อมูลได้ให้หลักฐานภาพถ่ายและแม้กระทั่งการบันทึกเพื่อสนับสนุนเรื่องราวเหล่านั้น ไม่ใช่แค่พูดพล่อยๆ
ข่าวนี้พุ่งขึ้นสู่อันดับต้นๆของเสิร์ชเอนจินในทันที
ใช้เวลาเพียงเจ็ดถึงแปดนาทีในการกระจายข่าวให้กับนักเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัว
พวกเขามองความจริงตรงหน้า จากนั้นก็มองไปที่โม่ชืออวิ้นที่ยังคงร้องไห้และตั้งคำถามกับเจี่ยนอีหลิง สายตาของนักเรียนหลายร้อยคนในโรงอาหารเปลี่ยนไปอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม โม่ชืออวิ้นและชูชายังคงกังวลว่าจะโต้แย้งกับเจี่ยนอีหลิงอย่างไรอยู่นั้นยังไม่เห็นข่าวล่าสุดนี้
เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเจี่ยนหยุ่นน่าววิ่งเข้ามาข้างๆเขา ตบบ่าเจี่ยนหยุ่นน่าวอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็โชว์โทรศัพท์มือถือให้เจี่ยนหยุ่นน่าว
หลังจากอ่านเนื้อหาของบทความแล้ว เจี่ยนหยุ่นน่าวก็ไม่ลังเลใจอีกเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาเข้าไปเผชิญหน้ากับชูชาและโม่ชืออวิ้นทันที
“ชูชา โม่ชืออวิ้น ดูเนื้อหาของโพสต์นี้ให้ดี ไม่ใช่ว่าพวกเธอต้องการหลักฐานหรอกเหรอ มีหลักฐานอยู่บนอินเทอร์เน็ตแล้ว”
ชูชาหัวใจหยุดเต้นไปชั่ววินาที ลางไม่ดีเกิดขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว
ไม่น่าจะมีความผิดพลาดนี่นา
ไม่ควรมี…นอกจากเจี่ยนอีหลิงแล้ว ใครจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับโม่ชืออวิ้นอีก
โม่ชืออวิ้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนส่วนใหญ่ในโรงเรียน
ใบหน้าของโม่ชืออวิ้นก็ซีดลงเช่นกัน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมาและเลื่อนไปยังส่วนการค้นหาที่นิยมในขณะนี้
มีเรื่องราวใหม่ที่ด้านบนของส่วนนี้
เนื้อหาข่าวนี้มีพลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ มีหลักฐานและแม้กระทั่งหลักฐานเสียงสนับสนุนเนื้อหาของข่าวด้วย
มันอธิบายได้ตรงๆเลยว่าทำไมเธอถึงถูกแทนที่โดยทีมผู้ผลิต
ด้านล่างบทความ มีความคิดเห็นที่เต็มไปด้วยผู้คนประท้วงเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรมที่โม่ชืออวิ้นกำลังได้รับ
นี่ควรจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอ
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เธอกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย เธอรู้สึกหนาวสั่นลงไปถึงกระดูกสันหลัง
มีคนหลายร้อยคนในโรงอาหาร พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เธอ
ในสายตาเธอนั้นเหมือนกับว่า พวกเขากำลังมองเธออย่างเย็นชาและรังเกียจ
รู้สึกเหมือนมีดปลายแหลมแทงเข้าไปในหัวใจเธอ
ชูชาอายยิ่งกว่าโม่ชืออวิ้นเสียอีก
ก่อนหน้านี้ เธอแน่ใจเหลือเกินว่าเจี่ยนอีหลิงคือคนที่ตั้งใจจะยุ่งกับโม่ชืออวิ้น อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเจี่ยนอีหลิงกลับไม่ได้ทำ ชูชาเหมือนถูกความจริงตบหน้าต่อหน้าสาธารณะชน
นอกจากนี้ เธอยังถามเจี่ยนอีหลิงด้วยเสียงดัง อาาาา เธอรู้เสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก
ที่แย่ที่สุดก็คือ เจี่ยนหยุ่นน่าวได้ยินคำพูดเธอ
เธอยืนหยัดเพื่อโม่ชืออวิ้นไปทำไมกัน