เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 315-316

 

จ๋ายหวินเชิ่งตอบกลับความคิดเห็นของท่านผู้เฒ่าจ๋ายอย่างเฉื่อยชา “ยังไงก็ตาม เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งกลัวได้ง่ายกว่ากลุ่มผู้ชายที่หยาบกร้านกลุ่มนี้”

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายอารมณ์ขึ้น “แกทำเรื่องนี้โดยมีจุดประสงค์ไม่ใช่เหรอ แกไม่ต้องการให้ฉันเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่แกสนใจอยู่ใช่หรือเปล่า”

 

ยิ่งจ๋ายหวินเชิ่งเป็นแบบนี้ ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น นี่ยิ่งทำให้เขาอยากพบเด็กสาวคนนี้มากยิ่งขึ้น

 

ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายจึงประกาศว่า “เอาละ ไม่ว่าจะยังไง แกก็คงสนใจเธอ ถ้าแกไม่อยากเดทกับเธอและก็สนใจเธอ งั้นก็แค่แต่งงานกับเธอซะ”

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายทำสิ่งต่างๆอย่างเร่งรีบ เขายังไม่ได้พบกับเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็พร้อมที่จะให้หลานชายแต่งงานกับเธอแล้ว

 

เห็นได้ชัดว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายกังวลแค่ไหนกับเรื่องจ๋ายหวินเชิ่งแต่งงาน

 

จ๋ายหวินเชิ่งรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “หยุด เธอยังเป็นเด็ก ไม่มีใครสนใจเธอหรอก”

 

“แล้วทำไมแกไม่ให้ฉันเจอเธอ” ไม่ว่ายังไง ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ตั้งใจที่จะเจอเธอให้ได้ในวันนี้

 

นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นรูปถ่ายที่หยูซีส่งมา เขาก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา

 

“อาา ถ้าปู่อยากพบเธอ ถ้างั้นก็ไปหาเธอ ทำตามที่ปู่ต้องการ”

 

จ๋ายหวินเชิ่งไม่รั้งท่านผู้เฒ่าจ๋ายไว้อีกต่อไป

 

ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายจึงหันหน้าไปหาหยูซี “เอาล่ะ หวินเชิ่งอนุญาตให้ฉันพบเธอแล้ว พาฉันไปพบเธอได้แล้ว”

 

รูปที่หยูซีส่งให้เขาครั้งที่แล้วไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามในภาพดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลานชายเขา

 

“ท่านผู้เฒ่าจ๋าย ถ้าท่านไปบ้านคนอื่น ท่านอาจจะทำให้ทุกคนที่นั่นตกใจ ผมไปชวนเธอมาแทนไม่ดีกว่าเหรอ”

 

หยูซีคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าจะเชิญเทพหลิงมา แทนที่จะให้ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไปสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน

 

การเยี่ยมชมเมืองเหิงหยวนของท่านผู้เฒ่าจ๋ายในครั้งนี้เป็นการดำเนินการอย่างเงียบๆ ไม่มีใครได้ยินเรื่องนี้

 

“ต้องใช้ความพยายามแค่ไหน” การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลาพอสมควร

 

“ไม่ต้องใช้เท่าไหร่ เธออาศัยอยู่ข้างบ้าน”

 

ข้างบ้านงั้นเหรอ

 

ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายจึงรอให้หยูซีนำ ‘สาวน้อย’ มา

 

จากนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็พบว่าแท้จริงแล้วเธอเป็น ‘เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ’

 

ใบหน้าเธอดูขาวและนุ่มนวล

 

หน้าตาเธอค่อนข้างสบายตา อย่างไรก็ตามอายุเธอไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายอ้าปากพูด แต่ทว่าเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

 

เจี่ยนอีหลิงมองไปที่สุภาพบุรุษชราตรงหน้าเธอ เขามีผมสีขาวและสวมเสื้อผ้าสีเทาเข้มธรรมดา เมื่อมองแวบแรก เขาดูเหมือนจะเป็นชายชราธรรมดาคนหนึ่ง

 

แต่กลิ่นอายของสุภาพบุรุษชรานั้นไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ มันเป็นกลิ่นอายของคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงในสังคมมาหลายปี

 

สุภาพบุรุษชราจ้องมองมาที่เธอเป็นเวลาพอสมควร จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ ราวกับว่าเขารู้สึกผิดหวังอย่างมากกับเรื่องบางอย่าง

 

“อีหลิง นี่คือท่านผู้เฒ่าจ๋าย เขาเป็นคุณปู่ของนายท่านเชิ่ง” หยูซีกล่าว เขาแนะนำตัวตนของท่านผู้เฒ่าจ๋ายให้กับเจี่ยนอีหลิงอย่างระมัดระวัง

 

หยูซีค่อนข้างกังวล เขาสงสัยว่าเจี่ยนอีหลิงจะรู้หรือไม่ว่า ท่านผู้เฒ่าจ๋ายคือใคร

 

อย่างไรก็ตามหยูซีกังวลไปโดยเปล่าประโยชน์ แน่นอน เจี่ยนอีหลิงรู้ว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายคือใคร

 

เขาเป็นชายชราที่มีเรื่องราวเป็นตำนานมากมายที่กล่าวถึงเขา

 

ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความเคารพและยำเกรงชายชราผู้นี้ แม้แต่คุณปู่ของเจี่ยนอีหลิงก็ไม่มีข้อยกเว้น

 

“สวัสดี ท่านผู้เฒ่าจ๋าย”

 

แม้ว่าเสียงของเจี่ยนอีหลิงจะนุ่มนวล แต่เธอก็ไม่ปรากฏถึงความกลัว น้ำเสียงเธออ่อนโยนและผ่อนคลาย

 

หยูซีคิดกับตัวเอง ขอบคุณพระเจ้า เทพหลิงดูเหมือนจะไม่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายเป็นคนที่น่ากลัวแบบไหน ถ้าเธอรู้เธอคงรู้สึกกลัวแน่ๆ

 

คงจะดีกว่าที่จะไม่รู้

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายมองไปที่เจี่ยนอีหลิงมาสักพักหนึ่งแล้ว ยิ่งเขามองเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งผิดหวัง

 

อาาา เธอเป็น ‘เด็กหญิงตัวเล็กๆ’ จริงๆ

 

ฉันเดาว่าเธอน่าจะเป็นได้แค่น้องสาวของหวินเชิ่งเท่านั้น…

 

สีหน้าของท่านผู้เฒ่าจ๋ายเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและผิดหวัง

 

 

ทันใดนั้น ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็พูดไม่ออก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะถามคำถามอะไร

 

ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปถามหยูซีด้วยความงุนงง “นายมีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า”

 

หยูซีคอตก เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

 

หยูซีรู้สึกค่อนข้างหัวเสีย ไม่ใช่ความผิดเขาที่นายท่านเชิ่งปฏิเสธที่จะร่วมมือกับเขา…เขาทำได้แค่ทำอะไรแบบนี้กับงานที่ท่านผู้เฒ่าจ๋ายมอบให้เขา…

 

นอกจากเทพหลิงแล้ว นายท่านเชิ่งก็ปฏิเสธที่จะให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้เขามากเกินไป

 

ถ้านายท่านเชิ่งสนใจเล่นกับผู้หญิง เขาคงไม่แค่จับภาพนายท่านเชิ่งกับเทพหลิง …

 

“อาาา ลืมไปเถอะ” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายกล่าว เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่หยูซี มันอยู่ที่หลานชายคนเดียวของเขา…

 

ตอนแรกเขาคิดว่าหลานชายของเขาสุดท้ายก็ได้รู้แจ้ง

 

อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงจินตนาการเขาเอง เขามีความสุขโดยไร้ประโยชน์ …

 

จากนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็หันกลับมาและพูดกับเจี่ยนอีหลิง “ไม่เป็นไร สาวน้อยเธอกลับไปได้แล้ว”

 

เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจากไปทันทีที่ท่านผู้เฒ่าจ๋ายบอกให้เธอไป

 

ทันทีที่เจี่ยนอีหลิงจากไป ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ชี้ไปที่จมูกของจ๋ายหวินเชิ่งและยังคงจู้จี้จุกจิกเรื่องเขา “แกเจ้าเด็กเลว ทำไมแกไม่รู้สิ่งเหล่านั้นบ้าง ฉันเคยบอกแกหลายครั้งแล้วว่าแกต้องออกเดทให้เร็วที่สุดจากนั้นก็แต่งงานทันทีที่มีโอกาส

 

อย่างไรก็ตามจ๋ายหวินเชิ่งเคยชินกับการจู้จี้ของท่านผู้เฒ่าจ๋ายแล้ว พอฟังคำพูดของท่านผู้เฒ่าจ๋ายเขาก็เริ่มทำท่าง่วง

 

อารมณ์ของท่านผู้เฒ่าจ๋ายหดหู่ขณะที่เขามองไปที่หลานชายของตนเอง

 

เขายอมแพ้เลิกจู้จี้ จากนั้นเขาก็เรียกหยูซื่อเหมี่ยวให้ไปกับเขาที่ห้องใกล้ๆ

 

หยูซื่อเหมี่ยวตามหลังท่านผู้เฒ่าจ๋ายไป

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“นั่ง” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายบอกหยูซื่อเหมี่ยว จากนั้นหยูซื่อเหมี่ยวจึงค่อยกล้าที่จะนั่งลง

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะนั่งลงแล้ว หยูซื่อเหมี่ยวก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย

 

“หวินเชิ่งทำให้นายหนักใจในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ขอบคุณที่ดูแลเขา” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายกล่าว เขาแสดงความขอบคุณต่อหยูซื่อเหมี่ยว

 

“ด้วยความยินดีครับ นั่นไม่มีปัญหาเลย”

 

“อย่าบอกว่าไม่มีปัญหา ฉันรู้จักเขาดีกว่านาย” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายตอบ เขาถอนหายใจยาวๆก่อนจะพูดต่อ “นายคิดว่าฉันกดดันให้เขาแต่งงาน เพื่อที่เราจะได้มีลูกหลานให้ตระกูลจ๋ายของเราหรือเปล่า”

 

หยูซื่อเหมี่ยวไม่กล้าตอบคำถามนี้ เขานั่งตัวตรงและรอให้ท่านผู้เฒ่าจ๋ายพูดต่อ

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายยังคงพูดต่อไป “ถ้าฉันอยากมีทายาทสำหรับตระกูลจ๋าย นั่นจะมีประโยชน์กับฉันมากกว่าที่จะบังคับให้ลุงคนที่สองเขาให้หลานอีกคนกับฉัน ฉันต้องการเหลน ที่จริงแล้ว ฉันต้องการให้เขาเกิดความลังเลหากจะต้องจากโลกนี้ไป”

 

บางทีถ้าเขามีภรรยาและลูก เขาจะให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองมากขึ้น

 

ในชีวิตเขา ท่านผู้เฒ่าจ๋ายได้เห็นสิ่งต่างๆมากมาย ในสายตาของคนนอกไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้

 

อย่างไรก็ตามใครจะรู้ถึงความขมขื่นในใจของชายชรา

 

มีเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในตระกูลจ๋าย ลูกชายคนโตและลูกสะใภ้เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว

 

หลานชายคนเดียวก็มีความผูกพันกับโลกใบนี้น้อยมาก เขาปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตอย่างจริงจัง

 

เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดที่ออกมาจากใจของท่านผู้เฒ่าจ๋าย หยูซื่อเหมี่ยวไม่กล้าพูด

 

เขาเป็นแค่คนนอก ไม่มีที่ให้เขาพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวของตระกูลจ๋าย

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายยังคงคร่ำครวญ “ฉันต้องการให้เขาพบใครสักคนที่เข้าใจเขาได้ ฉันต้องการให้เขาพบคนที่เขาต้องการปกป้องและรัก ถ้าเขาเจอคนแบบนั้น เขาจะหวงชีวิตของตัวเองมากขึ้น”

 

“ท่านผู้เฒ่าจ๋ายโปรดอย่ากังวล นายท่านเชิ่งยังเด็ก เขาต้องเจอคนแบบนั้นแน่นอน”

 

“ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้รอ เขาจะฆ่าตัวตายไปเสียก่อนที่จะเจอคนแบบนั้น”

 

ดวงตาของท่านผู้เฒ่าจ๋ายเต็มไปด้วยความไร้พลังอำนาจ

 

หลังจากคร่ำครวญเกี่ยวกับหลานชายเขาแล้ว ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ถามหยูซื่อเหมี่ยวเกี่ยวกับบางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลจ๋าย ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างมากในเป่ยจิงมาระยะหนึ่งแล้ว

 

“นายรู้ไหมว่าตระกูลฉินส่งคนมาที่เมืองเหิงหยวน เพื่อตามหาลูกชายนอกสมรสของพวกเขา”

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset