เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 327-328

 

โม่ฮุ่ยฉิงพูดด้วยเสียงสั่นสะท้านว่า “เธอเป็นน้องสาวคนละพ่อของอดีตสามีฉัน เราเคยพบกันมาก่อน… แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆ… ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมายด้วยเช่นเดียวกัน… ฉันแค่รายงานข้อมูลให้เธอฟัง… แล้วก็พูดบางอย่างให้นายน้อยหยุ่นน่าวเข้าใจผิดเท่านั้น … เธอสั่งให้ฉันทำแบบนั้น …”

 

โม่ฮุ่ยฉิงพูดต่อทั้งน้ำตา “นายน้อยหยุ่นเฉิง ฉันสาบานว่าลูกสาวของฉันไม่รู้เรื่องนี้ ฉันทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง แม้กระทั่งขโมย ฉันก็แค่โลภเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าคุณต้องการลงโทษใครสักคนก็ลงโทษฉันเถอะ”

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิง ยกเท้าขึ้นเหยียบบนใบหน้าของโม่ฮุ่ยฉิง “ตอนนี้แกอยู่ในฐานะที่จะต่อรองกับฉันได้งั้นรึ”

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิง ยังคงเหยียบบนใบหน้าของโม่ฮุ่ยฉิง ขณะที่เขาเรียกเจี่ยนหยุ่นโม่

 

“หยุ่นโม่ การสอบสวนจบลงแล้ว เป็นเหอเยี่ยน”

 

บุคคลที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไปชั่วขณะ “นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมอีหลิงจึงไม่เปิดเผยว่าวิดีโอมาจากไหน หลังจากที่เธอค้นพบความจริง”

 

อารองและลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาเจี่ยนหยู่หมิน เจี่ยนหยู่โป๋ และเจี่ยนหยู่เจี๋ย อยู่ระหว่างกลางของเรื่องนี้

 

“นายรู้จักอีหลิงดีกว่าฉัน นายคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

“เหอเยี่ยนทำเรื่องทั้งหมดนี้ เราไม่ควรเก็บคนแบบนี้ไว้ในตระกูลเรา แม้ว่าเราจะไม่สามารถทำอะไรเธอได้เป็นการส่วนตัว แต่เราก็ยังปล่อยให้เธออยู่ไม่ได้ เรามาหาวิธีที่จะให้อารองของเราหย่ากับเธอกันเถอะ แม้ว่านี่อาจจะไม่ดีสำหรับเจี่ยนหยู่หมินกับคนอื่นๆก็ตาม”

 

“ฉันเห็นด้วย”

 

สองพี่น้องเห็นด้วยในเรื่องนี้

 

เจี่ยนหยุ่นโม่เสริมว่า “อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ต้องการให้อารองกับคนอื่นๆต้องแค้นอีหลิงเพราะเรื่องนี้”

 

“ฉันเข้าใจ” เจี่ยนหยุ่นเฉิงตอบกลับ เขาเก็บโทรศัพท์และมองไปยังผู้หญิงที่ตัวสั่นคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา

 

เมื่อเธอเห็นว่าเจี่ยนหยุ่นเฉิงวางสายโทรศัพท์แล้ว โม่ฮุ่ยฉิงก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “นายน้อยหยุ่นเฉิง ฉันได้บอกคุณทุกอย่างที่ฉันรู้แล้ว นอกจากนี้ เงินทั้งหมดที่ฉันได้รับจากเหอเยี่ยนก็สูญ คุณสัญญาได้ไหมว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครอีก”

 

“ฉันเคยบอกว่าจะยอมทำตามนั้นไหม”

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่เคยสัญญากับโม่ฮุ่ยฉิงในเรื่องแบบนี้ เขาบอกเพียงแค่ว่า ตราบใดที่เธอบอกเขาว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ เขาจะปล่อยเธอไป

 

หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ลุกขึ้นและจากไป

 

“นายน้อยหยุ่นเฉิง” โม่ฮุ่ยฉิงร้องลั่น ทันใดนั้นเอง เธอก็กระโดดไปข้างหน้าและคว้าข้อเท้าของเจี่ยนหยุ่นเฉิงไว้

 

“ได้โปรด โปรดปล่อยลูกสาวของฉันไป ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด ฉันเป็นคนทำ ลูกสาวของฉันไม่รู้เรื่องนี้ เธอไร้เดียงสา”

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิงมองลงไปที่ผู้หญิงที่ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยน้ำตา อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเห็นอกเห็นใจเธอได้ “ลูกสาวของแกไร้เดียงสา แล้วน้องสาวของฉันไม่ อย่างงั้นเหรอ”

 

ใบหน้าของโม่ฮุ่ยฉิงซีดเผือด อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงพูดต่อไปอีกว่า “แต่… คุณหนูอีหลิง … เธอถูกกล่าวหาอย่างผิดๆเพียงแค่ครั้งเดียว… เธอยังมีคนมากมายที่รักเธอ นอกจากนี้ เธอก็ยังมีเงินและมีสถานะในสังคมอีกด้วย…”

 

ทันทีที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ย่อตัวลงคว้าผมของโม่ฮุ่ยฉิง “แล้วไง หรือว่าเธอสมควรถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ เพียงเพราะเรื่องนั้นงั้นเหรอ หรือว่า เพียงเพราะแกมาจากครอบครัวยากจน แกก็จะสามารถทำอะไรก็ได้ที่แกต้องการ โอ วันนี้แกได้สอนอะไรใหม่ๆให้กับฉันจริงๆ”

 

หลังจากพูดแบบนั้นแล้ว เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ปล่อยมือ เขาเดินไปที่ประตูและตบบ่าเหอเจี่ยนจวินที่ยืนอยู่ข้างประตู

 

“ในเมื่อพวกนายยังไม่ได้หย่ากัน ครอบครัวก็ควรอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ฉันจะหาทนายความที่ดีที่สุดเพื่อช่วยนายในคดีนี้”

 

“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณ ขอบคุณนายน้อยหยุ่นเฉิง” เหอเจี่ยนจวินขอบคุณเขาซ้ำๆ เขาไม่สามารถขออะไรจากอีกฝ่ายไปได้มากกว่าการจัดการนี้

 

“นอกจากนี้ ฉันได้ยินมาว่านายและน้าหญิงรองของฉันเป็นพี่น้องกัน”

 

 

“ผมไม่รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน ผมไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย… ถ้าผมรู้ว่าเธอเป็น…”

 

ถ้าผู้ชายอย่างเขารู้ว่าเหอเยี่ยนเป็นคุณนายรองของตระกูลเจี่ยน เขาคงไม่พลาดโอกาสดีๆในการขอเงินเช่นนี้

 

“ และตอนนี้นายรู้หรือยัง”

 

“ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้ว”

 

เหอเจี่ยนจวินเข้าใจแล้วว่าตนเองต้องทำอะไร

 

เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่ได้คาดหวังให้เหอเจี่ยนจวินทำอะไรที่สำคัญ

 

อย่างไรก็ตาม เหอเจี่ยนจวินยังคงมีบทบาทต้องเล่นที่ไม่อาจแทนที่ได้

 

หลังจากที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงจากโม่ฮุ่ยฉิงไปแล้ว เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเจี่ยนหยุ่นน่าว

 

“พี่ชาย การสอบสวนเป็นยังไงบ้าง” เจี่ยนหยุ่นน่าวถามเจี่ยนหยุ่นเฉิงอย่างกระวนกระวาย

 

“พีี่ชายรองกับฉันจะดูแลเรื่องนี้ นายมุ่งเน้นไปที่การพักฟื้นตัว”

 

“ไม่ พี่ชาย ผมต้องการช่วย… ผมต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน… ผม…”

 

“ พี่ชายรองของนายบอกว่าไม่”

 

“แต่พี่อายุมากที่สุด ไม่ใช่เหรอ…”

 

“ไม่ ฟังพี่ชายรองของนายในเรื่องนี้ เขาพูดได้ ฉันพูดไม่ได้”

 

“อา… ก็ได้” เจี่ยนหยุ่นน่าวตอบกลับ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับฟัง “ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกผมนะ”

 

“ได้”

 

###

 

เหอเยี่ยนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายด้วยความโกรธ

 

โดยปกติเวินน่วน ไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบการปรากฏตัวต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้ เธอได้ปรากฏตัวในงานต่างๆและโอกาสต่างๆแทบทุกงาน

 

ทุกที่ที่เหอเยี่ยนไป เวินน่วนก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้ง เธอจะแต่งตัวในแบบแฟนซีทุกครั้ง ราวกับว่าเธอจงใจที่จะขโมยความสนใจทั้งหมด

 

ในอดีต เวินน่วนไม่ชอบเข้าร่วมงานสังคมเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะได้พบเห็นเหอเยี่ยน ดังนั้นเมื่อบรรดาผู้หญิงพูดถึงคุณนายเจี่ยน พวกเธอก็มักจะพูดถึงเธอ

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอไม่ใช่ ‘คุณนายเจี่ยน’ อีกต่อไป แต่ทุกคนกลับเรียกเธอว่า ‘คุณนายรองเจี่ยน’

 

นอกจากนี้เวินน่วน ยังขอรับผิดชอบกองทุนการกุศลของตระกูลเจี่ยน

 

เดิมทีกองทุนการกุศลของตระกูลเจี่ยนจะได้รับการจัดการโดยย่าเจี่ยน อย่างไรก็ตามเมื่อย่าเจี่ยนแก่ตัวขึ้น เธอจึงต้องการมอบมันต่อให้กับลูกสะใภ้

 

ในความเป็นจริงตัวเลือกแรกของย่าเจี่ยนก็คือเวินน่วนเสมอ ในตอนนั้น เวินน่วน ได้ปฏิเสธ เธอบอกว่าเธอมีลูกสี่คน หยุ่นน่าวและอีหลิงยังเด็ก ด้วยเหตุนี้เธอจึงยุ่งและต้องการให้น้องสะใภ้สามจัดการเรื่องนี้

 

อย่างไรก็ตามน้องสะใภ้สามบอกว่าเธอไม่ชอบจัดการเรื่องแบบนี้

 

ในที่สุดการบริหารงานก็จึงส่งมอบให้เหอเยี่ยน

 

และตอนนี้ เวินน่วนได้เสนอขอจัดการกองทุนการกุศลอีกครั้ง นี่เท่ากับการขุดเนื้อออกมาจากหัวใจของเหอเยี่ยน

 

“พี่ ฉันดูแลเรื่องนี้มาหลายปีแล้วในตอนนี้ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นความคิดที่ดีที่พี่จะรับช่วงต่อในทันที” เหอเยี่ยนขมวดคิ้ว เธอไม่อยากพูดตรงไปตรงมาเกินไป แต่ว่าเธอต้องการแสดงท่าทางว่าไม่พอใจกับข้อเสนอที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

เหอเยี่ยนรู้สึกว่าเวินน่วนมีพฤติกรรมแปลกๆในช่วงหลังนี้

 

ย่าเจี่ยนก็ดูเวินน่วนอย่างละเอียดด้วยเช่นเดียวกัน เธอคิดว่าการกระทำดังกล่าวค่อนข้างแปลกไปกว่าปกติของลูกสะใภ้คนนี้

 

อย่างไรก็ตาม ย่าเจี่ยนไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เธอถามว่า “ทำไมเธอถึงอยากเป็นผู้รับผิดชอบกองทุนการกุศลขึ้นมาในทันที”

 

เวินน่วนหยิบไฟล์และสมุดบัญชีจำนวนหนึ่งออกมา “แม่ หนูไม่มีปัญหาที่จะมอบกองทุนให้กับน้องสะไภ้รองดูแล แต่ว่าเมื่อเร็วๆนี้ มีคนจากกองทุนบอกหนูว่า เงินไม่เข้าในบัญชี ดังนั้นในฐานะสะใภ้ใหญ่ของตระกูลเจี่ยน หนูไม่สามารถเมินมันได้”

 

เวินน่วนส่งบัญชีไปที่ย่าเจี่ยน

 

เหอเยี่ยนแทบไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นเวินน่วนนำแฟ้มออกมา

 

เธอได้ตรวจสอบบัญชีกองทุนจริงๆเหรอ

 

หลังจากที่ย่าเจี่ยนดูแล้ว สายตาเธอก็มืดลง

 

“เหอเยี่ยน เกิดอะไรขึ้นที่นี่”

 

“แม่ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน มีบางอย่างผิดปกติกับบัญชีเหรอ”

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset