เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 359-360

大姐大 บทที่ 359 งานแถลงข่าว 2

 

จุดประสงค์หลักของงานแถลงข่าวคือการประกาศผลของยาตัวใหม่ที่สถาบันได้พัฒนาขึ้น

 

งานแถลงข่าวออกอากาศทางอินเทอร์เน็ตดังเช่นปกติ

 

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้จำนวนคนดูเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

 

ในอดีตมีเพียงคนในแวดวงการแพทย์และวิชาการเท่านั้น ที่ดูการออกอากาศดังกล่าว คนส่วนใหญ่ที่สนใจในการออกอากาศดังกล่าวมักจะเป็นนักวิจัยจากสถาบันอื่น

 

อย่างไรก็ตาม มีผู้ชมจำนวนมากในวันนี้ และแท้จริงแล้ว ผู้ชมส่วนใหญ่กลับเป็นนักเรียน ทั้งยังมีผู้ปกครองและครูจำนวนไม่น้อยที่เฝ้าดูอยู่เช่นกัน

 

โม่ชืออวิ้นซึ่งเลิกเรียนก็นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ของเธอด้วยเหมือนกัน เธอก็กำลังดูการออกอากาศการแถลงข่าวด้วย

 

เธอกำลังรอคำตอบจากสถาบันในเรื่องที่จะตามมาภายหลังการแถลงข่าว

 

ในที่สุดตระกูลเจี่ยนและเจี่ยนอีหลิงก็จะต้องชดใช้สำหรับสิ่งที่พวกเขาทำกับเธอ

 

สำหรับความอับอายที่เธอและแม่ได้รับ พวกมันจะถูกส่งกลับไปยังเจี่ยนอีหลิงและครอบครัวของเธอหลังจากการแถลงข่าว

 

ครึ่งแรกของงานแถลงข่าวค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับคนส่วนใหญ่ มันเป็นเรื่องวิชาการ ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากจึงไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลัง เป็นส่วนคำถามและคำตอบกับนักข่าว ในจุดนี้ นักข่าวก็ได้ถามสถาบันเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องการลอกเลียนงานวิจัยล่าสุด

 

นักข่าวไม่ได้สนใจเรื่องการลอกเลียนงานมากนัก แต่ว่าเนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าหัวข้อของการลอกเลียนงานคือ Dr.FS  และ Dr.FS นั้นลึกลับอยู่เสมอมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากพลาดข่าวสารเกี่ยวกับเขา

 

“ขอถามหน่อยว่า Dr.FS คิดเกี่ยวกับข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตในช่วงสองวันที่ผ่านมาอย่างไร เขารู้หรือเปล่าว่า เขาถูกนักเรียนมัธยมปลายลอกเลียนงานวิจัย”

 

ทันทีที่นักข่าวถาม ข้อความและความคิดเห็นก็เริ่มปรากฏขึ้น

 

[ในที่สุด กิจกรรมหลักมาแล้ว]

 

[ฉันกำลังรอนักเรียนที่ลอกเลียนงานวิจัยมารับการลงโทษที่พวกเขาสมควรได้รับ]

 

[ฉันมาจากโรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัว ฉันยังคงเชื่อว่าเธอไม่ได้ลอกเลียนงาน]

 

[เธอล้อเล่นหรือเปล่า มีหลักฐานอยู่รอบตัวเธอ แล้วเธอยังบอกว่านางไม่ได้ลอกเลียนงานเหรอ มาดูกันว่าสถาบันคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะดำเนินคดีกับเธอหรือเปล่า]

 

[ฉันหวังว่าสถาบันจะดำเนินการทางกฎหมาย ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันพนันว่านักเรียนที่ลอกเลียนงานจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้มาก จนความกล้าเธอหดหายไปจนหมด]

 

ผู้รับผิดชอบในการตอบคำถามของนักข่าวคือเฉิงอี้ เขาตอบคำถามอย่างสุภาพและด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

 

“การลอกเลียนงานวิจัยนับเป็นพฤติกรรมที่ซีเรียสมาก เราไม่มีความอดทนต่อการลอกเลียนงานวิจัยโดยไม่สนใจกับวงการ

 

”ทันทีที่เฉิงอี้พูดแบบนี้ ข้อความจำนวนมากก็กล่าวว่า [ทนายความและคดีฟ้องร้องต้องเกิดขึ้นแน่]

 

[สถาบันคงไม่จริงจังขนาดนั้นหรอกใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น นักเรียนคนนั้นกำลังจะมีปัญหาแน่]

 

[เธอหมายความว่าอย่างไรที่จะมีปัญหา นางสมควรได้รับมัน]

 

[ฉันสนับสนุนDr.FS ในการดำเนินคดีกับนักเรียน ฉันไม่มีความอดทนต่อการลอกเลียนงาน]

 

[ฉันก็สนับสนุน Dr.FS ในการดำเนินคดีกับนักเรียนด้วย คนเราควรชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ]

 

นักข่าวยังคงตั้งคำถามต่อเฉิงอี้ต่อไป “นั่นหมายความว่า ตามที่ดร.เฉิงกล่าวมา Dr.FS จะดำเนินการทางกฎหมายกับนักเรียนหญิงที่ลอกเลียนงานใช่ไหม”

 

“พวกคุณกำลังพูดถึงอะไร เฉิงอี้ถาม รอยยิ้มบางๆเล่นอยู่ที่มุมปากของเขา ดวงตาเขาส่องประกายอยู่หลังแว่นตาขอบทอง

 

“ไม่ใช่คุณพูดว่า คุณไม่มีความอดทนต่อการลอกเลียนงานวิจัยอยู่หรอกเหรอ” นักข่าวไม่เห็นปัญหาใดๆกับการคาดเดาของเขา

 

“ใช่ เราไม่มีความอดทนต่อการลอกเลียนงาน อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ นี่ไม่มีการลอกเลียนงาน แล้วทำไมเราต้องฟ้องร้อง” เฉิงอี้ถามนักข่าว

 

ความเห็นเริ่มโผล่ขึ้นมาเมื่อถึงตอนนี้

 

[เกิดอะไรขึ้น สถาบันบอกว่าไม่มีกรณีลอกเลียนงาน ทำไมฉันถึงรู้สีกสับสนจัง]

 

[เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าพวกเขาพูดก่อนหน้านี้ว่า งานแถลงข่าวจะตอบในกรณีการลอกเลียนงานอย่างเปิดเผยเหรอ ทำไมพวกเขาถึงบอกว่าไม่มีการลอกเลียนงานในกรณีนี้ ในตอนนี้]

 

บทที่ 360 งานแถลงข่าว 3

 

[โอ้ พระเจ้า ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสิ่งต่างๆกำลังเดินไปในทิศทางที่คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง]

 

[เดี๋ยวนะ หมายความว่านักเรียนหญิงที่ลอกเลียนงานวิจัยจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีทาง ฉันไม่อยากเห็นมันแบบนั้น]

 

ผู้ชมในรายการต่างตกตะลึง

 

ที่งานแถลงข่าว นักข่าวรีบถามเฉิงอี้ทันที “ดร.เฉิง คุณหมายความว่ายังไง ที่ไม่มีการลอกเลียนงาน”

 

เฉิงอี้ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เร่งรีบ “พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนอื่น เราก็คงจะสงสัยในบุคคลนั้น แต่ว่าเจี่ยนอีหลิงเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการเขียนบทความ ดังนั้นในกรณีนี้ จึงไม่ถือว่ามีการลอกเลียนงานแต่อย่างใด”

 

ทันทีที่เฉิงอี้พูดแบบนี้ ทุกคนในโรงแรมและทุกคนที่รับชมรายการต่างก็ตกตะลึงอีกครั้ง

 

ทุกคนในงานแถลงข่าวต่างนิ่งเงียบ อย่างไรก็ตาม ข้อความและความคิดเห็นก็เริ่มปรากฏขึ้นในการออกอากาศอีก

 

[เดี๋ยวนะ ฉันเข้าใจผิดเหรอ ผู้ชายคนนั้นเพิ่งพูดออกมาว่าเจี่ยนอีหลิงกับ Dr.FS เขียนบทความนี้ด้วยกันเหรอ]

 

[เปล่า เธอไม่ได้ฟังผิดหรอก ฉันก็ได้ยินเรื่องเดียวกับเธอ]

 

[เป็นไปได้ยังไง เธอเป็นแค่นักเรียนมัธยม]

 

[ใช่ Dr.FS เป็นหนึ่งในศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดในประเทศ อันที่จริงแล้วถ้าจะแก้ไขให้ถูกต้อง เขาเป็นหนึ่งในศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก]

 

[ใช่เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองคนจะเชื่อมโยงกัน ใช่มั้ย]

 

ข้อความและความคิดเห็นสะท้อนความรู้สึกของผู้ชมในขณะนี้ มันเป็นความไม่เชื่อ ตกตะลึง และสงสัย

 

โม่ชืออวิ้นก็ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เธอได้ยินเช่นเดียวกัน

 

เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่ผู้คนจากสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิงจะยอมฟังข้อกำหนดของตระกูลเจี่ยน พวกเขาย่อมไม่ช่วยให้พวกนั้นโกหกเกี่ยวกับสถานการณ์แบบนี้

 

พวกเขาต้องเลือก Dr.FS ไว้เป็นอันดับแรก เพราะเขานั้นเป็นหนึ่งในคนในแวดวงวิชาการที่ไม่ได้รับแรงจูงใจจากเงินและอำนาจ

 

โม่ชืออวิ้นรู้ว่า แม้ว่าชายคนนี้จะเคยได้ผ่าตัดเจี่ยนหยุ่นน่าว แต่เป็นเพราะการผ่าตัดของเจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย นอกจากนี้ การผ่าตัดดังกล่าวจะช่วยให้ Dr.FS มีชื่อเสียงในวงการแพทย์ เขาไม่ได้ทำการผ่าตัดเพราะอิทธิพลของตระกูลเจี่ยน

 

อันที่จริงโม่ชืออวิ้นรู้ว่าผู้คนจากตระกูลฉินในเป่ยจิงก็พยายามติดต่อ Dr.FS ด้วย พวกเขาต้องการให้เขาทำการผ่าตัดให้กับบุคคลสำคัญในครอบครัวของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ Dr.FS ก็ยังไม่ได้ตกลงที่จะดำเนินการผ่าตัด

 

บุคคลดังกล่าวไม่น่าจะได้รับผลกระะทบจากอำนาจของตระกูลเจี่ยน

 

ด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถมั่นใจได้ว่าหลังจากเหตุการณ์ลอกเลียนงาน Dr.FS ย่อมไม่ออกมาทำลายสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้

 

แต่ตอนนี้ สถานการณ์ไปในทิศทางที่พวกเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้

 

โม่ชืออวิ้นดูการออกอากาศด้วยความงุนงง ใบหน้าเธอไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนเริ่มออกอากาศอีกต่อไป

 

ในงานแถลงข่าว เฉิงอี้ยังคงตอบคำถามนักข่าวต่อไป

 

“ในตอนนั้น Dr.FS ต้องการใส่ชื่อของเจี่ยนอีหลิงไว้ในงานของเขา แต่ว่าเจี่ยนอีหลิงปฏิเสธข้อเสนอ หากเธอต้องการใช้บทความเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศ เธออาจยอมรับข้อเสนอของ Dr.FS ในตอนนั้นไปแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องลอกเลียนบทความ”

 

นักข่าวถามอย่างเร่งรีบ “แต่ว่า เจี่ยนอีหลิงมีความสามารถให้ข้อมูลและความคิดเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับเอกสารของ Dr.FS ได้หรือเปล่า”

 

น้ำเสียงของเฉิงอี้ไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงเยือกเย็นและจริงจังขณะตอบ “ฉันคิดว่าคุณต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของเจี่ยนอีหลิงเอง คุณสามารถดูบทความอื่นๆที่ลงทะเบียนโดยเจี่ยนอีหลิงล้วนแต่เฉียบแหลมมาก”

 

จากนั้นเฉิงอี้ก็ได้ชี้นำคำพูดเขาไปยังองค์กรที่กล่าวหาว่า “ณ ที่ตรงนี้ ผมอยากจะถามองค์กรที่ออกมากล่าวหาเจี่ยนอีหลิงเรื่องการลอกเลียนงานว่า พวกคุณแน่ใจเหรอว่าบทความที่พวกคุณได้รับก็คือชิ้นที่เผยแพร่โดย Dr.FS คิดว่าเจี่ยนอีหลิงโง่งั้นเหรอ โปรดให้หลักฐานที่ชัดเจนแก่เราในเรื่องนี้ เราต้องการทราบว่าปัญหามาจากไหน”

 

ข้อความที่ส่งกันไปมาระหว่างการออกอากาศหยุดไปชั่วขณะ ทุกคนตกใจกับคำพูดของสถาบัน

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset