เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 363-364

大姐大 บทที่ 363 นี่ไม่ใช่ความฝัน

 

“อาาา” เจี่ยนหยู่หมินร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

เมื่อได้ยินเสียง ศีรษะที่อยู่ข้างตัวเขาก็ขยับเล็กน้อย

 

หลัวซิ่วเอินยังไม่ลืมตา ทว่าความโกรธของเธอก็พุ่งสูงขึ้น “นั่นใคร ใครมารบกวนการนอนของฉัน ฉันจะต่อยแก ถ้าแกไม่หุบปาก”

 

หลังจากพูดพึมพำอีกสองสามคำ หลัวซิ่วเอินจึงค่อยลืมตาที่ง่วงนอนของเธอขึ้น

 

ดวงตาเธอสบเข้ากับเจี่ยนหยู่หมิน

 

“เซี่ยหมินหยู่เหรอ หือ ฉันยังไม่ตื่นเหรอ ฉันฝันถึงไอดอลของฉันอีกแล้วเหรอ ว้าว นั่นเป็นความฝันที่ดีทีเดียว ฉันคิดว่าฉันน่าจะนอนต่ออีกสักเล็กน้อย”

 

หลัวซิ่วเอินคิดว่าเธอยังฝันอยู่

 

จากนั้นเธอก็เริ่มจ้องไปที่เจี่ยนหยู่หมินอย่างเรียบเฉย

 

เจี่ยนหยู่หมินกำลังจะสติแตก ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการออกจากสถานที่นี้ในทันที

 

ในขณะที่เจี่ยนหยู่หมินกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า

 

ผ้าห่มลุ่ยลงมาเผยให้เห็นหน้าท้องของเขา เขาได้ฝึกฝนกล้ามท้องมาหลายปีจากการเต้นรำ

 

“ว้าว~” หลัวซิ่วเอินแสดงความรู้สึกออกมา เธอจ้องไปที่หน้าท้องของเจี่ยนหยู่หมินก่อนที่เธอจะอุทานอย่างไม่เกรงใจ “ไอดอลของฉันคู่ควรกับการเป็นไอดอลของฉันจริงๆ แม้แต่กล้ามท้องของเขาก็ยังดีพอๆกับฉันเลยทีเดียว แต่ในเมื่อนี่เป็นความฝันของฉัน ดังนั้นมันจึงอาจมาจากจินตนาการของฉันเอง ฉันสงสัยว่าเขามีกล้ามหน้าท้องในชีวิตจริงไหม”

 

” “เฮ้ ตื่นสิ ตื่น นี่ไม่ใช่ความฝัน” เจี่ยนหยู่หมินตะโกนใส่หลัวซิ่วเอินขณะที่เขาค้นหาเสื้อผ้าที่จะสวมอย่างบ้าคลั่ง

 

หลัวซิ่วเอินชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเอื้อมมือไปตบหน้าตัวเอง

 

“เผี๊ยะ”

 

นี่ไม่ใช่ความฝัน

 

นี่เป็นความจริง

 

ไม่มีทาง ถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน… แล้วทำไมเธอถึงอยู่ในห้องเดียวกับ เซี่ยหมินหยู่ และมันก็เป็น…

 

เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ

 

เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้

 

หลัวซิ่วเอินพยายามนึกภาพเมื่อวานว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอจำได้เพียงว่าเธอกำลังดื่มกับคนอื่น เธอจำไม่ได้ว่าเธอเข้ามาในห้องได้อย่างไร หรือเธอขึ้นไปบนเตียงได้อย่างไร

 

เธอเมาขนาดนั้นเหรอ เธอบังคับให้เขาทำอะไรในขณะที่เธอเมาหรือเปล่า

 

โอ้ พระเจ้า เธอได้ทำในสิ่งที่เธอจินตนาการเอาไว้ในยามว่างหรือเปล่า

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

หลัวซิ่วเอิน หลัวซิ่วเอิน เธอมาไกลเกินไปแล้ว เธอจะใช้ความรุนแรงบีบบังคับไอดอลของเธอไม่ได้นะ หลัวซิ่วเอินคิดในใจ

 

หลัวซิ่วเอินมองไปที่เจี่ยนหยู่หมิน หัวใจเธอเต็มไปด้วยความสำนึกผิดและเสียใจ

 

เธอไม่ควรทำอย่างนั้นจริงๆ

 

เจี่ยนหยู่หมินไม่รู้ว่าหลัวซิ่วเอินกำลังจินตนาการอะไรอยู่ เขาพยายามมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถหาพบได้จากที่ไหนเลย

 

“เธอเอาเสื้อผ้าฉันไปไว้ที่ไหน” เจี่ยนหยู่หมินตะโกนออกมาด้วยความโมโห

 

“เดี๋ยวก่อน… ฉันไม่ได้ฉีกมันสักหน่อย ใช่ไหม” หลัวซิ่วเอินพูดเบาๆ เธอไม่ได้พูดแบบนี้อย่างมั่นใจมากนัก

 

เธอไม่รู้ว่าเธอทำอะไรเมื่อคืนนี้ นอกจากดื่มแล้ว เธอจำอะไรไม่ได้เลย

 

“เธอ…”เจี่ยนหยู่หมินผงะ เขาพูดไม่ออก

 

นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย

 

มีใครบอกเขาได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังจ้องมองกันและกันอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูห้องพักโรงแรม

 

“ฉันจะไปเปิดประตู นายสามารถซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มได้”

 

เมื่อหลัวซิ่วเอินพบว่าตัวเธอเองยังคงสวมเสื้อผ้าอยู่ เธอจึงลุกจากเตียงและวิ่งไปเปิดประตู

 

ในทางกลับกันเจี่ยนหยู่หมินต้องซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าปูที่นอน

 

เมื่อเปิดประตู หลัวซิ่วเอินก็เห็นเฉิงอี้

 

“ผมมาเพื่อนำเสื้อผ้าผัดเปลี่ยนของไอดอลของพี่สาวมาให้” เฉิงอี้กล่าว เขายื่นถุงผ้าสะอาดให้หลัวซิ่วเอิน

 

หลัวซิ่วเอินมองดูสถานการณ์อีกครั้งก่อนจะดึงมือของเฉิงอี้ เธอกระซิบกับเขา

 

“เฉิงอี้ บอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ ฉันทำอะไรผิดศีลธรรมหรือเปล่า”

 

“ไม่ได้มีอะไรผิดศีลธรรมขนาดนั้น เมื่อคืนพวกพี่ทั้งคู่ดื่มมากเกินไป แล้วพี่สาวก็บอกว่าพี่สาวต้องการที่จะสาบานเป็นพี่น้องกับเขา”

 

“พี่น้องสาบานเหรอ” หลัวซิ่วเอินตะกุกตะกัก เธอไม่เชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน “แล้ว… ทำไมเราถึงนอนห้องเดียวกันล่ะ แล้วเสื้อผ้าเขา… เสื้อผ้าเขา…”

 

บทที่ 364 อย่าบอกอีหลิง

 

“พี่สาวอ้วกไปบนเสื้อผ้าเขา… พี่สาวเป็นคนที่อ้วกไปทั่วตัวเขา แต่ว่า พี่สาวสามารถจัดการไม่ให้อ้วกใส่ตัวเองได้ และเพราะว่าพี่สาวอ้วกไปทั่วตัวหยู่หมิน เราจึงต้องถอดเสื้อและกางเกงเขาออก… ส่วนที่ว่าทำไมพวกพี่สองคนถึงอยู่ห้องเดียวกันนั้น…”

 

“สาเหตุมันเป็นยังไง”

 

“เอ่อ พี่สาวบอกว่าจะเป็นคนพาเขากลับไปที่ห้องของเขา พี่สาวบอกว่าในเมื่อพี่สาวเป็นคนอ้วกใส่เขา พี่สาวจึงต้องรับผิดชอบเขา ดังนั้นพี่สาวต้องการส่งเขากลับไปที่ห้องพักเขาด้วยตัวเอง ไม่มีใครสามารถหยุดพี่สาวได้ ดังนั้นพี่สาวจึงลากเขามาที่ห้องนี้ และหมดสภาพอยู่ที่นี่ด้วย”

 

“นายอยู่ที่นั่นไหม”

 

“แน่นอน ศาสตราจารย์ฉู่ก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน”

 

“แล้วทำไมนายไม่พาฉันออกจากห้องล่ะ”

 

“พี่สาวเอิน พวกเราไม่กล้าแตะต้องหรือขยับพี่หรอก”

 

ไม่มีใครในสถาบันกล้าแตะพี่สาวเอิน ไม่มีใครต้องการที่จะตาย

 

พวกเขาไม่รู้ว่าพี่สาวเอินตั้งใจล้มตัวลงนอนในห้องด้วยหรือเปล่า

 

ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะเดินจากไปและล็อกประตูให้กับทั้งสองคน

 

หลัวซิ่วเอินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณพระเจ้า ฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ฉันคิดว่าฉันทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมบางอย่างไปแล้ว”

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลัวซิ่วเอินก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่รู้ว่าเธอผิดหวังอะไร

 

จากนั้นหลัวซิ่วเอินก็พูดกับเฉิงอี้ “อีกอย่าง อย่าบอกอีหลิงว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้”

 

“ทำไมเหรอ”

 

“นายหมายความว่ากับคำว่า ทำไม ฉันเกือบทำสิ่งผิดศีลธรรมกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ ฉันให้เธอรู้เรื่องนี้ไม่ได้ นายเป็นไม้กระบองเหรอ”

 

เฉิงอี้คอตก เขาใช้มือข้างหนึ่งดันแว่นแล้วอดที่จะพึมพำกับตัวเองไม่ได้ “ชักสงสัยว่าไม้กระบองแท่งไหนที่ไล่ตามลูกพี่ลูกน้องของอีหลิงเมื่อคืน แล้วบอกว่าตัวเองต้องการสาบานว่าเป็นพี่น้องกับเขา…”

 

หลัวซิ่วเอินสังเกตเห็นดวงตาของเฉิงอี้กวาดไปรอบๆ “นายคิดว่ายังไงตอนนี้”

 

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น” เฉิงอี้ตอบอย่างรวดเร็ว “อืม พี่สาวเอิน พี่ให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นไอดอล…”

 

“ฉันรู้ว่าเขาเป็นไอดอล แล้วทำไมนายถึงต้องขอฉันให้โอกาสเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ ให้เขาเองเลย ฉันจะไปแล้ว”

 

หลัวซิ่วเอินดันกระเป๋ากลับเข้าไปในมือของเฉิงอี้ แล้วก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

ขณะที่เธอเดินจากไป เธอก็พึมพำ “เชี่ย ถ้ามีใครบันทึกกล้องวิดีโอที่ฉัน ก็จะดูเหมือนว่าฉันทำอะไรกับเขาฉัน ดูฉันเป็นคนประเภทที่ทำเช่นนั้นหรือไง”

 

เฉิงอี้มองกระเป๋าในมือแล้วก็เดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก

 

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเจี่ยนหยู่หมินก็เตือนเฉิงอี้ “อย่าบอกอีหลิงว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น”

 

“ทำไม”

 

“น้องสาวฉันยังเด็ก อย่าทำให้เธอหลงทาง”

 

“…”

 

พาน้องสาวของเขาหลงทางงั้นเหรอ

 

อุ๊ฟ ความรู้เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์อะไรบ้างที่อีหลิงไม่รู้ ชายหญิงนอนด้วยกันในโรงแรมไม่ได้มีความหมายอะไรกับเธอเลย

 

###

 

หลังจากการออกอากาศ ตระกูลเจี่ยนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

 

ปู่เจี่ยนอารมณ์ไม่ดี

 

“ตาเฒ่า นี่มันเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอ นับตั้งแต่ออกอากาศ เพื่อนกับพวกผู้ร่วมธุรกิจหลายคนของนายก็โทรหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาพากันแสดงความอิจฉาริษยา แต่ว่า ทำไมนายถึงอารมณ์เสียในเรื่องนี้”

 

เมื่อย่าเจี่ยนมองไปที่ปู่เจี่ยน เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำไมเขาถึงอารมณ์เสีย

 

“มีอะไรให้ฉันต้องอิจฉา ถ้าฉันต้องพึ่งพาหลานสาวเพื่อทำให้ตัวเองดูดี ชีวิตของฉันคงไร้ค่า”

 

ปู่เจี่ยนไม่ต้องการหลานสาวมาเพิ่มพูนชื่อเสียงของเขา

 

ความสำเร็จที่เขาทำในชีวิตเพียงลำพังก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนมองเขาด้วยความชื่นชม

 

เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่หลานสาวเขาทำ

 

“เอาล่ะ ถึงแม้ว่านายจะไม่สนใจในเรื่องที่หลานสาวได้นำเอาความเคารพของผู้คนมามอบให้นาย นายก็ไม่ต้องขมวดคิ้วได้ไหม นี่เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย”

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset