เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 371-372

大姐大 บทที่ 371 ความทรงจำของสร้อยข้อมือ 1

 

รายการเรียลลิตี้ในภาคแรกนั้นออกมาค่อนข้างดีทีเดียว โม่ชืออวิ้นทำได้ดีมากในรายการเรียลลิตี้

 

รายการเรียลลิตี้ได้ทำการทดสอบสติปัญญาของแขกรับเชิญและความสามารถในการเอาชีวิตรอดในป่า

 

ประสิทธิภาพของโม่ชืออวิ้นในด้านนี้ดีกว่าแขกรับเชิญคนอื่นมาก

 

ความยากลำบากและทักษะชีวิตทั้งหมดที่เธอได้เรียนรู้เมื่อตอนเป็นเด็กกับแม่เธอได้มีประโยชน์ในเวลานี้

 

ตั้งแต่การเลือกอุปกรณ์ก่อนเริ่ม ไปจนถึงทักษะการเอาตัวรอดในถิ่นทุรกันดาร การทำอาหารไปจนถึงการไขปริศนาที่เตรียมไว้ โม่ชืออวิ้นเก่งในทุกเรื่อง

 

ดังนั้นเธอจึงดึงดูดแฟนๆจำนวนมากและความนิยมเธอก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก

 

ด้วยเรตติ้งนี้ โม่ชืออวิ้นจะอยู่ในอันดับต้นๆของนักแสดงในไม่ช้า เธอถูกกำหนดให้มีอนาคตที่ดี

 

###

 

ในทางกลับกันเจี่ยนหยู่หมินกำลังทุกข์ระทม

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงได้แย่ขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ใช่นักแสดงที่โดดเด่นในรายการเรียลลิตี้ อย่างไรก็ตาม บุคลิกที่ตรงไปตรงมาและกล้ามหน้าท้องของเขายังคงทำให้แฟนๆของเขาส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น

 

กระแสตอบรับจากแฟนๆเขาดีมากจนผู้จัดการชื่นชม

 

อย่างไรก็ตาม เจี่ยนหยู่หมินไม่พอใจกับสิ่งนี้ เขาไม่อยากแพ้ นั่นจะเป็นความอัปยศ

 

หากเรากำลังเล่นเกม เราย่อมต้องการที่จะชนะ จะมีความหมายอะไรหากว่าพ่ายแพ้

 

“พี่ใหญ่ ใจเย็นๆ ผู้ชมตอบสนองกับพี่เป็นอย่างดี พวกเขาชอบพี่อย่างที่พี่เป็น” เจี่ยนหยู่เจี๋ยพูดกับเจี่ยนหยู่หมิน

 

“ไม่ ฉันต้องการชนะ” เจี่ยนหยู่หมินตอบกลับ เขาไม่ต้องการให้ประสิทธิภาพของตัวเองในรายการเรียลลิตี้เหมือนเดิมในสัปดาห์ที่สอง นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ

 

“แต่พี่ใหญ่ พี่ไม่มีความได้เปรียบในด้านไอคิว นอกจากนี้พี่ก็ยังไม่มีทักษะชีวิตด้วย” เจี่ยนหยู่เจี๋ยพูดกับพี่ชายเขา เขาให้ความเห็นอย่างโหดเหี้ยม

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

พี่ชายเขาได้เปรียบในด้านรูปร่างหน้าตา ทั้งยังมีความสามารถด้านการร้องและเต้นอีกด้วย

 

เจี่ยนหยู่หมินไม่สนใจน้องชายของตัวเอง กลับกัน เขาพูดว่า “ในภาคต่อไปพวกเขาต้องการให้เราพาสมาชิกในครอบครัวไปด้วย ฉันอยากพาคนที่มีไอคิวสูงไป”

 

“โอ พี่วางแผนที่จะพาผมไปเหรอ แต่ผมไม่ว่างหรอกนะ”

 

“หือ แกคิดอะไรอยู่ ใครจะพาแกไปวะ แกมีไอคิวสูงกว่าฉันไหม แน่นอนว่าไม่ ฉันกำลังคิดจะพาพี่รองของแกไป”

 

“เดี๋ยวก่อน แต่เขาไม่อยู่ที่นี่ จะโทรบอกเขาให้กลับมาไหม”

 

“เอ่อ อาจจะ เขาได้รับรางวัลจากโกะมากมาย ในทางทฤษฎีแล้ว เขาน่าจะสามารถเข้าร่วมรายการนี้เพื่อเพิ่มความนิยมได้เหมือนกัน”

 

ดังนั้น เจี่ยนหยู่หมินจึงโทรไปหาน้องรองของเขาเจี่ยนหยู่โป๋

 

ในโทรศัพท์ เสียงของเจี่ยนหยู่โป๋นั้นเบาและราบเรียบเช่นเคย

 

“ฉันขอโทษ ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง”

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไม่รบกวนนายแล้ว”

 

เจี่ยนหยู่หมินไม่ได้พยายามสนทนาต่อกับเจี่ยนหยู่โป๋ ถ้าอีกฝ่ายไม่มีเวลา ก็ไม่จำเป็นต้องยืนกราน หลังจากพูดคุยอีกสองสามคำ เขาก็วางสาย

 

อย่างไรก็ตาม เจี่ยนหยู่โป๋ซึ่งควรจะอยู่ในเมืองอื่น กลับอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเหิงหยวนในขณะนั้น

 

เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสของโรงแรม เขาเพิ่งอาบน้ำ ขณะที่พี่ชายเรียกเขาอย่างกะทันหันนั้น เขายังไม่มีโอกาสได้สวมเสื้อ

 

แสงส่องต้องบนหลังของเขา เห็นรอยไหม้อย่างชัดเจน

 

เจี่ยนหยู่โป๋หยิบสร้อยลูกปัดที่เขาถอดออกก่อนจะอาบน้ำ ใส่กลับไปบนข้อมือ

 

นิ้วหัวแม่มือเขามักจะปัดไปบนลูกปัดที่แตกต่างกัน

 

มีภาพแวบหนึ่งจากเมื่อนานมาแล้วโผล่ขึ้นมา

 

ในช่วงบ่ายของฤดูใบไม้ผลิที่แดดจ้า ในลานบ้านตระกูลเจี่ยน ดวงอาทิตย์ส่องแสงผ่านต้นไม้ เกิดเป็นช่องเงาบนพื้นดิน

 

มีเด็กหนุ่มรูปงามนั่งอยู่บนพื้นหญ้า หันหลังพิงโคนต้นไม้

 

เด็กชายถือหนังสือหนาหนักไว้ในมือ

 

จากระยะไกล เด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา เธอทำปากยื่นก่อนจะพูดว่า

 

“พี่ชายหยู่โป๋ เห็นผ้าคาดผมของฉันไหม มันเป็นผ้าคาดผมที่ฉันชอบ มีลูกปัดกระต่ายสองสามเม็ดบนผ้าคาดผมนั้น”

 

ผมของเด็กหญิงตัวเล็กๆนั้นสยายคลี่อยู่บนไหล่ของเธอ

 

ปากของเธออ้าค้างเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความสุขอยู่บ้าง

 

บทที่ 372 ความทรงจำของสร้อยข้อมือ 2

 

“ไม่” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ เจี่ยนหยู่โป๋เป็นวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเสียงเขาดูแก่และห้าวเกินไปสำหรับอายุของเขาอยู่บ้าง

 

“อาา ไม่เป็นไร” เด็กหญิงตอบ เธอดูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบดังกล่าว

 

เด็กหญิงตัวเล็กๆหันหน้าจากไป แต่ว่า เธอก็ได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมาอีกครั้ง “พี่ชายหยู่โป๋มาเล่นกับฉันไหม อย่าอ่านหนังสือหนังสือเลย หนังสือไม่สนุก”

 

“ฉันไม่ต้องการเล่น” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ ใบหน้าเขาไร้อารมณ์

 

“อาา ก็ได้” เด็กหญิงตัวน้อยเม้มปากด้วยความผิดหวังก่อนจะวิ่งหนีไปอีกครั้ง

 

หลังจากที่เด็กหญิงจากไป เด็กชายก็เงยหน้าขึ้น เขาจ้องไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆที่กำลังวิ่งอย่างมีความสุขในระยะไกล

 

จากนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องลงมองหนังสือในมือ ที่นั่นมีผ้าคาดผมของเด็กหญิงตัวเล็กๆพร้อมกับลูกปัดกระต่าย อยู่ที่ฝ่ามือซ้ายเขา

 

เสียงกริ่งที่ประตูขัดจังหวะความคิดของเจี่ยนหยู่โป๋

 

เจี่ยนหยู่โป๋ปลดล็อคประตูด้วยรีโมทคอนโทรลเพื่อให้คนเข้ามาได้

 

ผู้หญิงที่แต่งตัวดีเข้ามาทางประตู เธอมีข้อมูลกองใหญ่อยู่ในมือ

 

“บอส นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการ นอกจากนี้ ความลับภายในของตระกูลเจี่ยนที่คุณมีอยู่ในมือก็ได้เปิดเผยแก่คู่แข่งแล้ว นี่น่าจะสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจของตระกูลเจี่ยน”

 

ผู้หญิงคนนั้นรายงานเรื่องทั้งหมดในลักษณะที่เป็นทางการ เธอไม่ได้มองไปที่อื่น เธอจ้องมองไปที่เจี่ยนหยู่โป๋

 

“นอกจากนี้ ตามคำแนะนำของแม่ของคุณ เราได้มอบทรัพยากรที่ดีที่สุดให้กับเด็กผู้หญิงที่ชื่อโม่ชืออวิ้นแล้ว หลักฐานการขโมยของแม่โม่ชืออวิ้นก็ถูกทำลายไปแล้วเช่นเดียวกัน”

 

“เข้าใจแล้ว จับตาดูเจี่ยนหยุ่นเฉิงต่อไป” เจี่ยนหยู่โป๋ตอบกลับ สีหน้าเขาเย็นชาพอกับน้ำเสียงของเขา ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากเจี่ยนหยู่โป๋ได้แม้แต่นิดเดียว

 

“ค่ะบอส”

 

จากนั้นผู้ช่วยหญิงก็ออกจากห้องไป

 

เจี่ยนหยู่โป๋หยิบข้อมูลที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วเปิดดู

 

เงามืดผ่านไปบนใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเขา

 

###

 

ในที่สุดเจี่ยนหยู่หมินก็เข้าหาเจี่ยนอีหลิง เขาขอให้เธอไปกับเขาในส่วนที่สองของรายการเรียลลิตี้โชว์

 

เจี่ยนหยู่หมินตามหาเจี่ยนอีหลิงไม่เพียงเพราะเขาสนใจไอคิวของเจี่ยนอีหลิงเท่านั้น แต่เป็นเพราะเขาจะสามารถใช้เวลาตามลำพังกับน้องสาวของเขาในช่วงสุดสัปดาห์ได้

 

ตั้งแต่เจี่ยนหยุ่นโม่กลับจากต่างประเทศ ผู้ชายคนนั้นได้ขโมยวันหยุดสุดสัปดาห์ของเจี่ยนอีหลิงไปจนหมด

 

พวกเขาสองคนต่างพากันอยู่บ้านทำการทดลอง ทำวิจัยเชิงวิชาการ หรือไม่ก็อยู่ในเรือนกระจกของปู่เจี่ยน ปลูกดอกไม้และศึกษาพืชด้วยกัน

 

ไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่งกับพวกเขาได้

 

แม้ว่าเจี่ยนหยู่หมินจะกลับไปที่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยนในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่สามารถดึงความสนใจจากน้องสาวได้

 

อย่างไรก็ตาม มันจะแตกต่างออกไป ถ้าเจี่ยนอีหลิงมากับเขาในรายการเรียลลิตี้

 

เพียงแค่ความคิดที่จะเอาชีวิตรอดร่วมกันในพงไพรและไขปริศนาด้วยกันนั้น น่าตื่นเต้นมากสำหรับเจี่ยนหยู่หมิน

 

ต้องใช้การเกลี้ยกล่อมและยืนกรานอย่างไร้ยางอายมากมายก่อนที่เจี่ยนอีหลิงจะตกลงในที่สุด นอกจากนี้ เขายังต้องโน้มน้าวย่าเจี่ยนให้ขอร้องเจี่ยนอีหลิงด้วยเช่นเดียวกัน

 

ย่าเจี่ยนเต็มใจช่วยเจี่ยนหยู่หมิน เพราะเธอก็เป็นแฟนรายการเรียลลิตี้เช่นเดียวกัน

 

เธอได้ดูออกอากาศภาคแรกกับปู่เจี่ยน

 

ตอนแรกเธอดูรายการเรียลลิตี้เพราะหลานชายเธอ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ปู่เจี่ยนบ่นเกี่ยวกับความโง่เขลาของหลานชายตลอดเวลานั้น ย่าเจี่ยนก็หัวเราะออกมา มันค่อนข้างตลกที่ได้ดูเจี่ยนหยู่หมินทำผิดพลาดมากมาย

 

เพื่อนของย่าเจี่ยนก็ดูรายการเรียลลิตี้เช่นเดียวกัน หลังจากดูภาคก่อนหน้านี้แล้ว พวกเธอก็พากันพูดติดตลกเกี่ยวกับเซี่ยหมินหยู่ ช่างเป็นเด็กที่ตรงไปตรงมาและเรียบง่ายจริงๆ

 

และด้วยเหตุนี้ ย่าเจี่ยนจึงตั้งตารอที่จะได้เห็นว่าที่รักของเธอจะแสดงในรายการเรียลลิตี้อย่างไร

 

ย่าเจี่ยนไม่ได้กังวลว่าโม่ชืออวิ้นจะอยู่ในรายการเดียวกันนัก ผู้เข้าร่วมรายการสามารถเลือกเส้นทางเดินทางเองได้ ดังนั้นจึงไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมรายการมากนัก

 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจงใจหลีกเลี่ยงโม่ชืออวิ้น

 

หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงยอมรับคำขอของเจี่ยนหยู่หมินแล้ว เจี่ยนหยู่หมินก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

จากนั้นเจี่ยนหยู่หมินก็เริ่มอธิบายกฎของรายการเรียลลิตี้ให้เจี่ยนอีหลิง เขาบอกเธอเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาต้องทำ

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset