大姐大 บทที่ 387 หมาป่าที่ถูกเลี้ยงโดยตระกูลเจี่ยน 1
หลังจากที่เขาออกจากตัวบ้าน เจี่ยนหยู่โป๋ไม่ได้ออกไปในทันที
กลับกัน เขาขึ้นไปนั่งบนต้นไทรแทน เขาพิิงหลังเข้ากับลำต้นไม้
ด้วยลมเบาๆพัดมาอย่างอ่อนโยนบนใบหน้าเขา เขาหลับตาลง ราวกับว่าเขากำลังหลับอยู่ ท่าทางของเขาดูเยือกเย็นเหลือเกิน
ในมือขวาของเขา เขาเคลื่อนนิ้วนับลูกปัดข้อมือที่เขาสวมบนข้อมือซ้ายของเขา
ภาพที่เข้ามาในความคิดของเขาก็คือเจี่ยนอีหลิงที่เขาได้พบกับเธอในตอนนั้น
อย่างแช่มช้า ท่าทางของเขาก็ค่อยๆเป็นสุขมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น ภาพของเหอเยี่ยนที่ฉีกหนังสือและบันทึกเรื่องโกะก็ผุดขึ้นมาในใจเขาอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนของน้ำเดือดที่หลังเขา ราวกับว่าบริเวณหลังเขายังคงหดกระตุกด้วยความเจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เจี่ยนหยู่โป๋ลืมตาเบิกกว้างในทันที เขาลุกขึ้นและออกจากบ้านเก่าตระกูลเจี่ยน
###
เย็นวันนั้น ปู่เจี่ยนโทรหาเจี่ยนชูฉิงและเจี่ยนหยุ่นเฉิงให้มาที่ห้องทำงาน
ทั้งสามคนคุยกันเป็นเวลานานในห้องทำงานของปู่เจี่ยน
ธุรกิจของตระกูลเจี่ยนประสบปัญหาเล็กน้อย จนถึงตอนนี้ ธุรกิจได้รับการจัดการโดยเจี่ยนชูฉิงและเจี่ยนชูหง
สำหรับตอนนี้ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่
อย่างไรก็ตาม เจี่ยนหยู่โป๋ก็ได้มาเยี่ยมปู่เจี่ยนวันนี้
ตอนนั้นเองที่ปู่เจี่ยนได้รู้ว่าปัญหาใหญ่แค่ไหน
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
เขายังเข้าใจด้วยเช่นกันว่าปัญหาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันเดียว มันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว มีการยักยอกภายในและการโจมตีจากภายนอก
และผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเจี่ยนหยู่โป๋
เจี่ยนหยู่โป๋ใช้เวลาหลายปีในการทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อธุรกิจตระกูลเจี่ยน
วันนี้เขาได้วางตัวเลือกทั้งหมดที่มีให้กับตระกูลที่ตรงหน้าปู่เจี่ยน
ก่อนที่เขาจะมา เห็นได้ชัดว่าเขาได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดแล้ว เขาได้ปิดกั้นเส้นทางที่เป็นไปได้ทั้งหมดสำหรับตระกูลเจี่ยนแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกความเป็นไปได้ที่เขาให้มานั้นไม่ดีต่อตระกูล อย่างต่ำที่สุดก็จะทำให้ตระกูลได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในท้ายที่สุด เขาขอให้ปู่เจี่ยนส่งมอบธุรกิจให้เขา ถ้าปู่เจี่ยนทำเช่นนั้น เขาจะหยุดแผนการของเขา
ไม่เช่นนั้น ทุกสิ่งที่เขาวางแผนไว้จะเกิดขึ้น วิกฤตการณ์ทั้งหมดที่เจี่ยนหยู่โป๋เล่าให้ฟังจะกลายเป็นความจริง
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ปู่เจี่ยนรู้สึกถูกคุกคาม และเขากำลังถูกหลานชายข่มขู่
ปู่เจี่ยนโกรธจนทุบทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขา
อย่างไรก็ตามเจี่ยนหยู่โป๋ยังคงดูเยือกเย็นอย่างน่าประหลาดใจเมื่อเกิดสิ่งนี้ขึ้น เขามีท่าทางไร้ความรู้สึก ราวกับว่าเขาคาดหวังปฏิกิริยาดังกล่าวจากปู่ของเขาไว้แล้ว
จากนั้นเขาก็บอกกับปู่เจี่ยนอย่างเย็นชาว่า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงหรือแทรกแซงแผนการใดๆของเขาได้ แม้ว่าจะฆ่าเขาในตอนนี้ก็ตาม
“ทำไมหยู่โป๋ถึงทำอย่างนั้น” เจี่ยนชูฉิงถาม เขาสับสนเหลือเกิน “ถ้าเขาต้องการธุรกิจของตระกูลเจี่ยน เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เขาสามารถสืบทอดธุรกิจของครอบครัวได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งตั้งแต่แรก เขาต้องการทุกอย่างเหรอ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไม…”
ทั้งเจี่ยนหยู่หมินและเจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่ต้องการสืบทอดธุรกิจของตระกูลเจี่ยน
ก่อนหน้านี้เจี่ยนชูหงได้วางแผนที่จะส่งมอบส่วนหนึ่งของธุรกิจตระกูลเจี่ยนที่เขาจัดการให้กับหลานชาย เจี่ยนหยุ่นเฉิง ภายหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม หากเจี่ยนหยู่โป๋ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจครอบครัว เขาก็สามารถเข้ามามีส่วนที่เจี่ยนชูหงกำลังจัดการอยู่ได้อย่างง่ายดาย เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มันมา
ปู่เจี่ยนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถ้าเขาทำมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว แสดงว่าพลังที่เขาสะสมมาตลอดหลายปีนี้ ไม่จำเป็นต้องด้วยกว่าของตระกูลของเราเสมอไป”
แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แต่ความเป็นจริงก็อยู่ตรงหน้า ปู่เจี่ยนอดไม่ได้ที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาบอก
นั่นหมายความว่าสิ่งที่เจี่ยนหยู่โป๋ครอบครองอยู่ในตอนนี้ อย่างน้อยก็สามารถเทียบเคียงได้กับตระกูลเจี่ยน เป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าเขาอาจจะก้าวล้ำนำหน้าธุรกิจของตระกูลเจี่ยนอยู่ในตอนนี้ ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดสิ่งที่เขามีในตอนบ่าย
“แล้วทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ เหตุผลเบื้องหลังการกระทำนั้นคืออะไร” เจี่ยนชูฉิงถาม คำพูดของปู่เจี่ยนทำให้เขายิ่งสับสน
บทที่ 388 หมาป่าที่ถูกเลี้ยงโดยตระกูลเจี่ยน 2
ถ้าเจี่ยนหยู่โป๋มีพลังมากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว เขาจะพึ่งพาความสามารถเขาในการสร้างอาณาจักรของตัวเองไม่ได้หรือไง ทำไมเขาต้องกลับมาบังคับปู่เจี่ยนให้ส่งมอบทั้งตระกูลให้กับเขา เขามีจุดประสงค์อะไรในการการทำสิ่งนั้น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอดบ่าย ฉันยังคิดไม่ออก เราเลี้ยงหมาป่าไว้ในตระกูลได้ยังไง” ปู่เจี่ยนถาม เขายอมรับว่าตนเองไม่เคยจินตนาการถึงสถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นความผิดพลาดในการตัดสินใจของเขา
เจี่ยนหยู่โป๋เงียบอย่างมากมาโดยตลอด อันที่จริง เขาเงียบมากจนกระทั่งเขาแทบจะไม่มีตัวตนในบรรดาหลานชายทั้งหมดของตระกูลเจี่ยน
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “อืม ตราบใดที่เขายินดีที่จะดำเนินธุรกิจของตระกูลเจี่ยนให้ดี ผมก็ไม่ถือที่จะมอบบริษัทและบริษัทในเครือทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของเราให้เขา”
ปู่เจี่ยนมีสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่เข้าใจเขาเลยตอนนี้ ฉันไม่กล้ามอบทุกสิ่งให้เขา แต่ว่า หากฉันไม่มอบทุกอย่างให้ ตระกูลเจี่ยนอาจได้รับความเสียหายมากมาย”
พวกเขาทั้งหมดรู้ช้าเกินไป
นี่หมายความว่า ต่อให้พวกเขาพยายามแก้ไขสถานการณ์โดยเร็วที่สุด ตระกูลก็ยังจะได้รับความเสียหายมากมาย
ปู่เจี่ยนดูราวกับว่าแก่ขึ้นอีกมากในตอนบ่าย
เขาเคยเห็นพายุหลายครั้งในชีวิต ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาเหนื่อยได้เท่าครั้งนี้
ในห้องนั้น พวกเขาทั้งสามคนมีสีหน้าเคร่งขรึมและเศร้า
ในที่สุดปู่เจี่ยนก็บอกกับเจี่ยนหยุ่นเฉิง “ดูแลบริษัทของเธอเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทหวนเหยียวเทคโนโลยีของเธอนั้นใช้ได้ ปล่อยธุรกิจของตระกูลไว้กับพ่อของเธอและฉัน ในกรณีสุดวิสัยที่เราอาจต้องทุบหม้อข้าวจมเรือ(สู้ตาย) ต่อให้ตระกูลเจี่ยนจะล้ม เราก็ไม่สามารถมอบมันให้กับเขาได้”
###
ระยะหลังมานี้ หยูซีทั้งงุนงงและสงสัย ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกทึ่งและอิจฉา
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา นายท่านเชิ่งได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นจักรพรรดิ
ช่วงหลังนี้ เทพหลิงได้ปรนเปรอนายท่านเชิ่ง
เธอทำอาหารให้เขาทุกประเภท
จากนั้นเธอก็ไล่ตามนายท่านเชิ่งถามเขาว่าต้องการอะไร
นั่นไม่หมายความว่าเขาได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นจักรพรรดิเหรอ
แม้ว่าการดูแลจะดี แต่เหตุผลที่ทำเช่นนั้นก็ไม่ชัดเจน
หยูซีไม่ทราบสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเทพหลิง
เป็นเพราะเสน่ห์ของนายท่านเชิ่งอย่างงั้นเหรอ เขาดึงดูดคนทุกวัยงั้นเหรอ
จ๋ายหวินเชิ่งมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา เธอเป็นเหมือนกระต่ายสีขาวนุ่มนวล “เธอจะบอกฉันหรือเปล่า”
เสียงเขาไม่ดังเกินไป อย่างไรก็ตาม เขาได้กัดฟันในขณะที่พูดแบบนี้
ความโกรธบางส่วนของเขาได้แสดงออกมาแล้ว
จ๋ายหวินเชิ่งรู้ว่ากระต่ายตัวน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขาต้องการให้เขาทำอะไรบางอย่างเพื่อเธอ
อย่างไรก็ตาม กระต่ายน้อยนั้นค่อนข้างดื้อรั้น เนื่องจากเธอติดหนี้เขาอยู่สองสามครั้ง คราวนี้เธอจึงปฏิเสธที่จะพูดถึงคำขอที่เธอต้องการ
กลับกัน เธอไล่ตามเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และถามเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการจากเธอแทน
เธอจะบอกเขาว่าเธอต้องการอะไรจากเขาหลังจากที่เขาได้พูดคำขอของเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามจ๋ายหวินเชิ่งก็ดื้อรั้นเช่นกัน เขาตั้งใจที่จะไม่บอกเจี่ยนอีหลิงว่าเขาต้องการอะไร
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธที่จะขออะไร
นี่ทำให้เจี่ยนอีหลิงได้มาทุกวัน เธอทำอาหารอร่อยให้เขามากมาย
เด็กหญิงตัวเล็กๆกำลังยุ่งอยู่ในครัว มือขาวนุ่มของเธอทำอาหารอร่อยมากมายให้เขา
จากนั้นเธอก็ยื่นอาหารให้เขาด้วยมือทั้งสองข้าง
ดวงตากลมโตเธอจ้องมองมาที่เขา เธอรอเขากินอาหาร
จ๋ายหวินเชิ่งกำลังจะยอมแพ้การเป็นคนดื้อรั้น
“อืม ถ้านายไม่ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะไม่รบกวนนายอีกต่อไป” เจี่ยนอีหลิงกล่าว
เจี่ยนอีหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา เธอพร้อมที่จะยอมแพ้
เจี่ยนอีหลิงต้องการทราบว่าเจี่ยนหยู่โป๋ได้พูดคุยอะไรกับปู่เจี่ยนในห้องทำงาน อย่างไรก็ตาม ปู่เจี่ยนปฏิเสธที่จะบอกเธอ เธอไม่สามารถถามเจี่ยนหยู่โป๋โดยตรงได้เช่นกัน
ดังนั้นเจี่ยนอีหลิงจึงตัดสินใจถามจ๋ายหวินเชิ่ง เหตุผลก็เพราะในนวนิยายต้นฉบับ จ๋ายหวินเชิ่งได้แสดงความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับเจี่ยนหยู่โป๋ สิ่งนี้ทำให้เธอเชื่อว่าจ๋ายหวินเชิ่งรู้บางอย่างเกี่ยวกับเจี่ยนหยู่โป๋
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการรบกวนจ๋ายหวินเชิ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอยังไม่ได้ชดใช้คืนให้เขาสำหรับสิ่งที่เธอเป็นหนี้เขาในสองสามครั้งก่อนหน้านี้