เนตรเซียนทะลุสมบัติ – ตอนที่ 181

โรงประมูลที่แสนพิเศษ

หลี่เอ้อเพิ่งจะหันไปกล่าวอธิบายกับทั้งสองคนเสียงเบาว่า “ไม่ต้องรีบร้อนเข้าร่วม ฉันได้ยินมาว่าอีกเดี๋ยวก็จะส่งของชุดหนึ่งเข้าประมูล ล้วนเป็นสมบัติที่ได้มาจากขุมทรัพย์ไท่ผิงเทียนกั๋ว”

ตาอ้วนหลิวเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา “ท่านนี้ช่างมีความสามารถเหนือมนุษย์จริงๆ! ขุมทรัพย์ไท่ผิงเทียนกั๋วตอนนี้ถูกเปิดเผยอยู่ในสายตาของคนทั้งประเทศ เขายังกล้าทำแบบนี้?”

หลี่เอ้อส่ายหน้า “รายละเอียดก็ไม่ชัดเจนนัก ข้อมูลเหล่านี้ก็แค่ได้ยินมา ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่พาพวกนายมาหรอก แต่ฉันได้ยินมาว่าในขุมทรัพย์มีสามตำหนักหกเรือน สามกระทรวงหกกรม ยังมีคลังสมบัติลับที่ใช้เก็บสมบัติของหงซิ่วเฉวียนเป็นพิเศษด้วย!”

 

สีหน้าของหยางโปผิดปกติขึ้นมาเล็กน้อย เขาชัดเจนดีมากว่าภายในคลังสมบัติของไท่ผิงเทียนกั๋วไม่น่าจะซ่อนสมบัติอะไรเอาไว้

เพราะมันถูกพวกเขาขนออกไปหมดนานแล้ว ในเมื่อเป็นสมบัติลับ ก็ไม่น่าจะมีมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เข้าไปมาแล้ว มีคลังสมบัติลับที่ไหนกัน?

แต่ว่าในเมื่อเป็นแบบนี้ หยางโปก็ยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจต่อโรงประมูลแห่งนี้

ยังไงก็สามารถห้อยชื่อเสียงนี้เอาไว้ได้ ของโบราณเหล่านั้นที่ตระเตรียมมาก็ไม่น่าจะย่ำแย่

“รออีกเดี๋ยวจะต้องปรากฏขึ้นใช่ไหม?” หยางโปเอ่ยถามอีกครั้ง

หลี่เอ้อพยักหน้า “ฉันเองก็ได้รับข่าวลือมา พวกนายไม่ต้องคาดหวังมากนักหรอกนะ

 

หยางโปหันมองไปรอบด้าน ภายในห้องโถงใหญ่มีผู้คนไม่น้อย ดูไปแล้วมีคนเยอะมาก แต่ที่เข้าร่วมการประมูลจริงๆ มีไม่มากเลย มองประเมินหยกสลักหนานหยางที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง หยางโปก็พอจะเดาบางอย่างได้แล้ว

“ดูเหมือนจะมีเยอะ แต่คุณภาพธรรมดา ปกติแล้วก็เป็นแบบนี้เหรอ?” หยางโปชี้ไปที่ของโบราณที่อยู่บนโต๊ะแล้วเอ่ยถาม

หลี่เอ้อไม่ได้สังเกตสังกามาตลอด พอได้ยินหยางโปกล่าวเช่นนี้ถึงได้สังเกตเห็นว่าวัตถุโบราณเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าคุณภาพธรรมดาจริงๆ เขาอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ดูท่าเถ้าแก่หยางจะสำรวจอย่างละเอียดจนทะลุปรุโปร่งแล้ว เห็นทีเป็นไปได้มากว่าคำเล่าลือจะเป็นเรื่องจริงแล้ว”

 

เมื่อด้านหลังมีคนมา ทั้งสามก็ไม่สะดวกที่จะสนทนากัน ต่างก็หาทางเดินไปข้างหน้า ข้าวของที่ตกแต่งไว้ภายในห้องมีไม่น้อย หยางโปมองดูแล้วค่อนข้างเหมาะสม การประชุมกำลังจะเริ่มขึ้น ณ ที่นี้แล้ว

ราคาประมูลของหยางโปไม่สูงเลย เขายังต้องเหลือพื้นที่พอจะทำกำไรให้ตัวเอง ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วจะประมูลได้หรือไม่ เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เมื่อเป็นแบบนี้ความถี่ที่หยางโปจะประมูลก็ยิ่งสูง

มองไปรอบหนึ่งแล้ว ทั้งสามคนก็หาที่นั่งลงพักผ่อน

เวลาการเริ่มต้นประมูลลับต้องรอจนถึงตอนบ่าย ดังนั้นพวกเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่ในขณะหนึ่ง ทำได้เพียงรินชาเริ่มต้นรอ

 

ตาอ้วนหลิวร้อนใจเล็กน้อย “เถ้าแก่ที่นี่เป็นใครกันนะ ในเมื่อมีความสามารถสูงส่ง ทำไมยังซุกอยู่ในจินหลิงล่ะ?”

“เพราะว่าในจินหลิงเขาเป็นงูดิน ไปเมืองหลวงแล้วกลับไม่ใช่มังกรข้ามถิ่น” หลี่เอ้ออธิบายประโยคหนึ่ง

ประโยคนี้ถึงแม้เป็นหยางโปก็ฟังเข้าใจ เถ้าแก่คือคนมณฑลซู ไม่ใช่คนเมืองหลวง แต่ว่าเรื่องที่เถ้าแก่เป็นคนที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเขา

รอไปครึ่งชั่วโมง ผู้คนในที่นี้ก็ค่อยๆ ลดน้อยลง บ้างก็ดื่มกาแฟแล้วก็จากไป ทั้งสามคนยังคงเฝ้ารอโดยไม่ได้รับข่าวคราวอะไร

หยางโปกังวลใจอยู่บ้าง จึงหันไปเอ่ยถามกับหลี่เอ้อว่า “นายได้ข่าวมาจากที่ไหน? โทรไปคอนเฟิร์มสักสายได้ไหม พวกเรารออยู่ที่นี่อย่างไม่รู้จุดหมายเลย”

หลี่เอ้อลังเลเล็กน้อย ก็ต่อสายโทรศัพท์ครั้งหนึ่งแล้วเดินไปทางด้านข้าง

 

อย่างรวดเร็ว หลี่เอ้อก็เดินกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ “การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว การประมูลครั้งนี้จะต้องเตรียมลู่ทางไว้ ถ้าพวกเราไม่ได้ถูกรับเชิญก็เข้าไปไม่ได้!”

หยางโปพลันชะงัก ลุกขึ้นยืน “เตรียมลู่ทาง?”

ตาอ้วนหลิวก็ตกตะลึง แต่ว่าไม่นานเขาก็กดมือ “ไม่ต้องร้อนใจ ฐานะของพวกเราไม่พอ เพื่อที่จะให้การประมูลเป็นความลับ พวกเขาจะไม่ให้เราเข้าไปก็สมควรแล้ว”

ถึงแม้หยางโปจะเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี แต่เฝ้ารออย่างเต็มไปด้วยความคาดหวังมานานขนาดนี้ แต่กลับถูกส่งออกไปด้วยเหตุผลข้อเดียวนี้ ทำให้เขารู้สึกซับซ้อนมากจริงๆ

หลี่เอ้อเองก็เต็มไปด้วยความสับสน เขาพาคนมาก็เพื่อเข้าร่วมการประมูล ตอนนี้ถูกกันไปเป็นคนนอกแล้วจริงๆ ในใจยากที่จะรับรสชาตินี้ได้จริงๆ

 

หยางโปเดินทอดน่องอยู่ด้านหนึ่ง ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะโทรศัพท์หาลัวย่าวหัวดีหรือเปล่ายังไงลัวย่าวหัวก็ยังนับว่าเป็นงูดิน ถึงแม้ยังไม่ชัดเจนว่าพื้นภูมิเบื้องหลังของลัวย่าวหัวเป็นยังไงกันแน่ แต่เขาน่าจะยังมีหน้ามีตาอยู่บ้าง

“หยางโป?”

หยางโปจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียก เขาหันหน้าไปมอง มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งโบกมือมาให้เขา นั่นก็คือเย่เหวยหลิน

หยางโปประหลาดใจมาก เดินเข้าไปสองสามก้าว “คุณเย่กลับเมืองหลวงไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”

เย่เหวยหลินเองก็เดินมา “กลับไปสองสามวัน นี่ก็เพิ่งจะจัดการเรียบร้อย ได้ยินว่าทางนี้มีข่าวคราวก็เลยมาชมดูความคึกคัก

 

เย่เหวยหลินไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายเขากลับยังมีผู้หญิงสวยในชุดคลุมขาวคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นหน้ารูปไข่ ใบหน้าขาวสะอาด งดงามมาก

หยางโปมองแล้วกลับรู้สึกคุ้นเคยอยู่หลายส่วน เหมือนจะเป็นดาราสักคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้มองมาก กำลังจะเอ่ยขอตามเข้าไป

เย่เหวยหลินกลับล่วงหน้าเอ่ยปากก่อนก้าวหนึ่ง “เสี่ยวหยาง นายมีเวลาว่างไหม? ตามฉันเข้าไป ช่วยเป็นตาให้ฉันได้ไหม?”

ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ เธอแน่ใจว่าเมื่อกี้ได้ยินเย่เหวยหลินยังบอกว่าขาดนักประเมินไปสักคน คิดไม่ถึงว่าจะถึงกับเชิญคนหนุ่มตรงหน้าคนนี้ นักประเมินไม่ควรจะเป็นคนแก่หรอกเหรอ?

 

หยางโปประหลาดใจเล็กน้อย หันหน้ามองไปครั้งหนึ่ง กล่าวกับเย่เหวยหลินว่า “ดีเลยคุณเย่! แต่ว่าผมยังมีเพื่อนอีกสองคน”

เย่เหวยหลินชะงักเล็กน้อย “เข้าไปก็ได้นะ แต่ว่า…”

หยางโปหันไปโบกมือให้พวกหลี่เอ้อสองคน ตาอ้วนหลิวเดินเข้ามาแล้วได้ยินคำพูดนี้ของเย่เหวยหลิน ก็เร่งรีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “คุณเย่วางใจได้เลยครับ พวกเราไม่ใช่คนปากมาก!”

เย่เหวยหลินหัวเราะขึ้นมา “ดี ในเมื่อเป็นเสี่ยวหยางแนะนำมา ฉันก็จะเชื่อในคุณธรรมของพวกนาย!”

กล่าวจบ เย่เหวยหลินก็หันไปกล่าวเสียงเบากับหยางโปว่า “ครั้งนี้ก็ไม่แน่ว่าจะมาจากที่นั่นจริงๆ แต่ว่าปกติแล้วน่าจะมีของดีหลายชิ้นไว้ให้กับทุกคนนะ!

 

หยางโปก็หัวเราะขึ้นมา “มีความคิดที่เข้าใจแบบนี้เข้าไป ก็ไม่มีทางผิดหวัง!”

เย่เหวยหลินหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา แล้วถึงได้พาทั้งหมดมุ่งหน้าขึ้นชั้นบนไป

โรงประมูลอยู่ชั้นหน้า มีหลายคนขึ้นลิฟต์ หยางโปเอ่ยถามเย่เหวยหลินอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้หงอวี้เป็นยังไงบ้าง?”

เย่เหวยหลินมองหยางโปครั้งหนึ่ง เขาก็เข้าใจดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยางโปกับลัวย่าวหัวไม่ธรรมดา รู้เรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร “ตอนนี้อวัยวะภายในของเขาล้มเหลว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูไม่ค่อยดี ก่อนหน้านี้ไปรักษาที่อเมริกา แต่ยังคงไม่ได้ผลอะไร ตอนนี้ยังย้ายไปโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงของแต่ละประเทศ”

หยางโปประหลาดใจมาก มองไปที่เย่เหวยหลินอยู่สองครั้ง ตอนนั้นเย่เหวยหลินกับพี่น้องตระกูลหงเข้าไปข้างในด้วยกัน ทำไมหงอวี้ถึงได้ป่วยหนักขนาดนี้?

 

เย่เหวยหลินเหมือนจะมองความคิดของหยางโปออก เขาส่ายหน้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร

หยางโปเดิมทียังคิดว่าอาการป่วยทุกอย่างของหงอวี้เป็นเพราะว่าพลังหยินมากเกินไปทำให้เกิดอาการป่วยทุกอย่าง ตอนนี้ดูท่าแล้วจะห่างไกลจากจุดนี้มากนัก ในใจก็ยากที่จะไม่ดีใจอยู่หลายส่วนไม่ได้ ยังดีที่ตอนนั้นพวกเขาเตรียมตัวไปพร้อม

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เป็นเพราะพ่อที่ป่วยหนัก อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล จึงทำให้หยางโปเด็กฝึกงานของร้านขายวัตถุโบราณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดัน เป็นเพราะจิตใจที่มีเมตตาของเขาจึงทำให้เขาได้รับหินแก้วโดยบังเอิญ จนทำให้ดวงตาของเขาสามารถประเมินสมบัติอันล้ำค่าได้ มาลุ้นกันว่าเขาจะสามารถตรวจสอบสมบัติเหล่านั้นและล้มล้างชะตากรรมได้อย่างไร…….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset