ตอนที่ 284 ไปตามนัด
หยางโปรู้สึกประหลาดใจ ” โกดังอยู่ใกล้ๆที่นี่ เหรอครับ ? “
หลิ่วมีดเดียวพยักหน้า ” ใช่ อยู่ไม่ไกลเลย “
หลิ่วมีดเดียวกล่าวจบ จู่ๆ ก็หันมามองหยางโป ” เอ๊ะ ทำไมฉันรู้สึกว่าเจ้าหนูอย่างเธอมีเจตนาไม่ดีล่ะ ? “
หยางโปชะงัก ” เจตนาไม่ดี ? “
” เธอคงไม่ชอบแม่หนูคนเมื่อกี้หรอกนะ ? ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยถาม
หยางโปส่ายหน้า ” คุณคิดมากเกินไปแล้ว “
หยางโปกล่าวจบก็หยิบเช็คที่วางข้างๆ หินเลือดดิบบนโต๊ะขึ้นมา ” เอาวัตถุดิบก้อนนี้ไปก็รู้สึกไม่ดีอย่างมาก ผมคืนให้คุณดีกว่า “
หลิ่วมีดเดียวคาดไม่ถึงเล็กน้อย เขามองหยางโป ” นี่เธอจะกลับคำแล้วเหรอ ? “
” เปล่า นี่ผมทำเพื่อคุณนะ ถ้างั้นเอาอย่างนี้นะ ตอนนี้พวกเรามาผ่าวัตถุดิบกัน ถ้าหากเป็นหินเลือดห้าสิบส่วนหรือต่ำกว่านั้น ผมก็จะซื้อไป ถ้าหากเป็นเจ็ดสิบส่วน ถ้างั้นก็ถือเป็นของขวัญกราบอาจารย์ของผมก็แล้วกัน ” หยางโปหัวเราะ
หลิ่วมีดเดียวมองหยางโปแล้วหัวเราะ ” นี่เธอจะกลับบ้านมือเปล่าเอานะ ! “
แม้จะกล่าวแบบนี้แต่หลิ่วมีดเดียวก็ยังหยิบเครื่องมือ เริ่มแกะผิวนอกออก
ความเร็วของหลิ่วมีดเดียวนั้นเร็วมาก เศษหินฟุ้งกระจาย สีอันสดใสธรรมดาของหินเลือดข้างในก็เปิดเผยออกมา เขาคงระดับความเร็วอยู่ตลอด ไม่นานวัตถุดิบทั้งก้อนก็เผยโฉมสู่สายตา
ราวกับเลือดไก่ที่สาดอยู่บนหยก เนื้อหินทั้งก้อนเรียบลื่น โปร่งแสงเล็กน้อย สีสันราวงาช้าง สีสันเนื้อสัมผัสบริสุทธิ์ไร้ใดเปรียบ เมื่อหินแบบนี้ปรากฏขึ้นต่อหน้า หลิ่วมีดเดียวก็ชะงักไป
หยางโปหัวเราะขึ้นมา เพราะว่าเขามองสีเลือดของวัตถุดิบนี้ได้ที่ประมาณเจ็ดสิบส่วน !
หลิ่วมีดเดียวมองหยางโป ” เธอมองออกได้ยังไง ? ความรู้เรื่องวัตถุดิบของเธอสูงขนาดนี้เชียว ? “
หยางโปหัวเราะ ” นี่เป็นพรสวรรค์ “
หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
หยางโปฉีกเช็คทิ้งแล้วก็หยิบเครื่องลายครามที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ กล่าวกับหลิ่วมีดเดียวว่า ” วันนี้เอาไว้เท่านี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาเรียน “
กลับไปถึงบ้าน หยางโปกำลังทำอาหาร โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วลังเลเล็กน้อย ครู่หนึ่งเขาถึงค่อยรับสาย
” ฉันได้ยินอี้ผิงบอกว่าตรุษจีนเธอจะอยู่ที่จิงเฉิงสินะ ? ” ชุยซื่อหยวนเอ่ยปากถามช้าๆ
“อื้ม อยู่ที่นี่อีกหลายวันปีใหม่แล้วค่อยกลับจินหลิง ” หยางโปตอบ
ชุยซื่อหยวนลังเลเล็กน้อย ” ถ้างั้น คืนก่อนปีใหม่ฉันขอเลี้ยงข้าวเธอได้ไหม ? “
หยางโปชะงักไป ” อย่าเลยครับ ผมไม่อยากรบกวน “
” ไม่เป็นไร ไม่รบกวนหรอก ไม่รบกวนหรอก ” ชุยซื่อหยวนกล่าว
หยางโปชะงักแล้วก็ยังคงกล่าวปฏิเสธ ” ขอบคุณเจตนาดีของคุณมาก แต่ช่างมันเถอะครับ “
ชุยซื่อหยวนถอนหายใจ แล้วก็ไม่ได้พูดมาก จำต้องกล่าวว่า ” อากาศเย็นแล้วเธอต้องระวังสุขภาพด้วยนะ “
” ครับ ผมจะระวัง ” หยางโปกล่าว
ชุยซื่อหยวนวางสายแล้วก็มองหลี่หมิ่นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ” เขาไม่ยอมไปด้วยกัน “
หลี่หมิ่นลอบดีใจแต่ปากกลับเอ่ยว่า ” เด็กคนนี้ไม่รู้จักดีชั่วจริงๆ พวกเราเชิญเขาไปด้วยกันนั่นก็เป็นวาสนาใหญ่หลวงแล้ว ! “
” นี่ไม่ใช่การเชิญ นี่คือสิทธิ์ที่เขาควรจะได้รับ ! ” ชุยซื่อหยวนหลังถูกปฏิเสธ เดิมก็อารมณ์ไม่ค่อยดี พอฟังคำของหลี่หมิ่นแล้วความโกรธก็พุ่งขึ้นสมองทันที
” คุณตวาดใส่ฉันทำไม ? ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไปกับคุณนี่ ! ” หลี่หมิ่นกล่าวท้วง ” สิทธิที่เขาควรที่จะได้รับอะไรกัน ชุยซื่อหยวน คุณจำเอาไว้นะ ถึงแม้เขาจะก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้เขาก็เป็นแค่ลูกนอกสมรสคนหนึ่ง ! “
” นั่นเป็นลูกชายของฉัน ฉันบอกว่าอะไรก็ต้องอย่างนั้น ! ” ชุยซื่อหยวนตวาด
” ดี ! ดี ! ดี ! ชุยซื่อหยวน คุณกล้าพูดแบบนี้สินะ ! ” หลี่หมิ่นจ้องเขม็ง ” คุณกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพ่อของคุณไหม ? คุณคิดว่าเขาจะยอมรับลูกนอกสมรสคนหนึ่งเข้าประตูใหญ่ของตระกูลชุยไหม ? “
” คุณพ่อยอมรับเขาแล้ว ” ชุยซื่อหยวนเบาเสียงลงเล็กน้อยแต่เสียงกลับจริงจังกังวาน
หลี่หมิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาของเธอจ้องชุยซื่อหยวนแทบถลน เดิมทีเธอคิดว่าเป็นปราการที่พึ่งพาได้มากที่สุด ตาแก่หัวโบราณคนนั้นถึงกับยอมรับเขาแล้ว !
หลี่หมิ่นมองชุยซื่อหยวนเนิ่นนาน ” คุณพ่อยอมรับเขาแล้ว ทำไมคุณพ่อถึงยอมรับ ? “
” เขายอมรับแล้ว ” ชุยซื่อหยวนพยักหน้า
ภายในห้องนั่งเล่นเงียบสงัด หลี่หมิ่นสีหน้าไม่น่ามอง ชุยซื่อหยวนกลับไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก
….
หยางโปวางสายแล้วถึงค่อยสังเกตเห็นว่าผักในหม้อเละแล้ว เขารีบปิดไฟแล้วก็ล้างหม้อ
เช้าตรู่วันต่อมา หยางโปยังนอนอยู่ ลัวย่าวหัวก็โทรศัพท์หาเขาแล้ว
” นายอยู่ที่ไหน ? ” ลัวย่าวหัวกล่าวอย่างตื่นเต้น
” นายอยู่ไหนล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถาม
” ฉันอยู่หน้าบ้านนาย นายรีบมาเปิดประตูให้ฉันหน่อย ! “
หยางโปหมดคำจะพูดขึ้นมาทันที เขามองดูเวลา นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า ท้องฟ้าข้างนอกเพิ่งจะสว่างไม่นาน เขาออกไปเปิดประตู เห็นลัวย่าวหัวยืนสับเท้าอยู่ด้านนอก
ลัวย่าวหัวเดินเข้ามาแล้วก็เอ่ยกับหยางโปว่า ” นายนี่มันขี้เกียจจริงๆ เลย สายขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นอีก ? “
หยางโปเดินไปทางห้องนอนแล้ว เขาหันกลับมามองลัวย่าวหัว ” นี่เพิ่งจะกี่โมง ? ปกตินายตื่นเช้ามากเลยเหรอ ? “
” ใช่แล้ว ฉันตื่นมาวิ่งตั้งแต่เช้าทุกวัน พ่อยืนคุมอยู่ด้านข้าง ยังต้องตะโกนหนึ่งสองสามสี่ ก่อนหน้านี้ตอนเด็กยังดีอยู่ ตอนนี้พอโตขนาดนี้แล้ว ฉันรู้สึกขายหน้ามาก ดังนั้นฉันก็เลยอยากมาค้างบ้านนายสักคืน “
ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปหัวเราะแล้วชี้ไปที่ห้องนอนฝั่งตรงหน้า ” ไปนอนเองก็แล้วกันนะ “
ลัวย่าวหัววิ่งไปเปิดประตู เห็นบนเตียงว่างเปล่าก็รีบเอ่ยถาม ” ผ้าห่มล่ะ ? “
” อ้อ ลืมซื้อน่ะ นายไปซื้อเองก็แล้วกันนะ อย่าลืมเอากุญแจไปด้วย ! ” หยางโปกล่าวจบก็ล้มตัวนอน
ได้ยินเสียงข้างนอกเงียบไปพักหนึ่งแล้ว ในที่สุดก็เงียบสงบแล้ว หยางโปก็นอนหลับไปอีกครั้ง อากาศเย็นเกินไป เขาขี้เกียจไปทั้งตัว
ตอนเที่ยงหยางโปตื่นขึ้นมาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เดิมทีคิดจะไปเรียนแกะสลัก แต่ได้รับสายเตือนสติจากเฉาหยวนเต๋อ เขาถึงค่อยคิดเรื่องการประชุมประจำปีของกรมโบราณคดีออก
หยางโปเคาะประตูห้องลัวย่าวหัว ปลุกเขาแล้วเอ่ยถามว่าเขาจะไปงานประชุมประจำปีไหม
คิดไม่ถึงว่าลัวย่าวหัวจะกระโจนขึ้นจากเตียงทันที ” โอกาสดีแบบนี้ ฉันจะไม่ไปได้ยังไง ? โอกาสออกหน้าออกงาน มอบมาให้ฉันจัดการได้ทั้งหมดเลย ! “
กล่าวจบแล้วตัวเขาเองก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
ทั้งสองคนกินข้าวแล้ว หยางโปก็ไปแกะสลักไม่ทันแล้วด้วยถูกลัวย่าวหัวลากไปตัดผม อ้างจากคำพูดของเขาแล้วเหล่าผู้เชี่ยวชาญจืดชืด เหลาะแหละได้ แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญหนุ่มแล้วจะต้องสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยถึงจะเป็นปกติ
ตอนที่ทั้งสองคนมาถึงงาน เฉาหยวนเต๋อกับหลิ่วเหลียงอวี้ก็ยืนรออยู่ด้านนอกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก พวกเขาจึงรีบเดินเข้าไปข้างใน
คนที่ได้รับเชิญให้มางานประชุมประจำปีไม่มากเลย กว่าครึ่งล้วนเป็นผู้นำในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมิน แล้วก็มีหัวหน้าโรงประมูล รวมถึงผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์จำนวนไม่น้อย
หยางโปมองไปรอบหนึ่งแล้วก็ไม่เห็นคนคุ้นเคยมากนัก ที่สำคัญคือคุณสมบัติของเขาตื้นเขินเกินไป