ตอนที่ 285 เว็บเถาฮว่า
เฉาหยวนเต๋อหลังจากพาทั้งสามคนเข้าไปแล้วก็มองนาฬิกาข้อมือ แล้วเอ่ยปากว่า ” ฉันต้องไปธุระก่อนนะ อีกเดี๋ยวจะมาหาพวกเธอพวกนายไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ “
หยางโปพยักหน้า ” ครับ คุณไปทำธุระเถอะ “
หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง เห็นบนหน้าจอของเวทีด้านหน้าแสดงหัวข้อการประชุมครั้งนี้
” การสัมนาแลกเปลี่ยนของนักสะสมแห่งประเทศจีนครั้งที่ 1 “
ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” ดูเหมือนว่าพวกเราก็นับเป็นนักสะสมแล้วนะ ? “
” นายไม่นับ ” หยางโปกล่าว
” ทำไมล่ะ ? “
“เพราะว่าตอนนี้นายมีสมบัติอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น จะนับเป็นนักสะสมได้ยังไง ? ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” นายรอดูให้ดีเถอะ รอโรงประมูลของฉันเปิดกิจการแล้วฉันจะเป็นคนใหญ่คนโตแล้ว ! “
” ใช่ นายจะเป็นจระเข้ยักษ์ ! ( คนใหญ่คนโตภาษาจีนคือ 大鳄 หมายถึงจระเข้ยักษ์ )
หลิวเหลียงอวี้ยืนหัวเราะฮ่าฮ่าอยู่ด้านข้าง
ในตอนนี้มีโต๊ะกลมจัดวางอยู่ยี่สิบกว่าตัว บนโต๊ะทุกตัวมีอาหารสุราจัดวางเอาไว้ ทั้งสามก็หาโต๊ะนั่งไปตัวหนึ่ง พวกเขามาเร็วอยู่สักหน่อย คนที่โต๊ะยังมีไม่มาก
ไม่นานคนก็ค่อยๆ ทยอยกันมา พวกของหยางโปสามคนกับเพื่อนร่วมโต๊ะก็ผลัดกันแนะนำตัว การสนทนาก็ยิ่งครึกครื้นขึ้นมา
ในที่นี่มีทั้งผู้ดูแลระดับสูงของโรงประมูล มีผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินโบราณวัตถุ แล้วก็มีผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตอีกเล็กน้อย เพียงแต่ตอนนี้จำนวนของเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ยังน้อยมาก ยากที่จะทำให้เชื่อมั่นว่าเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์จะพัฒนาได้เร็วนัก
ลัวย่าวหัวหลังจากฟังการแนะนำตัวแล้วก็ดึงผู้ดูแลระดับสูงของโรงประมูลมาขอคำปรึกษา ผู้ดูแลระดับสูงคนนั้นได้ยินว่าลัวย่าวหัวจะเปิดโรงประมูลก็กระตือรือร้นมาก ยังไงโรงประมูลก็อยู่กันคนละเมือง แข่งขันกันน้อย อีกอย่างเป็นมิตรกับเถ้าแก่ก็ยังเหลือทางถอยไว้ให้กับตัวเองได้
หยางโปก็พูดคุยกับผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ จิ่งซ่าวหัว
จิ่งซ่าวหัวเป็นคนที่ช่างพูดมากคนหนึ่ง เขาอธิบายการก่อตั้งเว็บเถาฮว่าของตนเองไปรอบหนึ่ง ” ผมเริ่มก่อตั้งเว็บเถาฮว่าเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ผ่านไปเกือบหนึ่งปี การซื้อบนของเว็บเถาฮว่าของพวกเราถึงแปดแสนหยวนแล้ว นี่เป็นเพราะว่าสินค้าทั้งหมดของเว็บเถาฮว่านั้นเป็นผลงานศิลปะสมัยใหม่ มีผลงานของนักเรียนโรงเรียนศิลปะเยอะมาก ดังนั้นราคาเลยไม่แพง ส่วนมากแล้วภาพหนึ่งก็ราคาสองสามร้อยไปถึงมากกว่าพันหยวน “
” นี่ก็คือคุณจะบอกว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เกือบหนึ่งปีนี้ พวกคุณขายได้หลายร้อยภาพแล้ว ? ” หยางโปเอ่ยถาม
จิ่งซ่าวหัวพยักหน้า ” นี่เป็นจุดเริ่มต้น ยังไงก็บุกเบิกตลาดก็ยากที่สุด ตามด้วยการโปรโมทและการทำงานของบริษัท จำนวนการซื้อขายต่อไปจะขึ้นไปที่สเต็ปใหม่ เป้าหมายปีนี้ของพวกเราคือสามสิบล้านหยวน ! “
มองท่าทีชูสามนิ้วของจิ่งซ่าวหัวแล้ว หยางโปก็หัวเราะเบาๆ จิ่งซ่าวหัวเป็นมหาบัณฑิตจบจากวิทยาลัยศิลปะของเมืองหลวง จบมาทำงานอยู่สองปีแล้วก็เลือกตั้งบริษัท ว่ากันตามตรงแล้วสำหรับบริษัทของเขา หยางโปคิดว่ามีอนาคตมาก ถึงแม้ตอนนี้จะบอกว่าทำการค้าผลงานศิลปะสมัยใหม่ แต่ก็มีอนาคตสดใสดี
ส่วนเป้าหมายการซื้อขายที่สามสิบล้านหยวน หยางโปก็ไม่ใคร่เชื่อถือเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ” เงินทุนเริ่มต้นของพวกคุณเท่าไหร่น่ะ ? “
จิ่งซ่าวหัวชะงักไปเล็กน้อย เดิมทีเขาเห็นว่าหยางโปยังเด็ก คิดว่าเขาเป็นนักศึกษาที่ติดตามผู้อาวุโสก่อนหน้านี้มาหาประสบการณ์ ดังนั้นจึงอดโอ้อวดสักหน่อยไม่ได้ พอได้ยินเขาถามถึงเงินทุนเริ่มต้น เขาก็อดตะลึงไปไม่ได้ ” หนึ่งล้านหยวน ! “
” ไม่นับว่ามาก เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ก็เพียงพออยู่ แต่การโปรโมทต่อจากนี้ไปเกรงว่าจะมีเงินไม่มากแล้วใช่ไหม ? ” หยางโปเอ่ยถาม
จิ่งซ่าวหัวสลัดความกระอักกระอ่วนทิ้งไปแล้วกล่าวอธิบาย ” ยังมีอยู่อีกหน่อย ยังไงทุกการซื้อขายก็จะได้เงิน การซื้อขายผลงานทางศิลปะไม่เหมือนกับอย่างอื่น โดยหลักแล้วพวกเราก็จะเอาผลงานของลูกค้าขึ้นไปวางขายบนเว็บไซต์ ผ่านการร่วมมือกับนักเรียนโรงเรียนศิลปะ ช่วยให้พวกเขาขายภาพได้ จากนั้นก็จะหักเปอร์เซ็นต์ “
” สร้างการป้องกันเว็บไซต์ ค่าจ้างคนงาน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็ยังมีค่าพวกนี้อยู่ ผมถามหน่อยได้ไหมว่าพวกคุณหักเปอร์เซ็นต์รายการละเท่าไหร่ ? ” หยางโปเอ่ยถาม
” สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ “
” นั่นก็เป็นหักไปหนึ่งส่วน จำนวนที่หักนี้นับว่าสูงมาก ” หยางโปกล่าว ” ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนการซื้อขาย ต่อไปค่าธรรมเนียมที่จะหักก็จำเป็นต้องลดต่ำลง “
จิ่งซ่าวหัวมองเห็นหยางโปแลกเปลี่ยนอย่างกระตือรือร้นก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่ว่าเขายังยินดีที่จะสนทนากับหยางโป ” ใช่แล้ว ต่อไปจะต้องมีการเปิดเว็บไซต์ซื้อขายผลงานศิลปะออนไลน์เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมที่หักนี้จะต้องลดลงอย่างแน่นอน แต่ว่าฉันคิดว่าขอแค่เว็บเถาฮว่าของพวกเราเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว ค่าธรรมเนียมพื้นฐานนี้จะต้องทำการลดลงอย่างช้าๆ ได้แน่ !
” ตอนนี้พวกคุณประสานงานกับแกลลอรี่หรือว่าโรงเรียนศิลปะเอาไว้ไหม ? ” หยางโปเอ่ยถาม
จิ่งซ่าวหัวมองหยางโป ในที่สุดก็อดเอ่ยถามไม่ได้ ” น้องชาย เธอคงจะไม่คิดทำธุรกิจ ก่อตั้งเว็บไซต์ซื้อขายภาพวาดจีนใช่ไหม ? “
หยางโปมองจิ่งซ่าวหัว เห็นสีหน้าของเขาปกปิดความระแวงเอาไว้ไม่อยู่ก็หัวเราะขึ้นมา ” ผมมองว่าอนาคตของเว็บขายภาพวาดนั้นดีมาก ปีหนึ่งผ่านไป หนึ่งล้านหยวนของพวกคุณก็แทบใช้ไปหมดแล้วแน่ล่ะสิ วันนี้คุณมานี่อย่าบอกนะว่าไม่คิดจะหาเงินลงทุนน่ะ ? “
จิ่งซ่าวหัวมองหยางโปอย่างประหลาดใจมาก ” อย่าบอกนะว่าเธอจะลงทุนในเว็บไซต์ขายภาพ ? “
หยางโปหัวเราะ ” ไม่ได้เหรอ ? “
จิ่งซ่าวหัวชะงักไป สีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย เมื่อกี้เขาคิดถึงสถานการณ์มากมายแต่ไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย แต่ว่าถ้าหาเงินลงทุนมาได้ เขาก็ยังแสดงความกระตือรือร้นและแฝงด้วยความสงสัยอย่างชัดเจนออกมา ” เธอลงทุนได้เท่าไหร่ ? “
” พวกคุณอยากได้เงินลงทุนเท่าไหร่ล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถาม
คำพูดวางโตของหยางโปทำให้จิ่งซ่าวหัวยิ้มไม่ออก แต่สีหน้ากลับครุ่นคิดจริงจัง ” สองล้านหยวน ! “
” พวกคุณน่าจะประเมินเว็บขายภาพของตนเองเอาไว้แล้วใช่ไหม พวกคุณประเมินเอาไว้เท่าไหร่ล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
” สองล้านหยวน ! ” จิ่งซ่าวหัวกล่าว เขากล่าวแล้วก็มองไปทางหยางโปอย่างกังวล ” พ่อแม่ของเธอให้เงินเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ ? ยังไงนี่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ นะ “
หยางโปอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ” เรื่องเงินน่ะคุณไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องคุยเรื่องปัญหาของเว็บเถาฮว่า ขอเพียงพวกคุณมีทีมงานที่โดดเด่นสักทีม ขยายความเป็นไปได้และความคาดหวังที่จะเติบโตต่อจากนี้ไปให้ผมเห็นได้ เงินทุนก็เป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย “
ได้ยินคำพูดนี้ จิ่งซ่าวหัวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ” ถ้างั้นก็ดี เธอยังมีอะไรอยากจะถามเหรอ ? “
” ตอนนี้พวกคุณประสานงานกับแกลลอรี่แล้วก็โรงเรียนศิลปะกี่แห่งเหรอ ? ” หยางโปเอ่ยถาม
” แกลลอรี่แปดแห่ง โรงเรียนศิลปะสองแห่ง ” จิ่งซ่าวหัวตอบ
หยางโปพยักหน้าแล้วขมวดคิ้ว ” จำนวนนี้น้อยไปสักหน่อย แต่ในช่วงแรกก็เพียงพออยู่ ต่อไปยังจำเป็นต้องร่วมมือให้มากกว่านี้ จำเป็นต้องเซ็นสัญญาข้อตกลงผูกขาดการขายภาพวาด การประมูลภาพออนไลน์ไว้กับแกลลอรี่ให้มากขึ้น “
” นี่เป็นเป้าหมายต่อไปของพวกเรา พวกเราติดต่อกับแกลลอรี่ใหม่ๆ ไว้สักประมาณสิบแห่งแล้ว ยังมีแกลลอรี่ที่ตั้งใจจะติดต่ออีกหลายสิบแห่ง ต่อไปงานของพวกเราจะต้องเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างแน่นอน ! “
จิ่งซ่าวหัวกล่าว
หยางโปหัวเราะ เขาไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่านักธุรกิจจะพูดจาใหญ่โตเอาไว้ก่อน ถ้าหากเมื่อครู่เขาไม่ได้เอ่ยถึงปัญหาข้อนี้ อีกฝ่ายอาจจะคิดไม่ถึงจุดนี้ก็ได้