ตอนที่ 286 ร่ำเรียน
เงินสองล้านหยวนถือหุ้นได้ครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่านี่เป็นแค่คำพูดของอีกฝ่าย ในตอนที่ต่อรองกันจริงๆ แล้ว หุ้นหกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นจะยังสามารถต่อรองกันได้ หยางโปมองอีกฝ่าย ” คุณจิ่ง หลังจากปีใหม่แล้วคุณมีเวลาให้ผมไปเยี่ยมชมบริษัทของพวกคุณสักครู่ได้ไหม ? “
จิ่งซ่าวหัวประหลาดใจ หัวเราะกับหยางโปว่า ” ยินดีต้อนรับครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมาเร็วกว่านี้ได้นะครับ ! “
จิ่งซ่าวหัวกล่าวจบแล้วจู่ๆ ก็คิดขึ้นมา ” จริงสิ ไม่ทราบว่าคุณมีนามว่าอะไรครับ ? “
” หยางโป “
ต่างฝ่ายก็แลกเปลี่ยนรายละเอียดการติดต่อกันแล้วก็นัดหมายที่จะพบกันในช่วงหลังปีใหม่ เวลานี้ในที่สุดพิธีกรก็เดินขึ้นไปบนเวที ประกาศเริ่มต้นการประชุมประจำปีนี้
ผู้น้ำขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์กันเป็นแถว ทำให้คนฟังจนเบื่อ ยังดีที่เหล่าผู้นำกว่าครึ่งต่างก็รู้ตัวเองดี พูดจาอย่างเรียบง่ายให้เร็วที่สุด หลังจากกล่าวไปสามสี่คนแล้ว ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงเวลาตามอัธยาศัย
เวลานี้ทุกคนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นเดินไปรอบทิศ นี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะสานสัมพันธ์
ลัวย่าวหัวมองเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็รีบลากหยางโปกับหลิวเหลียงอวี้ไปเยี่ยมเยียนโต๊ะใกล้ๆ
ผ่านชั่วเวลาในการชนแก้วทำความรู้จักกันและกันไปตลอดทั้งคืน พอตื่นขึ้นมา หยางโปก็พบว่านอกจากนามบัตรใบหนึ่งแล้ว ตนเองถึงกับรู้จักแต่จิ่งซ่าวหัวอีกหนึ่งคนเท่านั้น
หยางโปออกไปซื้ออาหารเช้า เห็นลัวย่าวหัวยังนอนหลับสนิทอยู่เขาก็ไม่ได้ปลุกอีกฝ่าย แต่ไปตลาดสดซื้อหัวไชเท้ามาสองสามแท่ง แล้วก็ตรงมาที่ร้านของหลิ่วมีดเดียว
ตอนที่หยางโปมาถึง หลิ่วมีดเดียวกำลังแกะสลัก ชิงชิง หญิงสาวคนสวยนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ยตัวเล็กอยู่ด้านข้าง
หลิ่วมีดเดียวเงยหน้าขึ้นมองหยางโป ” ถ้าหากเธอจะมาๆ หายๆ แบบนี้ไปตลอดล่ะก็ ฉันว่าต่อไปเธอก็ไม่ต้องเรียนแกะสลักอะไรแล้ว “
” อาจารย์หลิ่ว ขอโทษจริงๆ ครับ เมื่อวานมีธุระต้องไป แต่ผมอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว วันนี้ก็อยากจะฝึกฝนให้มาก ” หยางโปกล่าว
ชิงชิงเงยหน้าขึ้นมามองเหยียดหยางโปแวบหนึ่ง แล้วก็มองหัวไชเท้าในมือเขาอย่างดูถูกมาก
ราวกับคิดว่าหยางโปเพิ่งจะเริ่มเรียนก็ขี้เกียจขนาดนี้แล้ว
หลิ่วมีดเดียวขมวดคิ้วไม่ได้พูดอะไรแล้วก็พยักหน้า ” งั้นก็ดี เธอฝึกไปก่อน ฝึกแกะสลักสิบสองนักษัตรนั่นก่อนก็แล้วกันนะ ! “
หยางโปหยิบหัวไชเท้าขึ้นมาทำความสะอาด หั่นเป็นท่อนๆ ได้ประมาณ ท่อนหนึ่งยาวสักห้าหกเซนติเมตร รวมแล้วหั่นได้สิบสองชิ้นแล้วถึงค่อยคิดอะไรขึ้นได้ เงยหน้ามองหลิ่วมีดเดียว ” อาจารย์หลิ่ว คุณมีแบบของสิบสองนักษัตรไหมครับ ผมไม่มีภาพจำของสิบสองนักษัตรสักเท่าไหร่ “
หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้า ” เธอคิดเองให้มากหน่อย “
หยางโปเงยหน้ามองแวบหนึ่งแล้วก็หันหน้าไปมองชิงชิง เห็นชิงชิงเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ทำให้หยางโปมองเห็นใบหน้าด้านข้างขาวละเอียดได้อย่างชัดเจน
หยางโปไม่ได้พูดอะไรหันหลังแล้วก็เดินออกไป ตอนที่กลับมาในมือเขาก็มีรูปสลักหยกสิบสองนักษัตรมาด้วย เขาเอารูปสลักวางไว้ตรงหน้าแล้วถึงค่อยเลียนแบบอย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้หยางโปไม่เคยเกี่ยวข้องกับการแกะสลักมาก่อนเลย อ่านหนังสือขั้นพื้นฐานอยู่ตลอดทั้งคืนก็ไม่ได้ประโยชน์มากเท่าไหร่จริงๆ เรื่องในทางทฤษฎีหากจะเอามาปรับใช้จริงแล้วก็ยังห่างชั้นกันอยู่ เหมือนกับตอนนี้ที่เขารู้ว่าควรจะแกะสลักยังไง แต่พอจะลงมีดไปแล้วกลับไม่รู้ว่าจะลงมีดจากตรงไหน
โชคดีที่หยางโปแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เริ่มลงมีดจากศีรษะของหนูก่อน แล้วค่อยแกะสลักรูปร่างลำตัวทั้งหมดของหนูออกมา
การแกะสลักคือการนำภายนอกเข้าสู่ภายในอย่างหนึ่ง ทำการตัดส่วนเกินออกทีละน้อย คว้านเป็นรูปทรงออกมาทีละเล็กละน้อย การตัดออกแบบนี้ ในใจของผู้แกะสลักจะต้องมีภาพของสิ่งนั้นไว้อย่างชัดเจน ถึงจะออกมาตามแบบได้
แต่หยางโปยังห่างจากขั้นนั้นอีกไกลมาก ตอนที่เขาลงมีด ถึงแม้ในใจจะมีภาพ แต่พอจรดมีดไปแล้วกลับยากเย็นมาก เพราะว่ามือของเขายังฝึกฝนไม่พอ ยังไม่สามารถควบคุมเครื่องมือได้ดั่งใจ
หยางโปจดจ่ออยู่กับการแกะสลัก จนกระทั่งหนูตัวที่หนึ่งเสร็จสมบูรณ์เขาถึงค่อยถือหนูแล้วมองไปเล็กน้อย และพึงพอใจกับผลงานชิ้นนี้มาก
แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงคนข้างๆ กล่าวว่า ” น่าเกลียด น่าเกลียดมากจริงๆ ! หนูตัวนี้เหมือนกับลูกหมูเลย ! “
หยางโปหันกลับไปจ้องเขม็ง เห็นชิงชิงยืนอยู่ด้านข้าง
หยางโปหันกลับไปมองหลิ่วมีดเดียว หลิ่วมีดเดียวก็พักการแกะสลักแล้วยืนมองอยู่ด้านข้าง ” เพิ่งใช้มีดครั้งแรกเหรอ ? “
” อื้ม ” หยางโปพยักหน้า
” ไม่เลว พยายามต่อไป ! ” หลิ่วมีดเดียวกล่าว
หยางโปจึงตื่นเต้นขึ้นมา หนูที่เขาลงมีดแกะสลักจากหัวไชเท้าตัวนี้อ้วนพลีไปสักหน่อยจริงๆ นั่นเพราะว่าเขากะเส้นโครงไม่ถูก ไม่มั่นใจว่าตัวเองสำแดงท่าทางขโมยข้าวของของเจ้าหนูออกมาได้หรือไม่ ดังนั้นจึงเผื่อเอาไว้สักหน่อย
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หยางโปเหลือบมองแวบหนึ่ง เป็นสายของลัวย่าวหัว เขาบอกที่อยู่ของตนให้กับลัวย่าวหัว ลัวย่าวหัวก็กล่าวว่า ” ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ” มาคำหนึ่งแล้ววางสายไป
แกะสลักหัวไชเท้าชิ้นที่สอง หยางโปก็คิดจะแกะสลักวัวตัวหนึ่ง วัวแกะสลักหยกขาวตัวนี้ทรงพลังมากจริงๆ
ตอนที่กำลังจะลงมือ เขากลับสังเกตเงาคนด้านข้าง เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นหลิ่วมีดเดียวยืนอยู่ข้างกายของเขา สายตาของเขากลับจ้องสิบสองนักษัตรเขม็ง
” เธอซื้อมาจากที่ไหน ? ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยถาม
” ซื้อมาจากด้านนอกตลาดครับ ” หยางโปมองอย่างสงสัย เขาสัมผัสได้ถึงท่าทีแปลกไปของหลิ่วมีดเดียว
หลิ่วมีดเดียวหยิบหยกขาวสลักชิ้นหนึ่งขึ้นมาลูบเบาๆ ” ทำไมเธอถึงซื้อสิบสองนักษัตรชิ้นนี้มา รู้สึกว่าการแกะสลักคล้ายกับฝีมือของฉันมากใช่ไหม ? “
หยางโปลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังพยักหน้ากล่าวรับ ” คล้ายอยู่บ้างครับ “
” เรียนการแกะสลักเบื้องต้นเธอก็เปลืองเงินถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหากเรียนไปสักช่วงหนึ่งไม่รู้ว่าบ้านเธอจะหมดตัวหรือเปล่า ! ” หลิ่วมีดเดียวกล่าวพลางมองหยางโป
หยางโปอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ” นี่ก็ไม่แน่หรอกนะครับ คุณไม่รู้ว่าผมจ่ายเงินมาเท่าไหร่ สิบสองนักษัตรสลักจากหยกขาวชุดนี้ ผมจ่ายไปแค่ห้าร้อยหยวน ! “
หลิ่วมีดเดียวประหลาดใจเล็กน้อย ” จ่ายไปแค่ห้าร้อยหยวน ? เธอจับของมาเหรอ ? “
หยางโปพยักหน้า ” เมื่อกี้ผมไปแผงลอยหนึ่ง เห็นบนแผงจัดวางรูปสลักหยกขาวไว้หลายแบบ ในนั้นมีสิบสองนักษัตรสลักจากหยกขาวห้าหกชุดวางเอาไว้ด้วยกัน ผมก็เลือกโดยไม่ได้สนใจเรื่องวัตถุดิบ แต่เป็นชุดที่ฝีมือการแกะสลักดีที่สุดในนั้นมา เลยจ่ายไปแค่ห้าร้อยหยวน ! “
เวลานี้ชิงชิงก็เดินเข้ามา เธอเบิกตาดั่งเมล็ดซิ่ง จ้องมองหยกขาวสลักตรงหน้าหยางโป ” นี่คือหยกชิงไห่ ดูแล้วเหมือนผลงานของอาจารย์มากจริงๆ ! “
” รูปสลักสิบสองนักษัตรชุดนี้เป็นงานแกะสลักตอนฉันหนุ่มๆ ! ” หลิ่วมีดเดียวกล่าว
หยางโปมองอย่างตกตะลึง ” จริงเหรอครับ ? “
หลิ่วมีดเดียวพยักหน้า ” ฉันจดบันทึกงานแกะสลักของฉันเอาไว้ทุกชิ้น ชุดนี้น่าจะเป็นตอนนั้นที่ฉันเพิ่งแกะสลัก ดูเหมือนฝีมือยังไม่ดีเท่าไหร่ มันดูไม่ได้จริงๆ ! “
” ถ้างั้นก็เป็นของที่มีความหมายมาก ถ้าอย่างนั้น ผมให้… “
ไม่รอให้หยางโปพูดจบ หลิ่วมีดเดียวก็เอ่ยค้านขึ้นมา ” ไม่ต้อง เธอเก็บเอาไว้เถอะ ให้เธอใช้เป็นแบบได้พอดี “