ตอนที่ 302 ไม่รู้ก็ถอย
” อาจจะเป็นประตูเกิดประตูตายก็ได้ ? ” ตาอ้วนหลิวพูดขึ้น
ที่นี่ไม่มีนักฮวงจุ้ย และก็ไม่มีนักขุดสุสานด้วย เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ หยางโปถึงกับตะลึงงันไปในทันที เพราะเมื่อเขามองออกไปยังทางแยก เบื้องหน้าที่ไม่เห็นแม้แต่จุดเริ่มต้น อีกทั้งยังคดเคี้ยวไปมา ถ้าดันตกหลุมพลางเข้าไป ไม่รู้เลยว่าจะมีอันตรายอะไรรออยู่ข้างหน้า ถ้าเจอกับเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ คงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ !
” เดินมาทางนี้ ” เฉาหยวนเต๋อเอ๋ยปากขึ้น
หยางโปมองไปตามทางปากถ้ำที่เฉาหยวนเต๋อชี้ไป แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่มันพิเศษเลย ” ทำไมเหรอครับ ? “
” เพราะตรงนั้นมีตัวอักษร ! ” เฉาหยวนเต๋อชี้ไปทางกำแพงอิฐ
หยางโปเพิ่งจะสังเกตเห็นสิ่งนี้ บนกำแพงด้านข้างมีตัวอักษร 4 ตัวอยู่ตรงนั้นจริงๆ เป็นตัวอักษรฮั่นเขียนเอาไว้ว่า ” โจรหลุมฝังศพ ! “
หยางโปตื่นตกใจขึ้นมาทันที เขาหันไปมองทางเฉาหยวนเต๋อ แล้วพูดขึ้นว่า ” นี่น่าจะเป็นศิลาจารึกที่พบเห็นบ่อยๆในหลุมฝังศพนะครับ ! ” เฉาหยวนเต๋อพยักหน้าแล้วพูดว่า ” ใช่ มันถูกพบเห็นบ่อยในหลุมฝังศพ การเจอตัวอักษรจีนแบบนี้ที่นี่ นั่นหมายความว่าที่นี่ก็เป็นหลุมฝังศพ ถ้าเราเดินจากตรงนี้ต่อไป ต้องหาเจออย่างแน่นอน “
เมื่อพูดจบ เฉาหยวนเต๋อจึงเดินเข้าไปข้างในเป็นคนแรกทันที
หยางโปรั้งเขาเอาไว้ไม่ทัน ทำได้เพียงเดินตามไปเท่านั้น !
เฉาหยวนเต๋อเดินไปสองสามก้าวได้ไม่นาน หยางโปก็รีบมารั้งเขาเอาไว้ทันที ” ช้าหน่อยครับ ระวังด้วยนะครับ ในนี้อาจจะมีกับดักอยู่ก็ได้นะครับ “
” ไม่เป็นไร นายวางใจเถอะน่า สุสานแห่งนี้เป็นของแมนจูเรียอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะมีอายุหลายร้อยปีมาแล้ว ถึงจะมีดาบธนู ขวาน ก็น่าจะเสื่อมสภาพไปหมดแล้วละ ” เฉาหยวนเต๋อพูดขึ้นโดยไม่สนใจอะไร
หยางโปและลัวย่าวหัวมองตากัน ทั้งสองคนก็เคยคิดแบบนี้มาก่อน แค่ในความเป็นจริงแล้ว กลับไม่เป็นแบบนี้ ดาบเหล่านี้ยังคงมีความคม ถึงจะมีบางตัวที่คมไม่มากพอ แต่ก็เพียงพอที่จะฆ่าคนให้ตายคาที่ได้
หยางโปรั้งเฉาหยวนเต๋อเอาไว้ เพื่อให้เดินอย่างระมัดระวังไปข้างหน้า เฉาหยวนเต๋อก็ไม่ได้พูดมากความอะไร
หยางโปใช้ความสามารถพิเศษของดวงตา มองตรวจสอบสิ่งแวดล้อมทั้งสี่ด้าน พื้นดินที่พวกเขาเดินผ่านได้ถูกซ่อมแซม ราบเรียบมากอย่างเห็นได้ชัด เฉาหยวนเต๋อจึงไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายเลยสักนิดเดียว หากหยางโปไม่สังเกตเห็น เขาก็คงจะเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้ว
หยางโปสังเกตเห็นเชิงเทียนโลหะสัมฤทธิ์ด้านข้างคู่หนึ่ง ในระหว่างที่จะมองดูอย่างละเอียดนั้น เขาก็ได้หมุนตัวไป แต่กลับเห็นว่า เฉาหยวนเต๋อนั้นได้เดินห่างออกไป 2 เมตรแล้ว เมื่อเขามองออกไปแวบหนึ่ง ก็เห็นกับดักที่วางอยู่ข้างหน้า จึงได้รีบร้องห้ามปรามในทันที ” หยุดนะ ! “
เฉาหยวนเต๋อหันกลับมามอง โดยที่เท้ากลับไม่ได้หยุดก้าว เมื่อเขาเหยียบไปบนกับดักนั้น ด้วยความไม่ทันตั้งตัว ร่างทั้งร่างจึงได้โอนเอนร่วงหล่นลงไปในทันที หยางโปสาวเท้าพรวดพราดไปข้างหน้าทันที จากนั้นก็คว้าเอาขาที่ยื่นออกมาข้างนอกของเฉาหยวนเต๋อเอาไว้อย่างทันท่วงที ร่างครึ่งหนึ่งของเฉาหยวนเต๋อได้ตกลงไปในหลุมนั้น ส่วนขาทั้งสองข้างแยกออก พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนที่อยู่ด้านหลังต่างพากันตื่นตกใจ ลัวย่าวหัวและตำรวจติดอาวุธวิ่งตามมาด้านหลัง จากนั้นก็ดึงเฉาหยวนเต๋อเอาไว้ ก่อนจะดึงเขาขึ้นมาจากกับดักนั้น
ใบหน้าของเฉาหยวนเต๋อซีดเผือด เขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจำนวนมาก เขากอดขาที่บาดเจ็บพร้อมกัดฟันกรอด แล้วใช้มือทุบไปบนต้นขา เมื่อผ่านไปสักพักเขาถึงค่อยๆใจเย็นลง
เฉาหยวนเต๋อเงยหน้าขึ้นไปมองหยางโป ” ขอบใจมาก “
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เป็นไรครับ “
ลัวย่าวหัวและคนอื่นๆที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าในตอนนี้ ต่างก็ใช้อุปกรณ์ที่อยู่ในมือช่วยกันเปิดตำแหน่งของกับดักที่อยู่ออก ไม่นานก็เห็นกับดักขนาดกลางที่อยู่ตรงหน้าเชื่อมต่อกันอยู่ตรงกลาง นี่เป็นกับดักหลุมที่เชื่อมต่อกันด้วยไม้กระดาน ! เมื่อใช้ไฟส่องสำรวจส่องลงไป ก็เห็นแสงสีเงินแวววาวสะท้อนกลับมา นั้นก็คือเศษกระจก นอกจากนี้ก็ยังมีดาบอีกด้วย ! เฉาหยวนเต๋อถึงกับสูดอากาศเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง ” นี่มัน……. “
คนที่ไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อนย่อมตื่นตกใจไม่น้อย เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็ได้สติกลับมา
ตาอ้วนหลิวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็มองไปยังเชิงเทียนที่ติดตั้งอยู่ด้านข้าง ” ในนี่มีทั้งเชิงเทียน แล้วก็เทียนไข น่าจะไม่เคยจุดไฟมานานแล้ว ! “
ในขณะที่พูด เขาก็ได้หยิบเอาไฟเช็คออกมา จากนั้นก็จุดลงไปบนเทียนไขเหล่านั้น
เทียนไขที่ไม่ได้จุดไฟมากว่าร้อยปี ดังนั้นพื้นที่ด้านนอกของไส้เทียนจึงเต็มไปด้วยชั้นของฝุ่นหนาเตอะ เฉาหยวนเต๋อต้องใช้เวลาจุดไปสักครู่หนึ่ง ถึงจะจุดไฟเทียนไขเหล่านี้ได้
เมื่อเทียนไขถูกขุดไฟขึ้น ควันสีเงินก็ค่อยๆลอยวนเป็นเกลียวขึ้น กลิ่นหอมจางๆก็กระจัดกระจายคละคลุ้งอยู่ในอากาศทันที เมื่อหยางโปได้กลิ่น ในใจก็พลันผ่อนคลายลง ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงอาการวิงเวียนเล็กน้อย หยางโปก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบเดินไปข้างหน้า เป่าเทียนไขให้มอดไหม้ลงอย่างรวดเร็ว !
” ระวัง มันมีพิษ ! ” หยางโปพูดขึ้นด้วยความตื่นตกใจ
ในขณะที่พูด เขาก็ไม่ลืมที่จะดึงแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูก แต่มันกลับใช้ไม่ได้ผลอะไรมากนัก เขาสัมผัสได้ถึงอาการวิงเวียนที่ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขารีบวิ่งไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ทุกคนเองก็วิ่งตามหลังเขาไปติดๆเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่ตาอ้วนหลิวที่ยังคงอยู่ด้านหลัง เมื่อวิ่งไปได้แค่ 2-3 ก้าว ก็ล้มพลับลงไปบนพื้นทันที
โชคดีที่ตำรวจติดอาวุธที่อยู่ด้านหลังได้ลากเขาออกมาด้วย เมื่อวิ่งห่างออกไป 20-30 เมตรแล้ว หยางโปจึงหยุดวิ่งลง เขาหมุนตัวกลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรง และด้วยอาการมึนงง เมื่อสติค่อยๆเลือนรางลง ! หยางโปก็รีบดึงสติกลับมา เขารู้ว่าตัวเองนั้นได้เป่าลมบนเทียนไขคู่สุดท้ายไป จึงได้ถูกพิษไปเป็นจำนวนมาก ในเวลานี้จึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้
เขาลูบไปบนกระจกแสงจันทร์ในอ้อมแขนของตัวเอง เขาไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะกระจกแสงจันทร์ส่งแสงแวววาวอ่อนๆออกมาในอ้อมแขนนี้รึเปล่า เขาจึงสัมผัสได้ถึงอาการตื่นตัวที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังคงมึนงงวิงเวียนอยู่เล็กน้อย จนอยากที่จะอาเจียนมันออกมา ” แหวะ ! “
ในขณะที่หยางโปกำลังคิด เมื่อหมุนตัวกลับไปกลับเป็นลัวย่าวหัวที่อยู่ตรงกำแพงอาเจียนออกมาแทน
ส่วนตาอ้วนหลิวถูกวางทิ้งเอาไว้ด้านข้าง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท หยางโปตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็รีบคลานไปหาตาอ้วนหลิวทันที เมื่อสักครู่ตาอ้วนหลิวเป็นคนที่จุดไฟเทียนไขเหล่านั้น เขากลัวว่าจะได้รับพิษเข้าไปเป็นจำนวนมาก เขาจึงได้รีบนำกระจกแสงจันทร์ในอ้อมแขนออกมา แล้ววางลงไปในมือของตาอ้วนหลิวทันที
ผ่านไปสักพัก ตาอ้วนหลิวก็ค่อยๆสะลืมสะลือขึ้นมา ก่อนจะปลายตามองไปทางหยางโป ปฏิกิริยาแรกคือ
” แหวะ ! ” เสียงเอาเจียนเสียงหนึ่งดังออกมา
หยางโปถอยออกไปด้านหลัง 2 ก้าว ขยี้จมูกเล็กน้อย จากนั้นก็แสดงความแปลกใจออกมา
ผ่านไปสักครู่ เมื่อทุกคนได้พักผ่อนแล้ว ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี
ตาอ้วนหลิวเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า ” เรากลับขึ้นไปกันเถอะ ! “
ตาอ้วนหลิวมีใบหน้าซีดเซียว กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของการอาเจียนลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งอากาศ เขาถูกตำรวจติดอาวุธลากออกมา ดูเหมือนจะอ่อนแอลงมากทีเดียว
ลัวซือเต๋อเองก็พยักหน้า ” เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ ถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ มันได้ไม่คุ้มเสีย สถานที่แห่งนี้ ให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาทำเถอะ ! “
” ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ? ” หยางโปมองกลับไปด้วยความอยากรู้
” ถึงแม้จะพูดว่างานของพวกเราจะมีไว้เพื่อจับหัวขโมยก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถคบค้าสมาคมกับหัวขโมยได้มากกว่าพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงรู้จักกับคนมากหน้าหลายตา ” ลัวซือเต๋อพูดขึ้น ถึงเขาจะพูดคลุมเครือแต่ความหมายก็ชัดเจนมากทีเดียว
” ฉันรู้จักอวี่เหวิน เขาน่าจะทำได้ ! ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยปากขึ้นมาอย่างฉับพลัน
” อวี่เหวิน ? ” ลัวซือเต๋อเอ่ยปากถามขึ้น
ลัวย่าวหัวอธิบายว่า ” เขาเป็นนักฮวงจุ้ย ได้ยินมาว่าเขาเก่งมากอีกด้วย “
” แกไม่ต้องพูด ! ” ลัวซือเต๋อพูดขึ้น เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปทางหยางโป ” เขาเก่งมากไหม ? “
” ได้ยินมาว่าเขาเก่งมากทีเดียว จะเรียกมาลองดูก็ได้นะครับ อีกอย่าง พวกเราก็เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าวันนี้ เขาน่าจะอยู่ห่างจากพวกเราไม่ไกลนัก ! ” หยางโปพูดขึ้น
ลัวซือเต๋อพยักหน้า ” งั้นก็ดี เราขึ้นไปข้างบนกันก่อนเถอะ ติดต่ออวี่เหมินให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที “
ทุกคนก็ต่างพากันขึ้นลิฟต์ไป เมื่อกลับไปบนพื้นดิน พวกเขาก็เฝ้ารอต่อไป