ตอนที่ 305 สาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
ซิงเหย๋จ้องมองไปทางเปลวไฟที่ค่อยๆแผดเผาอยู่นอกถ้ำ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ” ด้านนอกนั้นเป็นพวกขยะไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่งจริงๆ แค่ประตูใหญ่ก็มองไม่เห็น !
หยางจื่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ได้แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา ” หัวหน้าซิงเหย๋ ในตอนนี้ฝ่ายตำรวจที่น่ากลัวด้านนอกได้ใกล้เข้ามาแล้ว เราต้องรีบสักหน่อยแล้ว ในปีนั้นปู่ของหัวหน้าเข้าไปได้ยังไง แล้วหัวหน้ารู้รึเปล่าว่าจะออกไปข้างนอกอีกได้ยังไง ? “
” หยางจื่อ นายวางใจเถอะ ตามฉันมามีแต่จะเป็นมหาเศรษฐี ! เผากลุ่มพวกไร้ประโยชน์ด้านนอกนั้น เราก็จะสามารถเข้าไปเอาสมบัติได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังหลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ” ซิงเหย๋ชิ้งพูด
เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวแล้วมองไปทางเพื่อนร่วมเดินทางที่เหลือรอดชีวิตอยู่ด้านหลัง ก่อนจะพูดว่า ” ทุกคนวางใจเถอะ ค่าตอบแทนตามที่สัญญาเอาไว้ล่วงหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ! เหล่าพี่น้องที่ตายไป ฉันก็จะให้ครอบครัวของพวกเขาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีส่งท้ายกันไปเลย ! “
ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหลังกลุ่มหนึ่งได้ส่งเสียงโห่ร้อง ” เย้ ” นำขึ้นมา จากนั้นก็พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เปลวไฟที่แผดเผาร่วมกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ได้หยุดลงในที่สุด หยางโปและกลุ่มคนถึงกับอับจนหนทางกันเลยทีเดียว พวกเขาอยากขัดขวางเปลวไฟที่อยู่ปากถ้ำ แต่ก็ทำได้เพียงแค่รอ หลังจากที่เปลวไฟอันร้อนระอุนั้นได้แผดเผาเสร็จแล้ว อุณภูมิภายในถ้ำก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนต่างพากันเหงื่อออกเปียกชื้นกันไปหมด
หยางโปหมุนตัวแล้วมองไปทางอวี่เหวิน เขาเชื่อแล้วอวี่เหวินนั้นมีฝีมือมากพอ ” นายลองดูหน่อยสิ ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ? “
อวี่เหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปตรงปากถ้ำ จากนั้นก็ยื่นเข็มทิศออกไป หยางโปเห็นเข็มทิศนั้นหมุนติ้วไปมา ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง อวี่เหวินส่ายหน้า ” ที่นี่อันตรายเกินไป กลัวว่าน่าจะยังมีกลไกไม่น้อยอยู่ด้านใน !
” งั้นพวกเราก็เดินไปทางนี้ ! ” หยางโปชี้พร้อมกับพูดขึ้น
” นายบ้าไปแล้วเหรอ ? ! ” อวี่เหวินมองไปทางหยางโป ด้วยความไม่เข้าใจ เขาตรวจสอบแล้วว่าที่นี่อันตรายมาก หยางโปก็ยังจะเดินไปยังเส้นทางนี้ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่ใช่ว่าฉันบ้า เพราะฉันรู้สึกว่าที่พวกเขาวางเพลิงในนี้จะต้องมีเป้าหมายบางอย่างแน่ ! “
ลัวย่าวหัวรีบดึงสติกลับมา ” นายกำลังจะบอกว่า ในนี้มีประตูอยู่เหรอ ? “
” หรืออาจจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในนี้ ? “ตาอ้วนหลิวกก็ไม่ได้หวาดกลัวแล้ว จึงได้รีบเดินขึ้นไปข้างหน้า
หยางโปไม่ได้เกิดความสงสัยขึ้นมาอีก นอกจากจะเดินตรงเข้าไป เขาเชื่อว่าลางสังหรณ์ของตัวเองไม่มีทางมีปัญหาอย่างแน่นอน
เฉาหยวนเต๋อเดินตามมาทีหลังสุด ด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็เดิมตามไป
เมื่อกลุ่มคนเดินทะลุผ่านเข้าไป ไม่นานก็พบกับจุดสัมผัสของเปลวไฟทั้งสองแห่ง เพราะอุณภูมิที่นี่สูงที่สุด ก้อนหินทั้งสองด้านจึงกลายเป็นแป้งที่แตกละเอียด แม้กระทั่งใต้เท้าก็ยังสัมผัสได้ถึงอุณภูมิที่ร้อนระอุของเปลวไฟ
หยางโปไม่ได้พักกลางทาง และก็ไม่กล้าพักอยู่ตรงนี้ เขารีบเดินตรงไปข้างหน้าทันที
ไม่นาน กลุ่มคนก็เดินตรงไปยังปากทางเข้าถ้ำ ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างก็เผชิญหน้ากับตัวเลือกอีกครั้ง เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ ทุกคนไม่ต้องเลือกแล้ว เพราะด้านข้างของปากถ้ำ ได้ปรากฏปากถ้ำอีกช่องหนึ่ง การค้นพบนี้ทำให้ทุกคนตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
หยางโปมองออกไปอย่างละเอียด เมื่อเห็นปากถ้ำมีร่องรอยใหม่ เขาก็มองไปทางทุกคนก่อนจะพูดขึ้นว่า “อาจจะเจอกับชาวญี่ปุ่น หลังจากนี้ต้องระมัดระวังให้มาก ๆหน่อยนะ “
เมื่อพูดจบ หยางโปก็เดินนำแนวหน้าเข้าไปในถ้ำ
เขาวงกตด้านนอกถูกสร้างขึ้นเพื่อขัดขวางหัวขโมยที่จะเข้ามาในสุสาน ถ้าไม่ใช่เพราะชาวญี่ปุ่น ระยะเวลา 8 ปี 10 ปี หยางโปและกลุ่มคนเหล่านี้ก็คงไม่มีทางหาทางเข้าเจอได้อย่างแน่นอน
เพราะต้องเตรียมการป้องกันอันตายที่อาจจะเกิดขึ้น หยางโปจึงเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังอย่างมาก ไฟส่องสำรวจถูกปิดลง เหลือเพียงไฟฉายอ่อนที่อยู่ในมือเท่านั้น
เมื่อเดินไปได้เพียงสองก้าว หยางโปก็หยุดลงอย่างฉับพลัน ลัวย่าวหัวที่เดินตามมาข้างหลังก็เกือบจะชนตัวเขาเลยทีเดียว
มีอะไรเหรอ ? ลัวย่าวหัวถามขึ้น เพราะถูกหยางโปขวางทางเอาไว้
หยางโปเดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นแสงไฟเทียนเอนไหวอยู่เบื้องหน้า จึงรีบปิดจมูกทันที จากนั้นก็ถอยออกมาจากปากถ้ำ
” หยิบผ้าปิดปากผ้าฝ้ายในกระเป๋าเป้ออกมาพรมน้ำให้เปียก ” หยางโปเดินกลับมาพร้อมกับพูดขึ้น
” อื้อ ” ตาอ้วนหลิวตอบรับทันที
หยางโปมองเข้าไปข้างใน ตอนนี้เขาไม่สามารถมองหาตำแหน่งของชาวญี่ปุ่นได้ แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจเรื่องหนึ่งว่าชาวญี่ปุ่นชำนาญเส้นทางมากกว่าพวกเขา หยางโปคาดเดาได้แม้กระทั่งว่าสุสานแห่งนี้เป็นฝีมือการขุดของชาวญี่ปุ่นในปีนั้น เนื่องจากต้องรีบถอยออกไปอย่างรีบร้อน หรืออาจจะเป็นเหตุผลอื่น ตอนนี้พวกเขาจึงได้โอกาสกลับเข้าไปข้างในใหม่อีกครั้ง
” ไม่มีน้ำเลย ” ตาอ้วนหลิวพูด
” ลองหาดู ” หยางโปพูด ในขณะที่พูดนี้เขาก็ไม่ได้หมุนตัวกลับไปมอง ” เชิงเทียนคู่นั้นน่าจะถูกจุดเอาไว้สักพักแล้ว รออีกสักหน่อยแล้วเราจะใส่ผ้าคาดปากเข้าไป “
เมื่อหยางโปพูดจบ ก็ได้ยินเสียงซ่าซ่าของน้ำ เขานึกถึงตาอ้วนหลิวที่เพิ่งจะพูดว่าไม่มีน้ำเมื่อสักครู่ขึ้นมา เขาจึงหมุนตัวกลับไปแต่แล้วก็เห็นตาอ้วนหลิวหมุนตัวไปยังมุมกำแพง และกำลังนำผ้าคาดปากชุบน้ำอยู่
เมื่อตาอ้วนหลิวได้ยินว่าหยางโปต้องใส่ผ้าคาดปาก จึงอดที่จะหมุนตัวกลับไปมองด้วยใบหน้าไร้เดียงสาไม่ได้
” นาย ! ” หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที
ลัวย่าวหัวอดที่จะหัวเราะพร้อมกับพูดออกมาไม่ได้ว่า ” ฮ่าฮ่า เดี๋ยวให้ตาอ้วนหลิวใส่ผ้าคาดปากนั้น จากนั้นนายก็ไปเป่าเชิงเทียนนั้นให้มอดลงก็พอ “
ตาอ้วนหลิวจับกางเกงของเขาขึ้นมา จากนั้นก็พูดอย่างจนปัญญาว่า ” แล้วทำไมนายไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า ? “
” นี่่คือผ้าคาดปาก ไม่ว่าจะยังไง ก็ไม่สมควรจะใช้ฉี่ ! ” หยางโปเองก็จนปัญญาเช่นกัน
ตาอ้วนหลิวอดที่จะพูดอธิบายขึ้นไม่ได้ว่า ” ทุกคนในเขตแผ่นดินใหญ่ก็ดื่มกันไหมละ ? “
มันเหมือนกันที่ไหนละ ?
” งั้นฉันเอง ! ” อวี่เหวินยืนขึ้น
ไม่ทันรอให้หยางโปเอ่ยปาก ก็เห็นอวี่เหวินใช้แขนเสื้อปิดจมูกพร้อมกับเดินเข้าไปแล้ว ไม่นาน หยางโปก็เห็นเปลวเทียนเหล่านั้นดับมอดลง
ทุกคนเดินไปข้างหน้าด้วยการเลียนแบบท่าทางของอวี่เหวิน ในตอนที่เดินผ่านเชิงเทียนนั้น ทุกคนก็อดที่จะก้าวเร็วขึ้นมาไม่ได้ หยางโปเดินไปได้สองก้าวก็ต้องตื่นตกใจอย่างฉับพลัน เมื่อมองออกไป กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอี่เหวินแล้ว !
ในตอนที่เห็นเปลวไฟบนเชิงเทียนมอดดับลง หยางโปก็ยังเห็นเป็นเงาเลือนลางอยู่ แต่ในเวลานี้กลับไม่เห็นเงาของเขาแล้ว เขาจึงอดที่จะมองออกไปไม่ได้ เมื่อเห็นว่าตรงหน้าไม่มีแม้แต่เงาคน เขาจึงได้ก้มลงมองบนพื้นอีกครั้ง แล้วก็เห็นไม้กระดานที่อยู่ไม่ไกลนัก !
หยางโปเดินหน้าต่อไป จากนั้นก็ออกแรงดึงไม้กระดานเหล่านั้นออก แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยใด ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เห็นไม้กระดานสามแผ่นเรียงต่อกันอยู่เบื้องหน้า เขาจึงเพ็งมองออกไป จนค่อยๆเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม้กระดานทั้งสามแผ่นนี้ไม่มีการเชื่อมต่อกัน ” ระวัง เดิน ตามฉันมา ! ” หยางโปหันไปพูดกับด้านหลัง
ตาอ้วนหลิวเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบรับ จึงได้ถามขึ้นว่า ” อวี่เหวินละ ? “
” อย่าพูด ! ให้ความสนใจกับลมหายใจเอาไว้! ” หยางโปเตือน
ตาอ้วนหลิวรีบปิดปากในทันที หยางโปเดินผ่านแผ่นไม้นั้นด้วยความระมัดระวังอีกครั้ง เมื่อรอให้ทุกคนเดินข้ามผ่านมาแล้ว เขาจึงได้วางใจ
เมื่อเดินไปข้างหน้า ก็ยังไม่เห็นเงาของอวี่เหวิน หยางโปจึงอดที่จะพูดเสียงต่ำ ๆออกมาไม่ได้ว่า ” ตาอ้วน ก่อนหน้านั้นอวี่เหวินตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ? “
” แอบขุดหลุมศพสิ เขาเป็นคนที่มีฝีมือสูงอันดับต้นๆในกลุ่มของเรามาโดยตลอด ” ตาอ้วนหลิวพูด
หยางโปจึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ” ผู้มีฝีมือสูงอันดับต้นๆ ? “
ตาอ้วนหลิวลำบากใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ไม่ตรงกับข่าวลืออย่างแน่นอน ” ” เขาเป็นคนที่มีฝีมือสูง ฉันเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาเหมือนกัน ” เฉาหยวนเต๋อเอ่ยปากพูดขึ้น ” ในปีนั้นฉันเคยปฏิสัมพันธ์กับอาจารย์ของเขามาก่อน กิจกรรมหลักของพวกเขามักจะอยู่ในฉางอัน นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาปรากฏในเมืองปักกิ่งแบบนี้ “
” งั้นตอนนี้เขาไปไหนแล้วละ ? ” หยางโปคาดเดาอยู่ในใจ แต่กลับไม่ได้พูดออกมา
บรรยากาศในเวลานี้แปลกประหลาดขึ้นมาไม่น้อย