ตอนที่ 311 มืออาชีพ
ในตอนที่หยางโปเดินทางมาถึงบ้านเก่านั้น ก็เห็นแม่ของเขากำลังยืนมองออกไปข้างนอก โดยที่ไม่รู้ว่ายืนมองอยู่อย่างนี้นานแค่ไหนแล้ว
หยางโปพาหลี่เอ้อและอีกสองคนไปหลังบ้าน จากนั้นก็ชี้ไปทางโลงศพ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” พวกนายไปดูก่อนละกัน ฉันมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย “
เมื่อพูดจบ หยางโปก็เดินไปกำชับแม่รอบหนึ่งก่อนจะถือกระเป๋าหนังงูตรงไปยังวัดถู่ตี้ทันที
ระหว่างทางที่เดินไปนั้นเขาไม่เจอคนอื่นเลย จึงทำให้หยางโปถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารีบเดินเข้าไปในวัดถู่ตี้ และกำลังจะนำธูปที่เผาไหม้แล้วภายในกระถางธูปออก และนำกระถางธูปเซวียนเต๋อของปลอมที่เตรียมพร้อมเอาไว้อย่างดีเสียบธูปที่เผาไหม้นั้นลงไปใหม่ จากนั้นก็ทาด้วยขี้เถ้าธูปลงไป ก่อนจะทำความสะอาดการโจรกรรมให้เรียบร้อย หยางโปก็นำกระถางธูปเซวียนเต๋อใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าหนังงู แล้วเดินออกไปข้างนอกในทันที
เมื่อเขานำกระถางธูปวางลงในกล่องที่เตรียมมาอยู่ด้านหลังอย่างระมัดระวังเรียบร้อยแล้ว จึงได้ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
หยางโปหมุนตัวแล้วเดินไปทางหลังบ้าน แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นหญิงชราที่สังเกตเห็นเขาเดินออกมาจากวัดถู้ตี้ด้วยความรีบร้อน หญิงชราคนนั้นเดินเข้าไปในวัดถู่ตี้ แล้วมองไปรอบๆด้าน เทพเจ้าถู้ตี้ยังคงอยู่ กระถางธูปก็ยังคงอยู่ ธูปก็ยังคงถูกจุด จึงเกิดความฉงนงงเล็กน้อย ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงว่าหยางโปได้ทำการสับเปลี่ยนกระถางธูปใหม่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่หยางโปเดินมาถึงหลังบ้าน ก็เห็นว่าเถ้าแก่เจี่ยงกำลังยืนพูดคุยราคากับแม่ของเขาอยู่ เมื่อแม่ของเขาเห็นหยางโปเดินเข้ามา จึงรีบโบกไม้โบกมือทันที ” เสี่ยวโป ลูกเข้าใจมากกว่า ลูกมาดูให้แม่หน่อย ว่าไม้นี้จะขายได้ราคาเท่าไหร่ ? “
หยางโปยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเดินเข้าไปหา ” เถ้าแก่เจี่ยงเสนอราคาเท่าไหร่ครับ ? “
แม่หยางชูนิ้วขึ้นมา 4 นิ้วก่อนพูดขึ้นว่า ” ราคานี้ “
หยางโปพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า แล้วมองไปทางโลงศพนั้นแวบหนึ่ง ” เถ้าแก่เจี่ยง เราต้องพูดกันตรงๆนะครับ ราคานี้ต่ำเกินไป เถ้าแก่เองก็น่าจะเคยทำธุรกิจนี้มาก่อนนะครับ ไม้หนานมู่ไม่ว่าจะเป็นการขายต่อแบบนี้หรือทำเป็นวัตถุอื่นๆก็ตาม ยังไงมันก็ต้องมากกว่าราคานี้อย่างแน่นอน “
” น้องชายหยางล้อเล่นใช่ไหม ของแบบนี้จะเอาไปสร้างเป็นของอื่นๆได้ยังไงกันละ ? “เถ้าแก่เจี่ยงปฏิเสธกลับมา
” จริงเหรอครับ ? ” หยางโปยิ้มพร้อมกับจ้องเขม็งออกไป
เถ้าแก่เจี่ยงเคยเจอลักษณะแบบนี้มานักต่อนัก ก็เลยไม่สนใจ หากยังจับไม่ได้ต่อหน้าต่อตายังไงเขาก็ไม่มีทางตื่นตัวเด็ดขาด
” แปดหมื่น ถ้าเถ้าแก่ให้ราคานี้ ก็เอาไปได้เลยครับ ! ” หยางโปพูดขึ้น
เถ้าแก่เจี่ยงรีบส่ายหน้าทันที ” ไม่ได้ ไม่ได้ ราคานี้สูงเกินไป “
” เหมาะสมที่สุดแล้วครับ “หยางโปพูด
เถ้าแก่เจี่ยงเกิดความลังเลเล็กน้อย ” หกหมื่น น้องชายหยางให้ค่าขนย้ายสักนิดหนึ่งเถอะ ราคานี้ละกัน ! “
หยางโปหันหน้าไปมองแม่ของเขา เมื่อเห็นว่าเธอแสดงอาการตื่นเต้นออกมา เขาจึงแสดงท่าทางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า ” งั้นก็ได้ครับ งั้นก็ให้เพื่อนอย่างเถ้าแก่ไปในราคานี้ก็แล้วกัน ! “
เถ้าแก่เจี่ยงยิ้มออกมา ” ดี เดี๋ยวฉันไปหารถมาขนไปละกัน ! “
เถ้าแก่เจี่ยงรีบโทรศัพท์ทันที หยางโปเดินเข้าไปจากนั้นก็พูดกับแม่ของเขาว่า ” ราคานี้ได้ไหมครับ ? “
แม่ของเขาพยักหน้า
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากว่า ” ผมจะไปซื้อห้องในเมืองสักห้อง แม่ก็ไปอยู่ที่นั้นเถอะ ในชนบทไม่ค่อยสะดวกสบาย อีกอย่างมันก็มากกว่าครึ่งปีด้วย ไม่นานพวกเขาก็น่าจะออกมาแล้ว ที่นี่ไม่มีที่ให้อยู่แล้ว “
แม่ของเขากำลังจะเอ่ยปาก สุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธกลับไป เพราะหยางโปได้พูดเกลี่ยกล่อมประโยคสุดท้ายออกมาว่าที่นี่ไม่มีที่ให้อยู่แล้ว พ่อของหยางโป หยางหลางต้องขนลุกซู่แน่ !
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว หยางโปก็นำซองแดงยื่นให้แก่หลี่เอ้อ หลี่เอ้อถ่อมตัวอยู่เล็กน้อย ก่อนจะรับมา
หยางโปพาแม่หยางไปธนาคารของอำเภอ เพื่อนำเงินไปฝาก แล้วก็รีบกลับเข้าเมืองอีกครั้ง จากนั้นก็ขอร้องให้หลูตงซิงช่วยซื้อบ้านที่ตกแต่งหลังใหม่ให้ และจ่ายเงินไปให้เขาสามแสนหยวน ก่อนจะเอากุญแจให้แม่หยางไปจากนั้นหยางโปถึงจะพาแม่ไปส่ง
เมื่อกลับมาถึงร้านค้า ท้องฟ้าก็มืดค่ำลงแล้ว
หยางโปนำกระถางธูปเซวียนเต๋อมีหูออกมา แล้วทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
กระถางธูปเซวียนเต๋อถูกขี้เถ้าธูปย้อมไปทั้งใบ ดูเหมือนกับของธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าเช็ดจนสะอาดจริงๆแล้ว จะสามารถเห็นสีแดงที่ซ่อนอยู่อย่างแท้จริง ราวกับสีของกระดาษพระไตรปิฎกยังไงอย่างนั้น
กระถางธูปใบนี้มีความมันวาว เรียบและสวยมีระดับ งดงามประณีตอย่างแท้จริง ใต้กระถางมีอักขระอักษรจีนอยู่ 8 ตัว ” ซวน เต๋อ อู๋ เหนียน อู่ ปัง จั๋ว จ้าว ” อู่ ปัง จั๋ว หมายถึงรัฐที่สร้างกระถางธูปเซวียนเต๋อขึ้นมา !
หยางโปรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขานำกระถางธูปเซวียนเต๋อเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี จากนั้นก็กลับบ้าน ไปรอบนี้ ได้รับรางวัลยิ่งใหญ่จริงๆ !
เมื่อกลับถึงบ้าน หยางโปก็ไปอาบน้ำ แล้วหยิบมีดแกะสลักขึ้นมา เพื่อทำการฝึกฝีมือ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เมื่อหยางโปหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นหูชิงชิง !
” ฮัลโหล นายโทรมาหาฉันมีธุระอะไรรึเปล่า ? ” หูชิชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเกรงใจเท่าไหร่นัก
หยางโปเงียบไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า ” เมื่อวานฉันโทรไปหาเธอเพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย “
แต่เมื่อหยางโปพูดจบ หูชิชิงก็พูดขึ้นว่า ” เมื่อคืนฉันนั่งเครื่องไปตงจิง เลยไม่เห็นโทรศัพท์ นายมีธุรอะไรก็พูดมาได้เลย !
” ฉันมีวัสดุที่เกี่ยวกับไม้หนานมู่อยู่ที่นี่ อยากจะสอบถามราคาสักหน่อย เมื่อวานเธอ…. ” หยางโปอธิบาย
แต่ทว่า ไม่ทันรอให้หยางโปพูดจบ หูชิชิงก็แทรกตัดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้งว่า ” อ่า ไม้หนานมู่ ราคาของไม้หนานมู่ไม่สูงมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นวัสดุที่อยู่ในระดับสูงทีเดียว สิ่งสำคัญต้องดูคุณภาพของไม้หนานมู่ ที่มีขนาดเล็กใหญ่…….. “
หูชิงชิง ใช้เวลาอธิบายไปกว่าครึ่งค่อนวัน ก็เพิ่งจะคิดได้ ก่อนจะถามหยางโปว่า ” นายจะแกะสลักไม้หนานมู่เหรอ ? ฉันจะบอกนายให้นะว่า ไม้หนานมู่ไม่เหมาะสมที่จะแกะสลัก นายควรจะหาไม้หยาง ไม้หลิวมาฝึกฝีมือดีกว่า มันประหยัดค่าวัสดุที่ต้องใช้เงิน…….. “
หยางโปไม่ได้พูดตัดบทสนทนาของเธอ นอกจากจะรอให้หูชิงชิงเอ่ยปากถามว่า ” สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย ? “
หยางโปรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย ” ฉันมีวัสดุอยู่ที่นี่ เลยอยากจะขายทิ้ง…… “
” ขายทิ้ง พ่อของฉันอยู่ปักกิ่ง วัสดุแบบนี้ เขาไม่มีทางเดินทางมาโรงประมูลจินหลิงชุนหรอก ” หูชิงชิงพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
” หูชิงชิง ! เธอช่วยฟังฉันพูดให้จบก่อนได้ไหม ? ” หยางโปพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเสียงดัง
หูชิงชิงตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นน้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้น ” อ่า ? นายพูดมาได้เลย ! “
” เมื่อวานฉันอยากจะไปปรึกษาเรื่องราคาสักหน่อย แต่ตอนนี้วัสดุไม้ได้ถูกฉันขายออกไปแล้ว ไม่ใช่เพราะต้องใช้แกะสลัก และก็ไม่ใช่เพราะอยากจะให้พ่อของเธอมาเก็บไม้ไปหรอกนะ ! ” หยางโปพูดด้วยความจริงจัง
” อ่า ” หูชิงชิงตอบกลับมา
หยางโปถอนหายใจออกมา ” ฉันรีบนิดหน่อยน่ะ เสียงก็เลยดังไปหน่อย เธอไม่ได้ตกใจเกินไปใช่ไหม ? “
” ไม่ ไม่เป็นไร ” หูชิงชิงพูดขึ้น
เมื่อพูดคุยกันไปเพียง 2-3 ประโยค แลกเปลี่ยนสิ่งที่ได้จากการแกะสลักในช่วงนี้ หยางโปก็วางสายไป การพูดคุยกับหูชิงชิงเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ !
หยางโปหยิบมีดออกมา แล้วเริ่มลงมือแกะสลักพร้อมกับนึกท่าทางของหูชิงชิงขึ้นมาในใจ เพราะในใจมีพลัง ดังนั้นเขาจึงลงมีดด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งเคลื่อนมีดไปโดยไม่ต้องคิดมากมายอะไร มือของเขาเคลื่อนไหวตามอารมรณ์ พร้อมกับมีดที่ฝังจมลงไปในไม้
เพราะการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นรูปลักษณ์ที่หยางโปแกะสลักออกมานั้นจึงยากที่จะหลีกเลี่ยงเป็นภาพร่างคร่าวๆได้ ดูคล้ายกับวิธีการแกะสลักหยกรูปจักจั่นแบบหยาบๆยังไงอย่างนั้น แต่เขาก็ทำไม่ได้ไกลขนาดนั้น สุดท้ายรูปลักษณ์ที่แกะสลักออกมา ก็ปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจน
หยางโปมองไปทางผลงานที่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ที่แท้การแกะสลักยังสามารถใช้ในการระบายอารมณ์ได้ดีอีกด้วย หลิ่วมีดเดียวบอกให้เขาส่งผลงานทุกอาทิตย์ เพื่อรับการประเมิน ถ้าส่งงานชิ้นนี้ไปละก็ เขาต้องถูกวิพากวิจารณ์อย่างแน่นอน