ตอนที่ 316 ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน
เงินที่อยู่ในมือของซ่งห้าวซวนถูกใช้ออกไปจนเกือบหมดแล้ว แล้วยิ่งเขาเพิ่งจะทำการซื้อชามเซรามิคลายมูลค่า 2 ล้านหยวนไปก่อนหน้านั้นอีกด้วย เงินทุนในมือของเขาจึงเหลืออยู่ไม่มากแล้ว เมื่อคิดได้ว่าต่อไปอาจจะมีผู้ขายเข้ามาเยี่ยมชมในร้านอีก เขาก็ไม่ยอมเสียโอกาสเพียงเพราะไม่มีเงินอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงได้โทรศัพท์ไป
เมื่อทำการสาธยายถึงคุณประโยชน์และผลเสียที่เกิดขึ้น ซ่งห้าวซวนได้นำกำไรที่ได้ตั้งแต่เปิดกิจการมา 2 วันนี้บอกเล่าออกไป ส่งผลให้พ่อของเขาตื่นตกใจไปในทันที ไม่นาน เงินทุนกว่า 10 ล้านหยวนก็โอนเข้าบัญชีของซ่งห้าวซวน !
ซ่งห้าวซวนยืดตัวตรง เขาคิดว่าภูมิหลังและศักยภาพของตัวเองจะสามารถทำให้ตัวเองเดินเข้าไปในโรงประมูลจินหลิงชุนในเมืองได้ !
วันที่สอง ในขณะที่หยางโปกำลังนั่งแกะสลักอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาหยุดลงตรงหน้าของตัวเอง เขาจึงเงยหน้าขึ้นเหมือนที่ทำทุกที ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” อยากได้วัตถุโบราณ เชิญเลือกได้ตามสบายเลยครับ ! “
” ฉันอยากได้ของที่อยู่ในมือนาย ! “
มือของหยางโปไถลลื่น จนเกือบจะทำลายการแกะสลักนั้นทันที เขาเงยหน้าขึ้นมอง ” ชุยอี้ผิง นายมาได้ยังไง ? นายเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ ? “
” ฉันเป็นนักสเก็ตช์ภาพธรรมชาติระดับประเทศเลยนะ ! ” ชุยอี้ผิงยิ้มออกมา
หยางโปก้มหน้าทำตัวไม่ว่างอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกว่าการมาของชุยอี้ผิงในครั้งนี้ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ” สเก็ตช์ภาพธรรมชาติระดับประเทศ ฟังดูแล้วรู้สึกไม่เลวเลยนะ ! “
ชุยอี้ผิงหัวเราะฮ่าฮ่า ออกมา ” ในเมื่อนายเรียนแกะสลักมา ก็อย่ามาปิดประตูสร้างเกวียนเลย ออกไปเดินเล่นสักหน่อย เถอะ เผื่อว่าฝีมือการแกะสลักอาจจะคล่องมากขึ้นก็ได้นะ ! “
หยางโปพยักหน้า ” ถ้ามีเวลาฉันจะออกไปแน่นอน ! “
ชุยอี้ผิงนั่งลง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ฉันเห็นร้านขายวัตถุโบราณเปิดใหม่ตรงข้ามนายอยู่ร้านหนึ่ง เป็นยังไงบ้าง ? สร้างผลกระทบให้แก่ร้านนายบ้างไหม ? “
หยางโปหยุดแกะสลักลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองชุยอี้ผิง เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าร้านขายของนั้นเป็นของใคร แต่เขาก็ยังตอบกลับไปว่า ” ก็ดี “
ชุยอี้ผิงยิ้มเล็กน้อย ” ฉันเองก็เพิ่งจะได้ยินข่าวมา จึงได้รีบร้อนตรงมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เลย นายวางใจเถอะ เดี๋ยวช่วงบ่ายร้านฮ้าวซวนเก๋อก็ปิดแล้ว ! “
เมื่อพูดจบ ชุยอี้ผิงก็หมุนตัวเดินจากไป
” เดี๋ยวก่อน ! ” หยางโปรีบเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ชุยอี้ผิงต้องสั่งให้ซ่งห้าวซวนปิดร้านอย่างแน่นอน มันมีโอกาสเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะปิดร้านเพื่อหลีกเลี่ยงการล่วงเกินต่อชุยซื่อหยวน แต่เป้าหมายของเขาไม่หยุดลงแค่นี้แน่ๆ
” ช่างเถอะ ร้านขายวัตถุโบราณฝั่งตรงข้ามไม่ได้สร้างผลกะทบอะไรต่อฉัน และไม่ได้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจค้าขายของสืออี๋ถางอะไรเลย นายวางใจเถอะ ” หยางโปพูด
ชุยอี้ผิงมองกลับมา ” นายแน่ใจ ? “
” นายลองอยู่ที่นี่สักสองวันเดี๋ยวนายก็รู้เอง ที่ของฉันกว้างขวางมาก อย่างน้อยก็สามารถวางกระดานวาดรูปได้แผ่นหนึ่งเลยนะ ! ” หยางโปพูด
ชุยอี้ผิงเกิดความสงสัยเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้าไปมองหยางโป แล้วก็เห็นว่าใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความมั่นใจไม่ตัวเอง เขาจึงเกิดความอยากรู้ขึ้นมาในจิตใจ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ แล้วพูดว่า ” ก็ดี แต่ถ้านายประคับประคองต่อไปไม่ไหวจริงๆ ก็รีบบอกฉันก็แล้วกัน ! “
หยางโปยิ้ม ” ธุรกิจขายวัตถุโบราณไม่ได้แข่งขันกันเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ถึงจะประเดิมเปิดร้านมา 3 ปี ฉันก็ไม่มีทางหิวจนตาย ! “
ชุยอี้ผิงยิ้ม โดยไม่พูดอะไร
ต่อจากนั้น ชุยอี้ผิงก็นั่งลงวาดภาพภูเขาและแม่น้ำในร้านของหยางโปต่อจริงๆ ส่วนหยางโปก็นั่งแกะสลักต่อไป
ในช่วงเที่ยง ชายวัยกลางคนคนนั้นได้เข้าไปในร้านฮ้าวซวนเก๋ออีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ในมือของชายวัยกลางคนนั้นได้ถือภาพวาดภาพหนึ่งเดินเข้าไป
หยางโปมองไปทางชายวัยกลางคนที่เดินเข้าไปคนนั้น โดยไม่พูดอะไร
ไม่นาน ชายวัยกลางคนนั้นก็เดินออกมาด้วยมือเปล่าอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เบอร์โทรศัพท์ของลัวย่าวหัวก็โทรเข้ามาติดๆ หยางโปมองไปทางด้านชุยอี้ผิงแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไป
” ฮ่าฮ่า ครั้งนี้เราได้เงินมหาศาลเลยทีเดียว ภาพวาดของต่งฉีชางถูกขายไปในราคา 8 ล้านหยวน ! “
หยางโปเพิ่งจะกดรับโทรศัพท์ได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงแห่งความดีใจของลัวย่าวหัวดังออกมาในทันที
หยางโปเองก็ตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน ภาพนี้คือภาพที่เขาเสนอออกไป เพียงแต่ภาพนี้เป็นของลอกเลียนแบบในช่วงยุคกลางของราชวงศ์ชิง มีมูลค่าอยู่ที่ 2 แสน-3 แสน แต่ตอนนี้ถูกขายไปในราคา 8 ล้านหยวน ช่างเป็นตัวเลขทางดาราศาสตร์จริง ๆ !
” คนที่นายหามาพึ่งได้ไหม ? ” หลังจากหยางโปยิ้มออกมา ก็นึกถึงการจัดการผลที่ตามมาได้
ลัวย่าวหัวพับเช็คเงินก่อนจะพูดขึ้นว่า ” นายวางใจเถอะ เขาเปลี่ยนอาชีพแล้ว กำลังจะไปทำงานในจุดที่สูงที่สุดของโลกแล้วละ ! “
หยางโปตื่นตกใจ แต่ก็วางใจลง ” ดี ! เงินส่วนหนึ่งที่ต้องให้ครอบครัวมีจำนวนไม่น้อยเลย ให้เพิ่มอีกนิดก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ยังไงก็ต้องให้เขาจากไปโดยเร็ว และต้องปิดปากเขาเอาไว้ ! “
ลัวย่าวหัวตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ” ต่อไปเราจะไม่ทำกันอีกแล้วใช่ไหม ? “
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่สามารถทำได้แล้ว ถึงจะบอกว่าเรื่องนี้รู้กันไม่เกิน 3 คนก็ตาม แต่จะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันรั่วไหล ? ให้เขาไปตอนนี้ แล้วอย่าให้เขานั่งรถประจำทางโดยเด็ดขาด อำพรางตัวเขาอย่างระมัดระวังด้วย ! “
” นายวางใจเถอะ ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย ! ” ถึงแม้ว่าลัวย่าวหัวจะรู้สึกเสียดายอยู่ภายในใจ เพราะเดิมทีเขาตั้งใจจะทำแบบนี้อีกสักหน่อย แต่ในเมื่อหยางโปพูดแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรอีก
เมื่อกลับเข้าไปในร้าน ชุยอี้ผิงก็วาดภาพภาพเสร็จพอดี เขายืนจ้องมองภาพตรงหน้านั้นจากที่ไกล ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ธุรกิจนายไม่ดีเหรอ ? ธุรกิจค้าขายฝั่งตรงข้ามยังคงรุ่งเรืองมากขนาดนั้น ! “
” ฉันยังขอยืนยันประโยคเดิม เปิดร้านช่วงแรกก็เหมือนกับไม่เปิด เปิดร้านมาสามปีก็เหมือนกับมีข้าวกินอยู่ตลอดเวลา ! ” หยางโปพูด
เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายโดยละเอียดได้ เวลาล่วงเลยผ่านไป เขาก็ได้ล้วงเอาเงินในกระเป๋าจากฝ่ายตรงข้ามมาได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว
ชุยอี้ผิงมองไปทางอีกฝ่ายแวบหนึ่ง โดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก
เมื่อถึงตอนพลบค่ำ หยางโปก็นำสัตว์ที่แกะสลักไว้ไปวางเอาไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ยืดแขนขาบิดตัวด้วยความเกียจคร้าน แต่แล้วก็เห็นว่าซ่งห้าวซวนเดินเข้ามาในร้าน พลางพูดขึ้นว่า ” เถ้าแก่หยาง เป็นยังไงบ้างครับ ? เราจะคอยดูกันและกัน แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าธุรกิจค้าขายของสืออี๋ถางไม่ค่อยจะได้อะไรเลยละ ? “
หยางโปมองกลับไป ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ” เถ้าแก่ซ่ง นายใช้ของปลอมมาแอบอ้างว่าของจริงมาขาย การกระทำแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็ถูกจับได้ ความรุ่งเรืองของฮ้าวซวนเก๋อคงจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ รอให้ถึงเวลานั้น หวังว่านายคงจะยังพูดแบบนี้ได้อีกนะครับ ! “
ซ่งห้าวซวนหัวเราะเย้ยยันออกมา ” นายไม่ต้องมาพูดจาเหลวไหล เพื่อทำลายชื่อเสียงของฮ้าวซวนเก๋อ
หรอก ! เถ้าแก่หยาง เชื่อฉันสิ สืออี๋ถางต้องได้ปิดตัวลงอย่างแน่นอน ! “
” เถ้าแก่ซ่ง ช่วยเชื่อผมหน่อยเถอะครับ ฮ้าวซวนเก๋อไม่สามารถขายดีแบบนี้ไปได้ทุกวันหรอก ! ” หยางโปพูด
ซ่งห้าวซวนก็ไม่ได้สนใจ เขาหันกลับไปมอง แต่เมื่อเห็นว่ามีกระดานวาดรูปวางอยู่ภายในร้าน เขาก็เดินไป จากนั้นก็ยืนมองอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มออกมา ” น่าขำจริงๆ นึกไม่ถึงว่าเถ้าแก่หยางจะวาดรูปได้แย่ขนาดนี้ ฝีมือเหมือนกับเด็กนักเรียนเลย ! “
ชุยอี้ผิงที่ออกไปล้างมือแล้วกลับมา ก็ได้ยินประโยคนี้พอดี ใบหน้าของเขาแข็งทื่อไปในทันที ” ถ้านายพูดไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด ! “
” นี่ไม่ใช่เรื่องของนาย ! ” ซ่งห้าวซวนเอ่ยปากโดยที่ไม่ได้หมุนตัวหันกลับไปมอง
” นายบอกว่าไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันใช่ไหม ? ” ชุนอี้ผิงเดินเข้าไป แล้วไปหยุดอยู่ด้านหลังของซ่งห้าวซวน
ในตอนนั้นเองที่ซ่งห้าวซวนรู้สึกว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาจึงหมุนตัวกลับมามอง แล้วก็เห็นชุยอี้ผิง กำลังหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ ” ที่แท้ของพี่ผิงนี่เอง พี่มาที่นี่ได้ยังไงครับ ? “
ชุยอี้ผิงถลึงตาใส่ซ่งห้าวซวน ” ฉันจะอยู่ที่ไหน ต้องรายงานนายด้วยเหรอ ? “
” ไม่ ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแค่อยากรู้นิดหน่อยก็เท่านั้นเอง ” ซ่งห้าวซวนรีบโบกมือไปมาทันที ” ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พี่น่าจะยุ่งอยู่ งั้นผมของตัวกลับก่อนนะครับ “
เมื่อพูดจบ ซ่งห้าวซวนก็หนีออกไปราวกับหมาจนตรอกในทันที !