ตอนที่ 320 พรสวรรค์การแกะสลัก
หยางโปหยิบกระจกขึ้นมา ” ยังมีเบาะแสอื่นๆอีกไหม ? “
” ตอนนี้ยังไม่มี “ตาอ้วนหลิวพูดขึ้น
หยางโปเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เขาเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมองไปทางตาอ้วนหลิว ” ความหมายของนายก็คือ ? “
” ทำเพื่อตั๋ว ! ” ตาอ้วนหลิวพูดขึ้น
หยางโปมองไปทางตาอ้วนหลิว เมื่อเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ลัวย่าวหัวก็แสดงท่าทางกระโดดโลดเต้นดีใจ เขาอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ ” ตอนนี้เรามีเพียงกระจกชิ้นนี้ ไม่ได้มีเงื่อนงำอะไร เกรงว่าจะไม่มีวิธีการอื่นด้วย ? “
ตาอ้วนหลิวยิ้มออกมา ” ในเมื่อมีเงื่อนงำแล้ว เราก็ค่อยๆกลับไปสำรวจก็แล้วกัน เดี๋ยวก็คงหาเจอ ! “
หยางโปพยักหน้ายอมรับ ” งั้นก็ดี กลัวว่าครั้งนี้จะได้ออกประเทศไปนะสิ ! “
หยางโปเชื้อเชิญสำเร็จ ตาอ้วนหลิวถือกระจกไปหาหลูตงซิงอีกครั้ง ซึ่งไม่นานหลูตงซิงก็ตอบกลับมา
ตาอ้วนหลิวตั้งใจจะกลับไปสำรวจเงื่อนงำในเมืองปักกิ่งในคืนนั้น หยางโปเองก็คิดว่าการแกะสลักในช่วงนี้ก็เข้าสู่สภาวะคอขวดแล้ว เขาจำเป็นจะต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลิ่วมีดเดียว อีกทั้ง ในตอนที่ตาอ้วนหลิวติดตามหาเบาะแสเพิ่มเติมนั้น วัตถุโบราณที่ค้นพบก็จำเป็นจะต้องให้เขามาทำการประเมิน ดังนั้นเขาจึงได้ตามไปยังเมืองปักกิ่ง ลัวย่าวหัวต้องอยู่ที่นี่
….
เขาได้พบเจอกับเฉาหยวนเต๋ออีกครั้ง ช่วงเที่ยงในวันที่สอง เฉาหยวนเต๋อรู้ว่าหยางโปมาถึงเมืองปักกิ่งแล้ว จากนั้นก็ตรงมาเคาะประตูบ้านของเขาในทันที
หยางโปมองออกไปด้วยความประหลาดใจ ” ผู้อำนวยการเฉามีเวลาว่างมาได้ยังไงเหรอครับ ? “
เฉาหยวนเต๋อหัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า ” นายอย่ามาเหน็บแนมฉันเลยนะ ฉันมาขอบคุณนายโดยเฉพาะเลยนะ ครั้งที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะนายช่วยฉันเอาไว้ วัยชราของฉันก็คงจะไม่มีเหลือแล้ว ! “
หยางโปโบกมือไปมา ” อย่างพูดแบบนี้เลยครับ ยังไงก็ถือว่าเราก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันแล้ว ! “
เฉาหยวนเต๋อหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา ” เรานำวัตถุโบราณที่ขุดออกมาจากสุสาน มาทำการเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะทำการแพร่ข่าวบางส่วนออกไป ซึ่งหลังจากนี้อาจจะดึงดูดนักข่าวทุกประเทศเข้ามา นายมีความสนใจที่จะไปปรากฏตัวในสถานที่ด้วยไหม ? “
หยางโปรีบส่ายหน้า ” เรื่องนี้ไม่ต้องมาหาผมแล้ว พวกคุณน่าจะมั่นใจได้จากเจ้าของสุสานแล้วมั้ง ? “
เฉาหยวนเต๋อมองไปทางหยางโป แล้วก็เห็นว่าเขามีทัศนคติที่เด็ดเดี่ยวมาก จึงไม่พูดโน้มน้าวอีก นอกจากจะอธิบายว่า ” เจ้าของสุสานยังไม่แน่ใจเลย ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รู้ว่าเขาเป็นจักรพรรดิในราชวงศ์ชิง แต่ในสุสานไม่ได้ค้นพบว่ามีของมีเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนนัก พวกเราก็ต้องเข้าไปทำการสำรวจเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง แต่ หลังจากที่โคมไฟมังกรขดตัวได้ถูกประกาศออกไป จะต้องเป็นที่สะดุดตาอย่างแน่นอน !
หยางโปยิ้มออกมา ” สิ่งของประหลาดแบบนี้น่าจะดำรงอยู่ในตำนาน ในตอนที่มันปรากฏออกมา ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน “
หลังจากที่พูดคุยอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน หยางโปและเฉาหยวนเต๋อก็ไปกินอาหารมื้อค่ำด้วยกัน หยางโปลองหยั่งเชิงสอบถามเกี่ยวกับโบราณวัตถุของราชวงศ์หยวนกับอีกฝ่าย ซึ่งเฉาหยวนเต๋อก็ล้วนแล้วแต่นึกถึงแต่โคมไฟมังกรขดตัวอยู่เต็มสมอง จึงไม่รับรู้ความหมายในการหยั่งเชิงของหยางโป
ในช่วงบ่าย เมื่อส่งเฉาหยวนเต๋อแล้ว หยางโปก็เดินทางมาถึงหน้าร้านของหลิ่วมีดเดียว ซึ่งเขาก็เห็นว่าหลิ่วมีดเดียวกำลังนั่งใส่หูฟังดูหนังอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางสบายอารมณ์อยู่ ส่วนหูชิงชิงเองก็นั่งฝึกฝนการแกะสลักอยู่ด้านข้างของเขา
เขาจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ในร้านยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ผ่านไปหลายปีถึงจะติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์
เมื่อหยางโปเดินเข้ามา ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนทั้งสองในทันที หลิ่วมีดเดียวมองไปทางหยางโปแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมาจ้องเขม็งตรงหน้าคอมพิวเตอร์ต่อ ส่วนหูชิงชิงก็ตะโกนเรียนออกไปว่า ” รุ่นพี่ ” ด้วยน้ำเสียงเย็นชา และก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
หยางโปรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขานึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ หูชิงชิงก็แสดงท่าทางขุ่นเคืองอย่างแปลกประหลาดออกมา และยังโน้มเอียงไปทางโหดร้ายอีกด้วย พฤจิกรรมไม่ปกติก็ถือว่ายังไม่เป็นไร แต่หลิ่วมีดเดียวนี่นะสิเป็นอะไร ?
หยางโปเดินเข้าไป จากนั้นก็มองไปทางคอมพิวเตอร์ แล้วก็เห็นว่าหลิ่วมีดเดียวนั้นกำลังดูองค์หญิงกำมะลออยู่ ! เขากำลังดูหนังของฉยงเหยาอยู่ ชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งดูหนังของฉยงเหยาโศกเศร้าปลุกเร้าอารมณ์อยู่เนี่ยนะ !
ความแตกต่างที่เห็นอย่างชัดเจนนี้ ทำให้หยางโปอึ้งงันไปชั่วขณะ
” ทำไมเหรอ ? ฉันจะดูละครไม่ได้เลยรึไง ? ” หลิ่วมีดเดียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยางโปถึงกับเหงื่อเย็นออกมาในทันที ก่อนจะพยักหน้า ” ได้ ได้ครับ คุณจะทำอะไรก็ได้ครับ ! ศิลปะย่อมไร้พรหมแดนอยู่แล้ว ไม่ว่าศิลปะแบบไหน ก็ล้วนแล้วแต่จินตนาการได้ทั้งนั้น “
หยางโปยกยอปอปั้นไปทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางหูชิงชิงแวบหนึ่ง หรือว่าเขาต้องรับหูชิงชิงเป็นลูกศิษย์ หลิ่วมีดเดียวถึงได้อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ?
หยางโปทำได้เพียงแค่เดินไปทางหูชิงชิง จากนั้นหยางโปก็กระพริบตาปริบๆใส่หูชิงชิง ” เป็นอะไร ? “
” หลงเข้าซะแล้ว ! ” หูชิงชิงพูดเสียงต่ำออกมา
” ผละ ! ” หยางโปหลุดขำออกมาในทันที เขาคิดไม่ถึงว่าหลิ่วมีดเดียวปรมาจารย์ทางด้านแกะสลักผู้นี้จะมาเป็นแฟนตัวยงให้กับละครโทรทัศน์แบบนี้ได้
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจของหลิ่วมีดเดียว เขาจ้องเขม็งไปทางหยางโป ” หุบปาก อย่ามารบกวนฉัน ! “
หูชิงชิงกลอกตาไปมา จากนั้นก็ทำการแกะสลักต่อ
หยางโปก็หมดหนทาง ทำได้เพียงแค่นำผลงานของตัวเองออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็หยิบตำราที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาเปิดอ่าน
แต่ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ หยางโปจึงได้ยินเสียงโห่ร้องตะโกนออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เห็นว่าหลิ่วมีดเดียวได้ถอดหูฟังออกแล้ว จากนั้นก็หยิบผลงานการแกะสลักไม้ที่ตัวเองพามาชิ้นนั้นขึ้นมามองอย่างเหม่อลอย
ผลงานการแกะสลักไม้เป็นการแกะสลักของเขาในช่วงนี้ เขาไปซื้อไม้จากต้นลูกท้อที่ดูหยาบกระด้างจากในตลาดมาโดยเฉพาะและเริ่มลงมือแกะสลัก การแกะสลักภาพโป๊ยเซียนข้ามทะเลบนไม้ลูกท้อ ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ฝีมือการแกะลักของเขาจะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ในตอนที่แกะสลักนั้น ก็ใช้สมาธิและปัญญาไปมากทีเดียว !
เมื่อเห็นใบหน้าของหลิ่วมีดเดียวแสดงอาการตกใจออกมา หยางโปจึงอดที่จะแสดงความตื่นเต้นดีใจออกมาไม่ได้
” นายใช้เวลาฝึกฝนนานแค่ไหนในทุกวัน ? ” หลิ่วมีดเดียวมองไปทางหยางโป
” ประมาณ5-6ชั่วโมง ” หยางโปพูด
หลิ่วมีดเดียวจ้องเขม็งไปทางภาพนั้นสักครู่ สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา ” เอาละ นายไม่ต้องแกะสลักไม้อีกแล้ว ไปแกะสลักหยกเถอะ นายหยิบเอาหยกที่อยู่ตรงนั้นของฉันไปได้เลย ขัดเกลาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยลงมีแกะสลัก หลังจากที่แกะสลักเสร็จแล้ว ก็นำมาขายให้ฉันที่นี่ ! “
หยางโปแสดงอาการตื่นเต้นมาก เขาเข้าใจความหมายที่หลิ่วมีดเดียวพูดออกมา ระดับของเขาพัฒนาไปถึงระดับมาตรฐานแล้ว และถือว่าเขาออกงานได้แล้ว !
หูชิงชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็จ้องเขม็งไปทางกล่องใส่เครื่องเขียนนั้น ” อาจารย์ ไม่ยุติธรรมเลย อาจารย์เห็นแก่ตัว ทำไมหนูที่เรียนแกะสลักก่อนเขา แต่เขาดันได้ไปแกะสลักหยกแล้วละ ส่วนหนูกลับยังนั่งแกะสลักไม้อยู่เลย ? “
หลิ่งมีดเดียวมองไปทางหูชิงชิง เขานำกล่องใส่เครื่องเขียนนั้นยื่นออกไป ” นี่เป็นผลงานของรุ่นพี่เธอ เธอลองดูสิ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ดูสิว่าผลงานของพวกเธอทั้งสองของใครดีกว่ากัน ? “
หูชิงชิงเบะปาก ” ของหนูดีกว่า ! “
” เห็นอยู่จะๆก็ยังจะพูดโกหก ! ” หลิ่วมีดเดียวตำหนิ สักพักเขาก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า ” ตอนนี้เธอดูสิ ว่าของใครดีกว่ากัน ? “
หูชิงชิงชำเลืองมองดู จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยท่าทางหมดกำลังใจว่า ” ของเขาดีกว่านิดหน่อยเอง “
” เธอฝึกฝนแกะสลักไม้มา 6 ปีแล้ว บวกกับทักษะศิลปะของเธอก็สูงกว่า แต่ทำไมเธอถึงเทียบเท่าหยางโปไม่ได้ ? เป็นเพราะพรสวรรค์ ? ความขยัน ? หรืออะไรไหนเธอลองบอกสิ ” หลิ่วมีดเดียวจ้องมองไปทางหูชิงชิง
” ต้องเป็นพรสวรรค์สิ ! ” หูชิงชิงพุด
” แล้วความขยันละ ? ตอนนี้ฉันขอถามเธอสักหน่อย นอกจากที่ฉันแล้วนายได้กลับไปฝึกฝนที่บ้านบ้างไหม ? ” หลิ่วมีดเดียวถาม
ได้ยินแบบนั้นหูชิงชิงอึ้งก็งันไปในทันที