ตอนที่ 337 ขาข้างหนึ่งนั้น
หยางโปกระโดดเข้าไปก็รู้สึกจุกท้องเพราะว่าคาดการณ์ความลึกผิดไป ทำให้ไม่ทันเก็บแรงก็รู้สึกว่าสองขาสัมผัสบนพื้น
ไม่นาน ทั้งสี่คนก็รวมตัวกัน หยางโปมองสำรวจไปรอบด้าน มองเห็นทางออกที่อยู่ไม่ไกลสั้นลงเรื่อยๆ คล้ายจะไม่เหมือนกับเส้นทางที่คนงานขุดออกมา
อวี่เหวินรู้ความคิดของทุกคน จึงเอ่ยอธิบายเสียงเบาว่า ” เมื่อก่อนที่นี่เป็นแม่น้ำใต้ดิน ! “
ทุกคนหมอบซุ่มหลบอยู่ข้างใต้ รออยู่ครู่หนึ่ง รอจนตอนที่คนญี่ปุ่นมาตรวจสอบก็โยนโคลนขึ้นไปก้อนหนึ่งแล้ว ก็หันหลังจากไป
เมื่อเดินออกมาจากแม่น้ำใต้ดินที่แห้งขอด ไม่นานนักทุกคนก็เจอกับน้ำ โยนสัมภาระไม่จำเป็นบนตัวทิ้ง ทั้งสี่คนก็ลอบว่ายน้ำออกไปจากแม่น้ำใต้ดิน
หยางโปว่ายน้ำไม่คล่องเลย เขากลั้นลมหายใจอยู่ในน้ำได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกเวียนหัว คุณสมบัติของตัวหน้ากากกันแก๊สเองก็กันน้ำ เขาสามารถมองเห็นพวกลัวย่าวหัวว่ายอยู่ด้านหน้า คิดจะไล่ตามไปแต่กลับไร้เรี่ยวแรง
สมองมึนงงขึ้นเรื่อยๆ เรี่ยวแรงทั้งตัวก็เหนื่อยล้าขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เขารู้สึกกำลังจะหมดสติอยู่นั้น นัยน์ตากลับส่องประกายแสงเบาบางออกมา ประกายแสงส่องไปทั่วร่าง เขาก็รู้สึกมีพละกำลังที่ไร้สิ้นสุดขึ้นมา !
เร่งความเร็วไม่กี่ครั้ง ในที่สุดหยางโปก็ไล่ตามพวกลัวย่าวหัวทัน มองเห็นทั้งสามคนค่อยๆ หมดแรง หยางโปว่ายขึ้นไปดันลัวย่าวหัว ไหนเลยจะคาดว่าลัวย่าวหัวจู่ๆ จะมือไม้ปั่นป่วน ทุบไปที่ศีรษะของหยางโป !
หยางโปเห็นลัวย่าวหัวลอยขึ้นไปกับตาตนเองแต่ตนกลับจมลงไป เขาเงยหน้ามองก็เห็นประกายแสงด้านบน !
หยางโปรู้สึกว่าบนตัวยังมีกำลังไม่น้อย เขาพยายามว่ายขึ้นไป ถึงกับมองเห็นตาอ้วนหลิวก็จมลงไป จำต้องว่ายไปใต้เท้าของตาอ้วนหลิว ดันเขาว่ายขึ้นไป
ตาอ้วนหลิวก็เป็นคนที่ไม่รู้จักดีชั่ว สองขาเตะปัดป่ายไม่หยุด ถีบหน้าหยางโปหลายครั้ง หยางโปทุ่มแรงผลักดัน ดันตาอ้วนหลิวขึ้นไปอย่างยากลำบาก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าศีรษะตัวเองหนักอึ้ง เขาจมลงไปอย่างรวดเร็ว !
ตาอ้วนหลิวตัวแสบถึงกับถีบหัวของเขา !
หยางโปโบกมือ ตีคทาไปมา ตีไปบนน่องของตาอ้วนหลิว !
ลัวย่าวหัวว่ายอยู่บนผิวน้ำ รีบถอดหน้ากากกันแก๊สออก สั่นไปทั้งตัว หอบหายใจไม่หยุด
เสียง ” เคร้ง ! ” ดังขึ้น ลัวย่าวหัวหันหลังไปก็มองเห็นอวี่เหวินว่ายขึ้นมา อวี่เหวินก็ถอดหน้ากาก หอบหายใจเฮือกใหญ่
เสียง ” เคร้ง ” ดังขึ้น ครั้งนี้ลัวย่าวหัวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ใหญ่บนผิวน้ำ น้ำกระเพื่อมและตัวลอยขึ้นมา เขาหันหลังมามองก็เห็นตาอ้วนหลิวถอดหน้ากาก แล้วร้อง ” อ๊าอ๊า ” ออกมาจาก
” นายร้องทำห่าอะไร ? ” ลัวย่าวหัวบ่น
” ฉันถูกผีรัด เมื่อกี้มีผีตัวหนึ่งดึงฉันเอาไว้ เคราะห์ดีที่ถูกฉันถีบหนีไปแล้ว ท้ายสุดผีตัวนั้นถึงกับใช้กรงเล็บข่วนน่องของฉัน ฉันเจ็บแทบตาย ! ” ตาอ้วนหลิวร้องตะโกนโหวกเหวก
ลัวย่าวหันพลันชะงักไป ” นายพูดแบบนี้ ฉันเหมือนจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ผีตัวนั้นรัดฉันเอาไว้ ทั้งยังผลักฉัน แถมถูกผลักขึ้นมาข้างบนอีกด้วย ! “
กล่าวจบ ลัวย่าวหัวจ้องตาอ้วนหลิวเขม็ง ” เมื่อกี้เขาผลักฉันขึ้นนะ ! “
” ใช่ เขาเหมือนจะดันฉันด้วยล่ะ ! ” ตาอ้วนหลิวพยักหน้า
ทั้งสองโต้ตอบกันแล้วก็มองไปรอบด้าน ถึงกับไม่เห็นเงาของหยางโป ลัวย่าวหัวตกใจมาก เขาร้องตะโกนขึ้นมา ” หยางโป ! หยางโป ! “
” เร็ว พวกเราลงไปหา ! “
ตาอ้วนหลิวรีบสวมหน้ากากกันแก๊ส ว่ายลงไปในน้ำ
ในน้ำขุ่นคลัก มองเห็นแต่บริเวณสามสี่เมตรออกไป ว่ายอยู่พักหนึ่งก็มองไม่เห็นร่างของหยางโป ตาอ้วนหลิวจำต้องว่ายขึ้นมา !
รอจนลัวย่าวหัวกับอวี่เหวินขึ้นมา เขาก็รีบเอ่ยถาม ” เจอไหม ? หาเขาเจอไหม ? “
ลัวย่าวหัวส่ายหน้ารัว สีหน้าโศกเศร้ามาก ” หยางโปมากับพวกเรา ตอนนี้เขาหายไป แล้วนี่จะทำยังไง ? “
” พวกเราโทรกลับไปในประเทศทันที ให้ในประเทศส่งเอกสารมาก ให้รัฐบาลท้องถิ่นช่วยพวกเราตามหา ! ” ลัวย่าวหัวกล่าวอย่างขึงขัง
อวี่เหวินขมวดคิ้ว มองไปรอบด้าน ผิวทะเลสาบกว้างไกล คลื่นลมสงบ แสงอาทิตย์ตกดินส่องสะท้อนบนผิวน้ำระยิบระยับ !
ไม่มีเงาของหยางโปเลยเหรอ ?
ขณะที่ลัวย่าวหัวคิดจะว่ายไปริมทะเลสาบ ผิวทะเลสาบก็มีเสียง ” เคร้ง ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง
” ไอ้อ้วนน่าตาย ! อย่าเสียงดังขนาดนี้ได้ไหม ! ” ลัวย่าวหัวด่าออกมา
” โกรธขนาดนี้เลยเหรอ ! “
ลัวย่าวหัวพลันที่ได้ยินประโยคนี้ ที่กำลังจะโมโห เขาก็ชะงักนิ่งไป หันหลังไปมอง ทันใดนั้นก็ประหลาดใจขึ้นมา ” หยางโป ! ที่แท้นายก็ยังไม่ตาย ! “
ตาอ้วนหลิวก็มองไปอย่างยินดี !
อวี่เหวินตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกทึ่งกับหยางโปที่ดำน้ำได้นานขนาดนี้ !
ลัวย่าวหัวยื่นมือไปทุบหยางโปทีหนึ่ง ” นายทำอะไรเนี่ย ? “
หยางโปกลับหดตัว สำลักน้ำอึกหนึ่งแล้วก็ไออย่างรุนแรงออกมา !
” นายเป็นอะไรไป ? ” ลัวย่าวหัวพลันงุนงงทึ่มทื่อขึ้นมา
หยางโปยื่นมือออกมา ภายในน้ำสะอาด ถึงกับมองเห็นโซ่ทองเส้นหนาเท่าสี่นิ้วมือในมือของเขา !
” มาช่วยฉันดึงคนละเส้น ! ” ครู่หนึ่งหยางโปถึงได้มีการตอบกลับมา แล้วส่งโซ่ทองให้ทั้งสามคน
” นี่คืออะไร ? ” ลัวย่าวหัวเอ่ยถามอย่างประหลาดใจมาก
หยางโปหัวเราะ ” นายดึงขึ้นมาก็จะรู้ ! “
ลัวย่าวหัวมองในน้ำแวบหนึ่ง น้ำทะเลสาบใสกระจ่าง มองก้นทะเลสาบแล้วราวกับเรือลำเล็กลำหนึ่งได้อย่างเลือนราง
” ฟ้าจะมืดแล้ว ขึ้นไปบนฝั่งจะหนาวมาก พวกเรารีบหน่อยเถอะ ! ” อวี่เหวินเอ่ยเตือนอยู่ด้านข้าง
ทั้งสี่คนต่างดึงโซ่ทองคำไปทางฝั่งทะเลสาบ ว่ายอยู่ยี่สิบกว่านาทีถึงได้ขึ้นไปบนฝั่งได้ ขณะที่ทั้งสี่คนอ่อนล้าหมดแรง
ลัวย่าวหัวถึงได้หันหน้าไปมอง เห็นด้านหลังลากเรือโหลวฉวยลำเล็ก เขาก็ตกตะลึง ” รวยแล้ว รวยใหญ่แล้ว ! “
เรือโหลวฉวยตรงหน้ายาวแค่หนึ่งเมตร แต่กลับสูงสามสิบเซ็นติเมตร มีอยู่สามชั้น สร้างขึ้นจากทองคำทั้งลำ เมื่ออยู่ในน้ำแล้วก็รู้สึกหนักอึ้ง เวลานี้เมื่อมันมาอยู่บนผิวน้ำแล้ว ลัวย่าวหัวพยายามยกเรือโหลวฉวนขึ้นมา แต่กลับยกไม่ขึ้น !
ตาอ้วนหลิวก็ประหลาดใจมาก ” นี่นายไปได้มาจากไหน ? “
” ในทะเลสาบนี่แหละ ! นายถีบฉันทีหนึ่ง ขาข้างหนึ่งของฉันก็เลยไปเตะกับก้นทะเลสาบ ตอนที่ฉันล้มลงไปบนเรือ ! ” หยางโปเอ่ยอธิบาย
ได้ยินแบบนั้นตาอ้วนหลิวกลับสีมีหน้าอิหลักอิเหลื่อ ” ฉันยังคิดว่าเป็นผีพราย ! “
หยางโปสั่นระริก ” ตอนนี้พวกเราทำยังไงดี ? รถก็ไม่มี จะกลับไปยังไง ? “
เวลานี้อยู่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงอากาศหนาวของมองโกเลีย-ไซบีเรียก็ยังไม่สิ้นสุด อุณหภูมิภายนอกต่ำมาก เสื้อผ้าของทั้งสี่เปียกชุ่ม ถึงแม้สมบัติจะอยู่ตรงหน้า ทุกคนกลับไม่มีอารมณ์ไปสำรวจ ต่างพากันมองไปทางอวี่เหวิน
อวี่เหวินขมวดคิ้วขึ้นมา ” ทำได้แค่หาที่ผิงไฟแล้วล่ะ ! “
” ทางนั้นเหมือนจะมีกระโจม ! ” หยางโปชี้นิ้วออกไป
อวี่เหวินมองไปทางนั้น แต่มองไม่เห็น
” พวกเราฝังเจ้านี่เอาไว้ก่อน ไปค้างที่กระโจมสักคืน พรุ่งนี้ค่อยคิดหาวิธีเถอะ ! ” หยางโปกล่าว