ตอนที่ 197 อา
ขณะที่หยางโปจะกลับจีนช้าสักหน่อย แต่กุ้ยหรงจิ่วกับเหมยเฉาหนิงทั้งสองคนกลับรอไม่ไหวที่จะได้กลับจีน ทั้งสองคนจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวกับกู้ฉางชุ่นไปเรียบร้อยแล้ว
ตาอ้วนหลิวเห็นทั้งสองคนจะจากไป ก็เสียใจมาก รั้งพวกเขาอยู่นาน จนกระทั่งทั้งสองคนจะไปแล้ว ก็ยังถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะพูดว่า “ไม่สามารถร่วมงานกับอาจารย์ทั้งสองท่านได้ ช่างน่าเสียใจจริงๆ เลย!”
กุ้ยหรงจิ่วหัวเราะฮ่าฮ่า ปลอบว่า “ต่อไปยังมีโอกาสอีกมาก พวกเรากลับไปครั้งนี้ ถ้าทางนี้คุยกันเรียบร้อย ก็ยังสามารถที่จะกลับมาได้”
ตาอ้วนหลิวพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่า “งั้นก็ดีครับ ถึงตอนนั้นเอาไว้ค่อยว่ากัน”
หยางโปกับพวกกุ้ยหรงจิ่วและเหมยเฉาหนิงทั้งสองคนจากกันด้วยความจำใจอย่างอาลัยอาวรณ์ หลังอวยพรกันเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งทั้งสองคนขึ้นรถ
รถเพิ่งจะจากไป ตาอ้วนหลิวก็พูดอย่างอดรนทนไม่ได้ว่า “เร็วเข้า พวกเราไปพอทสดัมกัน!”
“พอทสดัม?” หยางโปประหลาดใจ
“แน่นอนว่าต้องไปหานักสะสมเชื้อสายจีนคนนั้นไงล่ะ เขาอยู่ที่พอทสดัม!” ตาอ้วนหลิวอธิบาย
พอทสดัมตั้งอยู่ที่ชานเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของเบอร์ลิน อยู่ที่ริมแม่น้ำฮาเฟิล เป็นที่ที่ใช้ในการประชุมพอทสดัมอันโด่งดังในปลายสงครามโลกครั้งที่สอง พอทสดัมที่เป็นเมืองหลวงเก่าถูกแม่น้ำเอลเบอ แม่น้ำฮาเฟิล ตลอดจนทะเลสาบและป่าไม้จำนวนมากรายล้อมอยู่
นั่งรถไฟความเร็วสูงจากเบอร์ลินไป ก็ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เมื่อทั้งสองคนมาถึงพอทสดัม ก็เรียกรถ ก่อนที่ทั้งสองคนจะตรงไปยังเขตชานเมือง
เขตเมืองของพอทสดัมครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยโรงแรม บ่อนพนัน เลานจ์ และศูนย์กลางค้า ในสวนสาธารณะใกล้ๆ กันนั้นมีน้ำพุ ทางเดินระหว่างแมกไม้ ม้านั่งยาว สุดสายตาเป็นพระราชวังกับซากปรักหักพัง
เมื่อมาถึงชานเมือง หยางโปจึงหันไปถามตาอ้วนหลิวว่า “อีกฝ่ายทำงานอะไรเหรอ?”
“นักสะสม” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปแปลกใจเล็กน้อย “เป็นนักสะสมอย่างเดียวเลยเหรอ?”
“ได้ยินว่าเป็นอย่างนั้น แต่ฉันคิดว่าเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยนะ ในจีนที่เป็นนักสะสมเพียงอย่างเดียวก็พบเห็นได้ไม่มาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่สะสมวัตถุโบราณของจีนในต่างประเทศ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
“ก็พูดได้ว่า คุณเองก็ไม่รู้จักอีกฝ่ายเหมือนกัน?” หยางโปมอง
ตาอ้วนหลิวชะงักกึก ผงกศีรษะอย่างเก้อๆ “จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ทั้งหมด ฉันรู้ข้อมูลมานิดหนึ่ง คนคนนั้นเมื่อสมัยปี 80 ได้มาทำงานเป็นพ่อครัวอยู่ที่เยอรมัน หลังทำงานอย่างหนักอยู่หลายปี ก็ได้เปิดห้องอาหารเป็นของตัวเองร้านหนึ่ง จากนั้นกิจการก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเปิดสาขาอีกสองสาขา”
“หลังจากเปิดสาขาแล้ว เขาก็ยกกิจการให้ลูกชายดูแล ส่วนตัวเองก็มีเวลาว่าง จึงเริ่มสะสมของ พูดไปแล้ว เขาก็สะสมของมาแค่สิบกว่าปี แต่ของที่สะสมไว้ก็มีมากกว่าพันชิ้นแล้ว!”
หยางโปประหลาดใจเป็นอย่างมาก มีแต่คนในวงการเท่านั้นถึงจะเข้าใจ จำนวนเป็นพันชิ้นนี้ถ้าจะให้พูดแล้ว ก็เป็นจำนวนที่นับว่ามาก เขาหันไปมองตาอ้วนหลิว เห็นใบหน้าเขาปรากฏรอยยิ้ม จึงถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ในเมื่อคุณรู้ข้อมูลพวกนี้ดีแล้ว แล้วอีกฝ่ายชื่อว่าอะไร?”
“หลิวเจียจวิ้น” ตาอ้วนหลิวบอก
หยางโปชะงัก “เขามีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณ?”
“นับไปแล้ว แม้พวกเราจะไม่ได้อยู่ในผังตระกูลห้ารุ่น แต่ก็นับว่าเป็นอาคนไกลนั่นแหละ” ตาอ้วนหลิวอธิบาย
หยางโปยิ้ม “อาคนไกล ก็ไม่แปลกที่คุณจะติดต่อนักสะสมในเยอรมันได้ทั้งหมด สุดยอดจริงๆ!”
ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น รถก็หยุดลง จ่ายเงินค่ารถเรียบร้อย เมื่อหยางโปลงจากรถก็เห็นวิลล่าสีขาวขนาดเล็กหลังหนึ่งอยู่ไม่ไกล วิลล่าเล็กกระทัดรัดมีรสนิยม ภายนอกล้อมด้วยรั้วไม้สีขาว ในลานบ้านปลูกผลไม้เอาไว้ และยังมีแปลงผักอีกด้วย
ตาอ้วนหลิวหยิบมือถือออกมาโทร ไม่นาน ก็มีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากวิลล่า คนที่มาอายุหกเจ็ดสิบปี ผมสีขี้เถ้า
ตาอ้วนหลิวรีบเข้าไปทักทาย กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “คุณคืออาเจียจวิ้น?”
หลิวเจียจวิ้นจ้องมองตาอ้วนหลิว ประหลาดใจเล็กน้อย “เธอคือลูกของเจียชาง?”
ตาอ้วนหลิวรีบพยักหน้า “อาครับ เป็นผมเอง!”
หลิวเจียจวิ้นพลันสวมกอดตาอ้วนหลิว น้ำตาไหลออกมา
หยางโปมองเหตุการณ์ตรงหน้า รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ดูจากท่าทางที่หลิวเจียจวิ้นแสดงออกมา ก็คงเป็นเพราะไม่ได้กลับบ้านมานานหลายปี ตาอ้วนหลิวพาเขามา หรือว่าจริงๆ แล้วมาเยี่ยมญาติกันแน่?
ผ่านไปครู่ใหญ่ ทั้งสองคนถึงได้หยุดร้องไห้ หลิวเจียจวิ้นมองมาทางหยางโป แล้วหันไปมองตาอ้วนหลิว “ท่านนี้คือ?”
“เขาเป็นเพื่อนสนิทของผมเอง เขามากับผมเองครับ” ตาอ้วนหลิวอธิบาย
หลิวเจียจวิ้นพยักหน้า พยักเพยิดไปทางในบ้านแล้วบอกว่า “รีบเข้าไปเถอะ วันนี้พวกเธอมากันได้ ฉันดีใจมากเหลือเกินจริงๆ จนลืมเชิญพวกเธอนั่ง พวกเธอรีบนั่งเร็ว ฉันจะรินน้ำให้พวกเธอ”
หลิวเจียจวิ้นต้อนรับทั้งสองคนอย่างอบอุ่น ในบ้านไม่มีใครอื่น หลังคุยกันหลายประโยค ตาอ้วนหลิวถึงเอ่ยปากขึ้นมา “อาครับ ก่อนที่พวกเราจะมาที่นี่ มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าทางอาทำธุรกิจค้าวัตถุโบราณ ผมขอรูปจากเขา แล้วก็ถามที่บ้าน ถึงรู้ว่าอาอยู่ที่นี่!”
หลิวเจียจวิ้นยิ้ม “ทำธุรกิจค้าวัตถุโบราณอะไรกัน แค่หลายปีมานี้ฉันสะสมของไว้เล็กน้อยเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยขายไปเท่านั้นเอง”
“งั้นให้พวกผมดูหน่อยได้ไหมครับ? ผมเองก็ทำธุรกิจนี้ที่จีนเหมือนกัน” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หลิวเจียจวิ้นประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาทันที “งั้นก็ดีเลย หลายปีนี้ฉันสะสมอยู่คนเดียว ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญของเยอรมันมาน้อยมาก คาดไม่ถึงว่าจะพบคนชำนิชำนาญในคนรุ่นหลังได้ พวกเรามาคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันเถอะ!”
“แน่นอนครับ” ตาอ้วนหลิวยิ้มพลางกล่าว
แม้จะเลื่องชื่อว่ามีของสะสมนับพันชิ้น แต่ห้องสะสมของของหลิวเจียจวิ้นไม่ได้ใหญ่โตเลยแม้แต่น้อย ใช้ห้องนอนเพียงห้องหนึ่งเท่านั้น ที่ผนังสี่ด้านติดตั้งตู้ติดผนัง และวางวัตถุโบราณเอาไว้ด้วยกัน มองแค่แวบเดียวก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เมื่อก่อนปู่ของฉันเปิดโรงจำนำ ตอนฉันยังเด็กจำได้แม่นยำเป็นพิเศษว่าเห็นปู่หิ้วโถใบหนึ่งอยู่บ่อยๆ เอาไปแลกเงินกลับมาไม่กี่หยวน ตอนนั้นฉันนอนคว่ำดูอยู่ที่พื้นโรงจำนำ ล้วนเป็นเครื่องเคลือบชนิดนี้” หลิวเจียจวิ้นอธิบาย
ตาอ้วนหลิวพยักหน้าอยู่ด้านข้าง “ผมเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน ปู่ของอาเปิดโรงจำนำ แต่ตอนหลังก็ปิดไป”
หลิวเจียจวิ้นยิ้ม “ตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็ได้พบสถานที่ที่ทำให้คนแปลกใจและดีใจอย่างยิ่งที่หนึ่ง เป็นถนนเส้นหนึ่งที่อยู่ข้างถนนคนเดินและศาลาว่าการพอทสดัม ที่นั่นมีร้านขายวัตถุโบราณกับร้านขายแสตมป์และเงินสะสมอยู่ทุกหนทุกแห่ง”
“ตอนนั้น ฉันยังทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร ทำหน้าที่ล้างจาน ทุกเดือนจะได้เงินเดือน 1,200 มาร์ค หรือประมาณ 840 ดอลล่าร์ ค่าจ้างในจีนของฉันนั้นได้แค่สามสิบห้าหยวนเท่านั้น ค่าจ้างก้อนแรกที่นี่สำหรับฉันแล้วจึงถือเป็นเงินจำนวนมหาศาล ตอนฉันได้เงินก้อนแรกมา ก็เอาไปซื้อเครื่องเคลือบโบราณใบหนึ่งทันที จ่ายไป 1,090 มาร์ค จากนั้นก็หยุดซื้อไม่ได้เลย”
“ที่สะสมไว้ทั้งห้องนี้ ก็เป็นของที่ฉันจ่ายเงินหลายแสนดอลล่าร์ซื้อมา ทั้งเครื่องเคลือบสมัยหมิงชิง ทั้งที่มาจากเตาเผาที่ขึ้นชื่อทั้งห้าในสมัยราชวงศ์ซ่ง แม้แต่ถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่วแห่งราชวงศ์หมิง ฉันเองก็มีอยู่ที่นี่ใบหนึ่ง!”
หยางโปมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตะลึง เขามองไปทางหลิวเจียจวิ้น ในใจคิดว่า หรือว่าคนคนนี้เองก็มีพลังพิเศษเหมือนกันกับเขา มีเพียงอย่างนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถใช้เงินหลายแสนหาช่องซื้อสมบัติมาในราคาต่ำได้มากขนาดนี้
ใบหน้าตาอ้วนหลิวกลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม มองไปทางหยางโป ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
หยางโปไม่เข้าใจความหมายของตาอ้วนหลิวแม้แต่น้อย หลิวเจียจวิ้นกลับยิ่งพูดยิ่งคึก “ช่วงนี้ฉันดูข่าวมา มีนักสะสมชาวเยอรมันจะขายถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่ว แถมเรียกราคาสูงตั้งสามร้อยล้านหยวน สวรรค์ ชิ้นนี้ของฉัน อย่างน้อยก็ต้องขายได้สี่ร้อยล้านหยวน!”