ตอนที่ 351 กำลังจะเปิดกิจการ
ซ่งฉีหู่เหลือบมองหลี่หมิ่น แล้วหันหลังเดินเข้าไปในห้องนอน ปากแกล้งทำทีตะโกนว่า ” ซ่งห้าวซวน แกกินดีหมีหัวใจเสือมารึยังไง ? ทำไมถึงกล้าก่อเรื่องใหญ่โตแบบนี้ได้ ? หา ? “
ซ่งห้าวซวนเดินออกมาข้างนอกแล้ว รอบด้านก็สงบลง เขาก็ได้ยินคำพูดของบิดาตน ทันใดนั้นเขาก็ตกใจกลัวจนเหงื่อท่วม ” เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? “
กล่าวจบ ซ่งห้าวซวนก็เล่าเรื่องตนเองเมื่อบ่ายไปรอบหนึ่ง
ซ่งฉีหู่ตกใจมาก ” ป้าของแกมาถึงนี่แล้ว บอกว่าแกส่งคนไปตีลุงเขยของแก ! คนที่ไปทาสีน้ำมันพวกนั้นใช่ไหม ? “
” อาจจะเป็นไปได้นะครับ ” ซ่งห้าวซวนกล่าว เขาร้อนใจขึ้นมา ” พวกเขาตีลุงเขย ถ้างั้นจะทำยังไงดีล่ะ ! “
” ช่วงนี้แกไม่ต้องกลับมานะ ” ซ่งฉีหู่เอ่ยเสียงต่ำประโยคหนึ่ง วางสายแล้วจากนั้นก็เสียงดังขึ้นมาว่า
” ไอ้เจ้าลูกไม่รักดี ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ? คนอื่นติดหนี้แก แกไปเอามาตรงๆ ก็พอแล้ว ทำไมต้องทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ? อย่าบอกนะว่าแกไม่กลัวคลอดลูกมาไม่มีก้น ? “
หลี่หมิ่นนั่งอยู่ในห้องรับแขก ได้ยินซ่งฉีหู่พูดแบบนี้ออกมาทันใดนั้นก็ชะงักไป จากนั้นก็ด่าขึ้นมาว่า
” ไอ้หน้าด้าน แกด่าลูกแบบนี้ได้ยังไง ! “
ซ่งฉีหู่รีบวิ่งออกมา ” ห้าวซวนก่อเรื่องจริงๆ ! “
หลี่หมิ่นแค่นเสียง ” เขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ? “
” ฉันจะให้เขากลับมาตอนนี้เลย ! ” ซ่งฉีหู่ตอบโกหกออกไป
….
วันต่อมา หยางโปก็กลับมาถึงจินหลิง มีแค่อยู่ที่นี่ถึงจะทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ อยู่ที่เมืองหลวงมักจะทำให้เขารู้สึกอยู่ไม่สุข
เมื่อเขาเปิดประตูใหญ่ของร้าน ปัดกวาดร้านรอบหนึ่ง ลูกค้าเก่าแก่ก่อนหน้านี้บางคนก็ค่อยๆ เริ่มเข้ามาสนทนากับหยางโป
” เถ้าแก่หยาง ไม่เจอกันนานเลยนะ ! “
หยางโปก็เอ่ยทักทาย ” เหล่าหลี่ ไม่เจอกันนานเลย “
” เถ้าแก่หยางช่วงนี้ยุ่งอะไรอยู่ล่ะ ? “
” ไปทั่วน่ะ ไปๆมาๆ อยู่ในเมืองจินหลิงตลอดก็ไม่ได้ทำการค้ามากเท่าไหร่ “
” ช่วงนี้มีของใหม่อะไรไหม ? “
” เฮ้อ เหล่าหลี่ ครั้งนี้ต้องขออภัยจริงๆ ผมไม่ได้เอาของใหม่อะไรกลับมาด้วยเลย “
” ไม่เป็นไร แต่ครั้งหน้าที่คุณออกไป จะให้ดีก็เอามาหลายชิ้นหน่อย ให้พ่อค้าท้องที่อย่างพวกเราได้เปิดหูเปิดตาบ้าง “
” ได้เลย ! “
เหล่าหลี่เป็นลูกค้าประจำ มองภายในร้านอยู่พักหนึ่ง ก็เอ่ยลากับหยางโปแล้วจากไป
มีลูกค้าแปลกหน้าบางคน เข้ามาดูของภายในร้านหยางโปรอบหนึ่ง ” เถ้าแก่ เครื่องลายครามนี้ของคุณไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม ? “
” ไม่ใช่แน่นอน “
” ชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ ? “
….
ตอนที่หยางโปมองเห็นลัวย่าวหัว เขากำลังตกแต่งสถานที่ก่อสร้าง การตกแต่งพื้นที่ของโรงประมูลดำเนินไปมากกว่าครึ่งแล้ว ถึงขนาดชั้นหนึ่งตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลัวย่าวหัวกำลังทำความสะอาด
มองเห็นหยางโปเดินเข้ามา ลัวย่าวหัวก็บ่นขึ้นมาทันที ” รีบมาช่วยเร็วเข้า ! ฉันเหนื่อยจะตายแล้ว ! “
หยางโปมองภาพอันวุ่นวายรอบด้าน พนักงานก่อสร้างกำลังทำความสะอาด ลัวย่าวหัวก็ถือผ้าขี้ริ้วเดินเช็ดไปทั่ว
” นายยังจะทำอะไรอีก แค่สั่งการเอาก็พอแล้ว นายคิดจะเปิดกิจการเมื่อไหร่ละ ? ” หยางโปมองมา
ลัวย่าวหัวได้ยินก็ยังคงถือผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะเก้าอี้ พลางตอบ ” ชั้นหนึ่งนี่ตกแต่งเสร็จแล้วก็ให้พวกเขาย้ายเข้ามาทำงานก่อน จากนั้นก็จะเตรียมงานเปิดกิจการช่วงแรก ชั้นล่างอีกสักสิบวันครึ่งเดือนก็ทำเสร็จหมดแล้ว ชั้นล่างเป็นห้องประชุม ห้องจัดแสดงเล็ก ห้องประมูลเล็ก ยังไม่ได้รีบใช้ “
หยางโปพยักหน้า ” นี่ก็คือเอางานช่วงแรกมาทำก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการ แล้วมีอะไรให้ฉันช่วยไหมละ ? “
หยางโปมองไปรอบด้าน เอ่ยตามมารยาทไปประโยคหนึ่ง ในสายตาของเขาแล้ว ช่วงแรกเขาช่วยอะไรไม่ได้มาก
ลัวย่าวหัวกลับตอบกลับทันที ” ต้องให้นายทำงานอยู่แล้ว เดิมทีฉันคิดว่าจะคุยเรื่องนี้กับนาย ฉันหาผู้ดูแลรายการ ” ประเมินสมบัติ ” ที่สถานีโทรทัศน์กลางมาแล้ว โรงประมูลจินหลิงชุนของเราจะวางโฆษณาช่วงหนึ่งในรายการประเมินสมบัติ ทีมงานรายการก็จะมาถ่ายทำที่จินหลิงช่วงหนึ่ง ถึงตอนนั้นนายต้องไปเป็นผู้เชี่ยวชาญนะ ! “
” ฉันต้องไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ ? ” หยางโปตกใจมาก
” ใช่ ก็ให้นายไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทางนั้นช่วงนี้มีผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งไม่ว่าง นายก็ไปแทนหน่อย จะได้โฆษณาโรงประมูลของพวกเราไปด้วยเลย ” ลัวย่าวหัวเอ่ยพลางหัวเราะคิกๆ
” ถ้างั้นฉันใช้ฐานะอะไรเข้าร่วมล่ะ ? “
” ต้องเป็นหัวหน้านักประเมินของจินหลิงชุนอยู่แล้วสิ ! “
หยางโปรู้สึกตกใจกับแผนการใหญ่โตของลัวย่าวหัว แต่คิดดูแล้วการโฆษณานี้ก็แม่นยำจริงๆ ยังไงซะก็ได้ดูรายการนี้ทุกวันแถมยังได้เพื่อนสมบัติมาอีกด้วย หยางโปจึงไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อลัวย่าวหัวจัดการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก โรงประมูลยังไงก็เป็นของเขาครึ่งหนึ่ง
หยางโปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่จิ่งเฉิงช่วงนี้กับลัวย่าวหัวไปรอบหนึ่ง
ลัวย่าวหัวพลันโมโหทันที ” ซ่งห้าวซวนมันนับเป็นตัวอะไร ? นายไม่ต้องสนใจ ฉันช่วยสืบมาให้นายเรียบร้อยแล้ว นายผู้เฒ่าตระกูลซ่งตายไปแล้ว พ่อของซ่งห้าวซวนก็ทำธุรกิจ ธุรกิจของเขาไม่นับว่าใหญ่เท่าไหร่ ส่วนมากก็เป็นการซื้อมาขายไป ได้กำไรไม่มาก สินทรัพย์อย่างมากก็สักร้อยล้านหยวนเท่านั้น ! “
หยางโปพยักหน้า ” ก็ไม่ได้มากนักนะ “
” แต่ตระกูลชุยก็ไม่ใช่ตัวดีอะไร นายเจอเรื่องแบบนี้สองครั้งแล้ว ตระกูลชุยก็ไม่ช่วยออกหน้าให้นาย มันน่าผิดหวังจริงๆ ! แต่ว่าขอเพียงนายกลับไปตระกูลชุย บางทีคนตระกูลซ่งจะวิ่งเต้นอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ? ” ลัวย่าวหัวเอ่ยโน้มน้าว
หยางโปรู้ว่าลัวย่าวหัวหวังดีต่อเขา อยากให้เขานับญาติมาโดยตลอด เขาพยักหน้า ” นายผู้เฒ่าตระกูลชุยจัดงานเลี้ยงวันเกิดเดือนหน้า ฉันได้ตอบรับไปแล้ว “
ลัวย่าวหัวหันหลังมามอง ” จริงเหรอ ? “
หยางโปพยักหน้า ” อื้ม “
ลัวย่าวหัวดีใจ ” งั้นก็ดี งั้นก็ดี ต่อไปนายก็จะมีเส้นสายที่เมืองหลวงแล้ว ! “
” นั่นก็ไม่แน่นะ ” หยางโปส่ายหน้า
” ไม่แน่ ? นั่นนายไม่เข้าใจอิทธิพลในสายทหารของคุณปู่นาย อย่าเห็นว่าพ่อซังกะบ๊วยของนายกับคุณลุงใหญ่ตอนนี้ตำแหน่งไม่สูง นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขายังเด็ก ! นายพลตอนอายุหกสิบ ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่มาสี่ปีแล้ว แค่อยู่ในการทำเรื่องเท่านั้น ฉันได้ยินมาว่าไม่นานเขาก็จะเลื่อนขั้นแล้ว ! “
” นายผู้เฒ่าตระกูลชุยเป็นใคร ? ปีนั้นได้จัดอยู่ลำดับสามของบุคคลทรงอิทธิพล แถมยังเป็นนายพลสมัยสร้างประเทศ ฐานะแบบนี้จะยังไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงได้ยังไง ? “
ลัวย่าวหัวมองหยางโป ท่าทีราวกับอยากลองทำอะไรสักอย่าง
หยางโปส่ายหน้ายิ้มขื่น ” ดูท่าทีของนายแล้ว ราวกับอยากไปนับญาติมาก ถ้ายังงั้นนายไปไหมล่ะ ? “
” อย่า อย่า อย่าทำแบบนี้ ตาแก่บ้านฉันมีลูกคนเดียว ต่อไปยังต้องอาศัยฉันสร้างทายาทสืบสกุล ถ้าหากฉันไปจริงๆ เขาจะไม่ตีฉันตายเหรอ ! ” ลัวย่าวหัวส่ายหน้าทันที
” พูดถึงเรื่องสร้างทายาทสืบสกุล เขากลับคิดถึงเรื่องหนึ่ง ครั้งก่อนนายไปดูตัว สุดท้ายแล้วเป็นยังไงบ้างละ ? ” หยางโปเอ่ยถาม