ตอนที่ 361 เคาะประตู
ทั้งสองคนเคยติดต่อสาขาธนาคารต่างประเทศทางโทรศัพท์เอาไว้แล้ว แต่ระหว่างทางการจราจรติดขัดมากจนต้องจอดรถบนถนนเป็นเวลาเกือบยี่สิบนาที นี่ทำให้พวกเขาเป็นกังวล เพราะธนาคารจะปิดในเร็วๆ นี้แล้ว !
ลัวย่าวหัวนั่งอยู่ในรถและรู้สึกเบื่อเล็กน้อย เขาหันไปมองหยางโป เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับเหตุผล คราวนี้พวกเขาเอาตราหยกสืบบัลลังก์ หยกสีเขียว ฉิน(เป็นเครื่องดนตรีจีนประเภทเคาะหรือตีโบราณ)และรวมไปถึงหินเที่ยนฮวงซือ เรือทองคำและทองคำแท่งที่เหลือทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ในที่ปลอดภัย
” นายจะพูดว่า เรือทองคำมันจะทำให้พวกเรามีเคราะห์เหรอ ? ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปกอดตราหยกสืบบัลลังก์ หยกฉิน(เป็นเครื่องดนตรีจีนประเภทเคาะหรือตีโบราณ)และรวมไปถึงหินเที่ยนฮวงซือ ในกระเป๋าเสื้อของเขา
ในใจนั้นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ร้อยครั้งพันครั้ง เมื่อได้ยินคำถามของ ลัวย่าวหัวแบบนี้เขารีบหันกลับมากล่าว ” ไม่มีทางที่จะมีเคราะห์หรอก ! “
” ฉันคิดๆดูแล้ว มันอาจจะไม่ซับซ้อนขนาดนั้น ! สถานการณ์ตอนนี้คือมีคนที่สนใจในตราหยกสืบบัลลังก์นี้ ทำไมกัน ? ไม่รู้ว่านายคิดอะไรหรือเปล่า ? “หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวตกใจกะทันหัน จนกระทั่งรถวิ่งตามมาข้างหลังบีบแตรใส่ เขาเลยขับรถไปข้างหน้า ” ใช่ ! นายพูดถูก ! ตราหยกสืบบัลลังก์เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจในสมัยโบราณ การได้รับตราหยกสืบบัลลังก์นั้นเทียบเท่ากับการได้รับสถานะดั้งเดิมและเป็นสัญลักษณ์ของการได้รับคำบัญชาจากสวรรค์ ! ก็พูดได้ว่ามีคนที่ต้องการสะสมตราหยกสืบบัลลังก์นี้ ไปเป็นของส่วนตัวรึเปล่า ? “
หยางโปพยักหน้า ” นั่นเป็นคำพูดเดียวกันกับพ่อของนายที่เคยพูดทางโทรศัพท์มาก่อน และคน คนนั้นจะต้องมีสถานะที่ใหญ่โตมากแน่ๆ ! “
ลัวย่าวหัวเงียบไปเล็กน้อยและเขาก็เข้าใจดีว่าคนที่จะสามารถทำได้ขนาดนั้น ก็บ่งบอกว่าพื้นเพอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดาอย่างชัดเจน กระแสซุบซิบตอนนี้ พวกเขายังไม่ได้ยืนยัน เมื่อได้รับการยืนยันก็ต้องเป็นเรื่องน่าตกตะลึง !
” พวกเราจะทำยังไงต่อไปดี ? ” ลัวย่าวหัว รู้สึกกังวลขึ้นมา
” หนวกหู ! ” หยางโปกอด ตราหยกสืบบัลลังก์ พูดอย่างขาดความรับผิดชอบ ” ฉันไม่เคยได้ยินว่าสมบัติของใครจะบังคับให้มอบแก่ผู้มีอำนาจสูงกว่า คราวนี้เราจะต้องยืนหยัดที่จะทนต่อแรงกดดันให้ได้ ! “
ลัวย่าวหัวมองไปที่หยางโปด้วยความลังเลเล็กน้อย ” นายจะทนไม่ไหวเอานะ ? “
” ไม่ไหวก็ต้องไหว ! ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวลังเลเล็กน้อย เขาขับรถมาได้ครึ่งทางแล้วกล่าวเสียงเบาๆ ” ยังไงซะครอบครัวของเราทั้งหมดอยู่ในระบบ ! ฉันกลัวว่าจะมีแรงกดดันมากเกินไป ถ้าที่ฉันพูด หากว่าฉันทนไม่ได้ ฉันจะโอนตราหยกสืบบัลลังก์ ให้กับนายไปฟรีๆเลย พี่น้อง มันขึ้นอยู่กับนายแล้ว ! “
หยางโปตกใจมาก เขาหันไปมอง พบว่าลัวย่าวหัวสีหน้าเผือดซีด ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้า มองเห็นโทรศัพท์มือถือในมือของอีกฝ่าย หยางโปรีบหยิบมันขึ้นมาแล้วเห็นข้อความนั้น มีแค่ประโยคสั้นๆ ว่า ” แรงกดดันมากเกินไป เลิกเถอะ ! “
หยางโปถอนหายใจแล้วตบไหล่ของลัวย่าวหัว ” นายเป็นพี่น้องที่แสนดีแล้ว ! “
ในขณะที่คุยกัน พวกเขาก็มาถึงหน้าประตูธนาคาร หยางโปเอากล่องตราหยกสืบบัลลังก์ไว้ในอ้อมแขนของเขา เมื่อเห็นว่าประตูธนาคารกำลังปิดเขารีบไปข้างหน้า ” เฮ้เฮ้ ! อย่าปิดประตูเรามานัดหารือธุรกิจ ! “
” ไม่ได้ ไม่ได้ เราต้องปิดแล้ว ! คุณค่อยมาพรุ่งนี้ ! ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังปิดประตู พูดอย่างกระตือรือร้น
หยางโปรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกำลังจะโทรหาผู้จัดการธนาคารที่เขาติดต่อมาก่อน ลัวย่าวหัวตะโกนว่า ” มันสายเกินไปแล้วไป พวกเราไปกันเถอะ ! “
หยางโปยังไม่ตอบสนอง แต่ถูกลัวย่าวหัวดึงออกไป เมื่อเขาหันหลังกลับ เห็นว่าที่หลังรถของพวกเขามีรถจอดอยู่ไม่ไกล ชายสี่ห้าคนสวมเสื้อผ้าสีดำลุกออกมาจากรถแล้วเดินเข้ามาหาพวกเขา !
พวกเขาเห็นแบบนั้นก็วิ่งไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนขับรถหนีไป !
ในเวลานี้หยางโปรู้สึกกระวนกระวายมาก ” พวกมันชั่งกล้ามาก ที่กล้ามาปล้นกลางวันแสกๆ ! “
ลัวย่าวหัวลังเล ” ฉันกลัวว่ามันจะยากขึ้นไปอีก ! “
หยางโปตบไหล่ของลัวย่าวหัว ” คนตายอยู่บนท้องฟ้า ไม่ตายเป็นหมื่นๆ ปี ! ในเมื่อเราอยู่บนเส้นทางนี้จึงไม่มีอะไรน่ากลัว ! “
ลัวย่าวหัวลังเลเล็กน้อยและไม่มีปฏิกิริยาอะไร
รถรับส่งท่ามกลางการจราจร ท้องฟ้าก็เริ่มมืด
” นายไม่ควรกลับไปที่ห้องเช่าคืนนี้ มันไม่ปลอดภัยที่จะอยู่คนเดียว ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปลังเล ” ไม่น่าจะเป็นอะไร ? ตอนนี้พวกเขายังไม่แน่ใจ อย่าบอกนะว่าพวกเขาจะแย่งไปตรงๆ
ลัวย่าวหัวคิดแล้วคิดอีกแล้วก็พยักหน้า ” ก็จริง อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่แน่ใจ ! “
หยางโปหันกลับมามองที่ลัวย่าวหัว ” นายน่าจะรู้ว่าเขาเป็นใครนะ ? “
ลัวย่าวหัวลังเล ” เขาคือรัฐมนตรี ! “
หยางโปรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและหันไปมอง คนนี้ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน !
พวกเขาจอดรถอยู่ชั้นล่าง หยางโปกลับมาที่ห้องโดยถือตราหยกสืบบัลลังก์เอาไว้ และล็อคเอาไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกันและรถที่ตามพวกเขามาออกนอกประตูไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีลูกไม้อะไรอีก !
หยางโปชงชา เขาจ้องมองที่น้ำร้อนจากกาน้ำ เขาตะลึงทันที่ จู่ๆ เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น
พบว่า ลัวย่าวหัวสะดุ้งนั่งตัวตรง หยางโปรู้สึกถึงแรงกดดันที่เขามีอยู่ !
เมื่อเขาเดินมาถึงประตู หยางโปมองผ่านช่องตาแมวแล้วก็พบว่า บุคคลนั้นเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ เลยเปิดประตู
หยางโปวางมือบนกรประตูแล้วมองเจ้าของบ้าน ” มีธุระอะไรรึเปล่า ? “
พวกเขาเคยพบกันมาก่อน เจ้าของบ้านมองไปที่ หยางโปและรู้สึกอับอาย ” คุณหยาง งานของผมจะถูกย้ายกลับในไม่ช้า ผมต้องการย้ายกลับมา คุณคิดว่าต้องการย้ายออกเมื่อไหร่ ? “
” ผมค้างค่าเช่าคุณรึเปล่า ? ” หยางโปถาม
เจ้าของบ้านตกใจและส่ายหัว ” ไม่นะ “
” ผมติดหนี้ค่าสาธารณูปโภครึเปล่า ? ” หยางโปถามอีกครั้ง
เจ้าของบ้านยังคงส่ายหัว ” ก็ไม่มีนะ “
” แล้วเราเซ็นสัญญามานานแค่ไหน ? ” หยางโปถาม แต่เขาไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตอบและกล่าวต่อว่า ” ในเมื่อผมไม่ได้เป็นหนี้ค่าธรรมเนียมใดๆ สัญญาของเราจึงไม่สิ้นสุด คุณอาศัยอะไรมายึดห้องคืน ? “
พูดจบ ” ปัง ” หยางโปก็ปิดประตูอย่างแรง !
” ใช้วิธีการทุกอย่างไม่ได้ก็เอาด้วยเลห์กลจริงๆ ” หยางโปส่ายหัว
ลัวย่าวหัวมองดูแล้วกัดริมฝีปาก ” ฉันกลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้น “
หยางโปกลับเข้ามาโดยไม่ทันได้นั่งลงและได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้ง เขาเดินไปที่ประตูและมองออกไปด้านนอกเห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนเดินตามหลังเจ้าของบ้านมา เขาเปิดประตู
เจ้าของบ้านตะโกนใส่หยางโป ” ผมต้องการทำลายสัญญา ผมสามารถจ่ายค่าเช่าให้คุณได้หนึ่งเดือน ! “
หยางโปจ้องที่อีกคนหนึ่ง ” ผมไม่ยอมฉีกสัญญา ! “
” ปัง ” หยางโปปิดประตูอีกครั้ง
เจ้าของบ้านก็โกรธมาก เขาใช้กุญแจสำลองไขประตูต้องการเปิดประตูนิรภัย สุดท้ายเขาก็ต้องรู้สึกผิดหวังเพราะเขาไม่สามารถเปิดประตูได้ หยางโป เปลี่ยนตัวล็อคประตูนิรภัยแทนที่แล้ว !
หยางโปเดินกลับและกำลังจะนั่งลงเขาได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้ง