ตอนที่ 199 กลับใจ
ตาอ้วนหลิวยิ้มพลางพูดว่า “จริงเหรอครับ ในที่สุดอากับอาสะใภ้จะสวมเครื่องแบบเต็มยศกลับบ้านเกิดแล้ว!”
หญิงชราโบกมือ “ใช่ที่ไหนกันๆ!”
พูดแล้ว หญิงชราก็ชี้ไปที่หลิวเจียจวิ้นก่อนกล่าวว่า “ตาเฒ่าเป็นอะไรไปน่ะ?”
หลิวเจียจวิ้นโบกมือไปมา กุมหน้าอก ผ่านไปครึ่งวันถึงจะคำรามเสียงต่ำออกมาได้หนึ่งคำ “ถูกยั่วโมโห!”
หญิงชราสีหน้าเปลี่ยน มองไปทางพวกหยางโปทั้งสองคน
ไม่รอให้เธอเปิดปาก หยางโปก็เอ่ยปากว่า “อาสะใภ้ คุณกับคุณอาใหญ่ตอนที่สะสมของพวกนี้มีวิธีดูยังไง?”
หญิงชราชะงักเล็กน้อย “เขาชอบก็ให้เขาสะสมไปน่ะสิ!”
“ของที่อาใหญ่สะสมไว้นั้นต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยแน่ คุณคิดว่าเขาสะสมของยังไง?” หยางโปถามอีก
“เขาชอบ ก็ให้เขาสะสมไป!” หญิงชรายังคงตอบประโยคนี้
หยางโปชี้ไปที่ถ้วยลายไก่ที่อยู่บนโต๊ะชาใบนั้น “ผมเป็นนักประเมินคนหนึ่ง ถ้าคุณไว้ใจตาอ้วน ผมขอบอกคุณตามตรงว่า ถ้วยลายไก่ใบนี้เป็นของปลอมครับ”
หญิงชราตะลึงงัน “ของปลอม? จะเป็นไปได้ยังไง? ตาเฒ่าบ้านพวกเราศึกษาค้นคว้ามาตั้งหลายปี จะเป็นของปลอมไปได้ยังไง?”
“เธอพูดซี้ซั้ว! พวกเธอคิดอยากจะได้ถ้วยลายไก่ของฉันใบนี้ พวกเธอมีเจตนาไม่ดี!” หลิวเจียจวิ้นเองก็พูดโต้
หยางโปขมวดคิ้ว “อาใหญ่ คุณศึกษามาหลายปีแล้วจริงๆ งั้นเหรอ? ถ้วยลายไก่ใบนี้เป็นยังไง คุณเห็นบ้างรึเปล่า? ถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่วนั้นจะต้องมีสีเข้มแต่ไม่ฉูดฉาด ของในสมัยเฉิงฮั่วล้วนมีหมอกมัวอยู่ชั้นหนึ่ง มีฟองอากาศเหมือนไข่มุก สีลายครามของตัวอักษรจะต้องหม่น เรื่องพวกนี้คุณรู้บ้างรึเปล่า?”
หยางโปเห็นท่าทีของหลิวเจียจวิ้นไม่ถูก เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายคล้ายจะจมอยู่ในความหลงผิดประเภทหนึ่ง ถ้าไม่ปลุกให้ตื่น จากนี้ไปเกรงว่าก็ยังจะซื้อของปลอมมาอีก ดังนั้นเขาจึงทิ้งแผนการที่จะให้อ้อมค้อมที่ปรึกษากันมาก่อนหน้าไป!
หลิวเจียจวิ้นจ้องมองถ้วยลายไก่ เงียบไม่พูดจา
หญิงชราหันไปมองทางหลิวเจียจวิ้น “ตาเฒ่า เธอบอกเขาไปสิ ว่าเธอเป็นฝ่ายถูกน่ะ!”
ดวงตาของหลิวเจียจวิ้นจับจ้องแน่วแน่อยู่ที่ถ้วยลายไก่ ยังคงไม่เอ่ยคำ
ตาอ้วนหลิวก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่างหลิวเจียจวิ้นส่ายเล็กน้อย ก่อนจะพลันอ่อนยวบ ล้มลงมา
หยางโปตกใจจนสะดุ้ง หญิงชราร้องออกมาด้วยความตกใจยิ่งกว่า ก่อนจะหยิบยาโรคหัวใจออกมาจากกระเป๋าด้วยอาการมือเท้าพันกันวุ่น แล้วให้หลิวเจียจวิ้นกินลงไป ก่อนจะโทรเบอร์ฉุกเฉิน
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวเจียจวิ้นก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อลืมตาเห็นพวกหยางโปทั้งสองคน เขาก็ส่ายหัว ไม่เปิดปากพูดอะไรออกมา
พาหลิวเจียจวิ้นไปโรงพยาบาลแล้ว ก็นั่งรออยู่นอกห้องฉุกเฉิน หยางโปรู้สึกเครียด เขาคาดไม่ถึงว่าสุขภาพของหลิวเจียจวิ้นจะอ่อนแออย่างนี้ เขาหันกายมองไปทางตาอ้วนหลิว “คำพูดของผมรุนแรงเกินไปใช่ไหม?”
ตาอ้วนหลิวส่ายหน้า “ไม่หรอก เดิมทีพวกเราเองก็อยากจะแยกไปอยู่แล้ว ถ้าอ้อมค้อมอีกนิดก็ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดเท่านั้นเอง แต่ดูสีหน้าท่าทางตอนสุดท้ายแล้ว เกรงว่าเขาจะไม่ยอมเปลี่ยน”
หยางโปส่ายหน้าถอนหายใจเบาๆ
หญิงชรานั่งอยู่ที่ด้านหนึ่ง ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ก็หันมามองตาอ้วนหลิวอย่างทนไม่ได้ “เจ้าอ้วน ถึงจะไม่ได้เจอกันมาหลายปี แต่ฉันก็จะเชื่อเธอ เธอบอกอาสะใภ้มาซิ ของพวกนั้นเป็นของปลอมหมดเลยเหรอ?”
ตาอ้วนหลิวลังเลเล็กน้อย ในใจคิดอยากจะหลอกอีกฝ่าย เขาไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องนี้เลย แล้วตรงกลับจีนไปเลยก็ได้
กำลังจะเอ่ยปาก ชายหนุ่มอายุรามสามสิบปีก็วิ่งเข้ามา “ย่า เกิดอะไรขึ้น?”
หญิงชราดึงมือหลานชายก่อนจะน้ำตาร่วง “ไม่มีอะไร ญาติจากจีนมาเยี่ยมพวกเรา ปู่เธอได้เจอพวกเขาก็ดีใจ โรคหัวใจก็เลยกำเริบขึ้นมา แต่ไม่ได้หนักหนาอะไร”
คำอธิบายของหญิงชรา ทำให้หยางโปเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมา เดิมทีคิดจะวางมือไม่สนใจ ตอนนี้ก็ได้แต่ต้องรั้งอยู่ต่อไป
ชายหนุ่มมองไปทางพวกหยางโปทั้งสองคน พลางยิ้ม “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ สองปีมานี้ปู่คิดถึงบ้านมาก แต่ธุรกิจรัดตัว เลยไม่มีเวลาพาทั้งสองท่านกลับไปเลย พวกคุณมาหาก็เจอเรื่องนี้เข้าซะได้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ตาอ้วนหลิวรีบโบกมือ “อย่าพูดอย่างนี้เลย มาหาอาได้ พวกเราเองก็ดีใจมาก เป็นเพราะฉันมากะทันหันเอง”
พูดแล้ว ตาอ้วนหลิวก็ชี้ชายหนุ่ม “เธอคือเสี่ยวหย่งใช่ไหม? ไม่เจอกันหลายปี สูงตั้งขนาดนี้เชียว!”
ชายหนุ่มยิ้ม ตาอ้วนหลิวมองไปทางหญิงชรา “พ่อแม่ของเขาล่ะครับ?”
หญิงชราส่ายหน้า ไม่ได้บอกอะไร ก่อนจะถามว่า “ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว และเธอเองก็ไม่ต้องเกรงใจ จริงสิ เสี่ยวหย่ง เดี๋ยวเธอเอาวัตถุโบราณที่ปู่เธอสะสมพวกนั้นออกมาประเมินดูสักหน่อย ดูว่าเป็นของจริงหรือของปลอม?”
หลิวหย่งชะงักเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นทันทีว่า “เฮ้อ ครับ เดี๋ยวผมไปดูพรุ่งนี้”
“ฉันอยากรู้ผลการประเมินของจริง ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนเธอก็เคยประเมินภาพวาดไปหลายภาพหรอกเหรอ? ผลการประเมินภาพหลายภาพพวกนั้นเธอทำปลอมมาใช่ไหม?” หญิงชราถามขึ้นอย่างกะทันหัน
หลิวหย่งตะลึงงัน โบกมือพลางพูดว่า “ย่าครับ ย่าพูดเหลวไหลอะไร? ผมจะทำเรื่องอย่างนั้นได้เหรอ?”
หญิงชราชี้ไปที่พวกหยางโปทั้งสองคน หลอกเขาว่า “สองคนนี้ไม่ได้เป็นแค่ญาติเรา แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินที่มีชื่อเสียงของจีนอีกด้วย!”
หลิวหย่งทึมทื่อไปทันใด ไม่มีทีท่าจะโต้กลับมา เขาผงกศีรษะ พูดเสียงแหบว่า “เป็นผมทำปลอมเอง ย่าครับ ปู่เขาสะสมของมาไม่ง่ายเลย ให้เขาสะสมไปอย่างมีความสุข ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ!”
หญิงชราเหมือนจะคาดเดาสถานการณ์นี้ได้ แต่ก็ยังยากที่จะรับได้ นานครึ่งวันถึงเอ่ยปากว่า “งั้นก็พูดได้ว่า เงินหลายแสนนี้จ่ายไปโดยไร้ค่าแล้วสินะ?”
หลิวหย่งก้มหน้า “ย่า เสียก็เสียไปแล้ว เรายังหากลับมาใหม่ได้นะครับ”
หญิงชราตะลึงงัน “แต่นั่นเป็นของสะสมทั้งชีวิตของเขาเลยนะ นี่เธอรู้เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่ห้ามเขา?”
“ปีที่แล้วครับ จากนั้นมา ปู่ก็ซื้อของน้อยลงมาก ปู่จากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกล และก็ไม่มีงานอดิเรกอะไรสักเท่าไหร่ ผมกลัวปู่จะเบื่อ เลยไม่ได้บอกไป” หลิวหย่งอธิบาย
หญิงชรานั่งลง เงยหน้ามองไปทางตาอ้วนหลิว ถามอย่างลังเลว่า “ของพวกนั้นยังสามารถจะขอคืนเงินได้ไหม?”
“มีใบเสร็จอยู่ก็น่าจะคืนได้ครับ ส่วนที่ไม่มีใบเสร็จบางทีอาจจะเป็นของที่ซื้อมาจากข้างนอก น่าจะลดราคาแล้วเอาไปขายได้ครับ” ตาอ้วนหลิวอธิบาย
หญิงชราพยักหน้า “เอาล่ะ เดี๋ยวไว้ถามเขาก็แล้วกัน!”
หยางโปไม่ได้เอ่ยปาก เพราะเขาเข้าใจถึงความหมายของเงินก้อนนี้สำหรับครอบครัวนี้
ใกล้ค่ำ ในที่สุดหลิวเจียจวิ้นก็ฟื้นขึ้นมา เขามองไปทางหลิวหย่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
หลิวหย่งรีบส่ายหัว “ปู่ ปู่อย่าคิดมากเลย มันต้องมีวิธีแก้ไขแน่นอน”
“ของพวกนี้เดิมทีฉันคิดจะเหลือเอาไว้ให้เธอ!” ใบหน้าหลิวเจียจวิ้นเศร้าหมอง
หลิวเจียจวิ้นเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างได้เอง เขาหันไปทางตาอ้วนหลิวพูดว่า “หลานชาย เรื่องนี้ถือว่าอาขอร้องเธอ ขอให้เธอช่วยฉันจัดการของพวกนี้ หวังว่าจะแลกที่เสียไปกลับมาได้สักหน่อย”
ตาอ้วนหลิวหมดหนทางปฏิเสธ เขาหันไปมองหยางโปด้วยความรู้สึกผิดแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “อาครับ เรื่องนี้ให้พวกเราจัดการเถอะ คืนนี้พวกเราจะไปจัดการให้เรียบร้อย”
หลิวเจียจวิ้นส่ายหัว “ไม่รีบๆ”
“ตาเฒ่า แกไม่รีบ แต่คนอื่นเขารีบกลับประเทศกันนะ มีคนหนุ่มสาวที่ไหนไม่มีงานการกันบ้าง!” หญิงชรากล่าว
ตาอ้วนหลิวยิ้มเก้อๆ ไม่เอ่ยปาก
หลิวเจียจวิ้นจึงมีท่าที “งั้นก็ดี ให้เสี่ยวหย่งไปเป็นเพื่อนก็แล้วกัน ไปช่วยพวกเธอทำงานอีกแรง”