ตอนที่ 395 ยืนยันการคาดเดา
หยางโปและคนอื่นๆรีบวิ่งลงมาจากเขาทันทีทว่าพวกเขาก็ไม่พบเงาของคนเหล่านั้นแม้แต่นิดเดียว ในเวลานี้เองพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่เดินกลับเข้าไปในหมู่บ้านอีกครั้ง
ตอนที่กลับมาถึงการค้นหาภายในหมู่บ้านก็สิ้นสุดลงและไม่มีใครเดินเข้าไปในบ้านของซุนหนีแม้แต่คนเดียว
หลูตงซิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ” ครั้งนี้เป็นเพราะฉันไม่รัดกุมเอง ขอโทษด้วยจริงๆนะ “
” อย่าคิดมากเลยครับ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของคุณเลย ตอนนี้พวกเราต้องรอบคอบมากกว่านี้ หลังจากนี้ต้องรีบหาตัวซิงเหย๋ชิ้งเจอให้เร็วที่สุด เพราะเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับเขาแน่ๆ ” หยางโปพูด
ทุกคนเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของหยางโปพร้อมกับเริ่มพูดปลอบใจหลูตงซิงที่กำลังรู้สึกผิด
ในเมื่อไม่ได้ของกลาง ทุกคนก็ทำได้เพียงแค่ลงมาจากเขาและเข้ามาในเมือง ระหว่างที่พักอยู่ภายในบ้านพักของชาวบ้านพวกเขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลเพื่อที่จะตามหาซิงเหย๋ชิ้ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่พวกเขากลับไม่สามารถหาข้อมูลของคนเหล่านี้ได้ และไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับคนเหล่านั้นด้วยเช่นเดียวกัน
เวลาใกล้มืดแล้ว หยางโปก็ออกไปเดินเล่นและพบกับชายคนหนึ่งซึ่งกำลังพยักหน้าให้หยางโปอยู่ คนๆนั้นก็คือชุยอี้ฝาน
” นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ ? ” หยางโปถามด้วยความสงสัย
” เมืองเล็กแค่นิดเดียว ฉันได้ยินมาว่ามีคนจากนอกเมืองมาที่นี่ ฉันก็เลยเดาว่านายก็อาจจะอยู่ที่นี่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนายจริงๆ ” ชุยอี้ฝานพูดพร้อมกับจ้องหยางโป ” ทำไมนายถึงไม่ไปหาฉัน ? “
” ฉันมาที่นี่สองวันก็จะกลับแล้ว ฉันรีบน่ะแถมกลัวว่านายจะยุ่งด้วย ” หยางโปแก้ตัว
ชุยอี้ฝานผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ” มีอะไรก็บอกได้นะ “
หยางโปพยักหน้า
” นี่พวกนายคงจะมาหาสมบัติของอาณาจักรเย่หลางสินะ ! ” ชุยอี้ฝานพูดขึ้น
หยางโปเงยหน้ามองไปที่อีกฝ่าย ครั้งก่อนตอนที่เขามาที่นี่ชุยอี้ฝานเองก็รู้เรื่องแล้ว และตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาจะพูดขึ้นมาเช่นนั้นแต่หยางโปก็ไม่ได้รู้สึกตกใจหรือแปลกใจเท่าไหร่นัก เขาจึงพยักหน้าตอบกลับไป ” ใช่ “
” การหายไปของอาณาจักรเย่หลางน่ะหายไปอย่างลึกลับ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องเล่าอยู่เรื่องนึงจากกลุ่มคนอาวุโสด้วย และฉันคิดว่านายเองก็คงจะสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน ” ชุยอี้ฝานพูด
หยางโปมองอีกฝ่าย ” เรื่องเล่าอะไรเหรอ ? “
” ได้ยินมาว่าหลังจากที่อาณาจักรเย่หลางถูกทำลายลง ก็มีผู้รอดชีวิตที่พยายามจะฟื้นฟูอาณาจักรให้กลับมาอีกครั้ง พวกเขาทำการต่อสู้หลายต่อหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ต้องเจอแต่กับความพ่ายแพ้ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เลยรักษาความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้เพื่อสู้ต่อในภายหลัง เวลาผ่านไปหลายพันปี ความประสานกลมเกลียวของคนที่เหลืออยู่ก็ค่อยๆมลายหายไปอย่างช้าๆ จนถึงตอนนี้กลุ่มคนหนุ่มสาวที่เริ่มเติบโตขึ้นพวกเขาก็อยู่ภายใต้ธงแห่งการรวมตัวและแสวงหาผลประโยชน์มากขึ้น “
” ในช่วงตอนปลายของราชวงศ์ซ่งในตอนใต้ คนของอาณาจักรเย่หลางได้ทำการก่อจลาจลขึ้นอีกครั้ง และในครั้งนี้พวกเขาก็ถูกระงับไปเนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ภายในกลุ่มเดียวกันสุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป ความพ่ายแพ้ของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้ไปแต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ มีส่วนหนึ่งที่นำคนของเผ่าตัวเองเดินทางออกไป อีกส่วนหนึ่งที่เหลือเพียงน้อยนิดก็เลือกที่จะเดินทางไปทางทิศเหนือ “
ชุยอี้ฝานพูดอธิบายราวกับจำประวัติศาสตร์อยู่ในหัวได้เป็นอย่างดี
หยางโปเองก็ฟังอีกฝ่ายพูดก่อนที่จะถามขึ้นมาว่า ” ถ้าอาณาจักรเย่หลางถูกทำลายลงแล้ว ถ้างั้นสมบัติจะถูกเก็บอยู่ที่ไหนล่ะ ? แล้วคนที่ไปทางทิศเหนือนั่นเขาเดินทางไปที่ไหนกัน ? “
” สมบัติอยู่ที่ไหนฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และสมบัติที่พวกนายกำลังตามหาอยู่คืออะไรฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะ แต่คนที่ไปทางทิศเหนือน่ะฉันคิดว่าคงจะไปอยู่ที่มองโกเลียนั่นแหละ เขาก็คงจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแล้วล่ะมั้ง ” ชุยอีฝานพูด
” ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายกำลังหาอะไรกันอยู่แต่ฉันหวังว่าพวกนายจะหามันเจอที่นี่ ที่นี่น่ะแห้งแล้งเกินไปแล้ว และที่นี่ก็ต้องการการค้นพบที่สำคัญบางอย่างเพื่อที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อที่จะดึงดูดคนจำนวนมากให้เข้ามาสนใจภูเขาที่เขียวชะอุ่มและน้ำที่ใสสะอาดได้มากขึ้น “
ชุยอี้ฝานหันมามองหยางโปพร้อมกับถอนหายใจและหมุนตัวเดินออกไป
หยางโปยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับความรู้สึกสับสนที่เกิดขึ้นภายในใจของเขา พวกเขาเดินทางมาหาสมบัติของอาณาจักรเย่หลางแต่หลังจากที่ตามหากลับพบว่าสิ่งที่กำลังตามหาได้หายไปแล้ว
หยางโปนึกถึงคำพูดของชุยอี้ฝานตอนท้ายก็อดนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ เมื่อนึกถึงคทาชิ้นนั้นและหมอผี ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างละเอียดแล้วว่า ถ้าหากสิ่งที่ชุยอีฝานพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ถ้าเช่นนั้นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับราชวงศ์หยวนมากที่สุดก็คงจะเป็นชาวอี้นี่แหละ !
เขาอยากจะฟื้นฟูอาณาจักรหรือต้องการจะล้างแค้นกันแน่นะ ?
หยางโปจ้องมองไปที่ภูเขาและแม่น้ำตรงหน้าพร้อมกับความรู้สึกสับสนที่ลอยขึ้นมาในหัวของเขา
” กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ ? “
ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังจนทำให้หยางโปต้องหันกลับไป ก็พบว่าอวี่เหวินยืนอยู่ด้านหลังของเขา
หยางโปลังเล ” เมื่อกี้นายได้ยินเรื่องที่ฉันคุยกันรึเปล่า ? “
อวี่เหวินพยักหน้า ” ได้ยิน แต่ในเมื่อไม่เจอสมบัติมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ “
หยางโปได้ยินแบบนั้นเขาก็เงียบไป
” นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าสมบัติที่พวกเรากำลังหาน่ะ มันไม่ได้มีความสุขเพราะสมบัติหรอกนะแต่มันเป็นความสุขที่ได้หาสมบัติต่างหากล่ะ ” อวี่เหวินพูด
หยางโปเงียบไป ที่จริงเขาอยากจะโต้เถียงกลับไปมากว่าถ้าไม่อยากได้สมบัติก็เอามาให้ฉันสิ !
แต่เมื่อคิดดูแล้วเขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร
อวี่เหวินมองหยางโป ” นายเองก็พอจะเดาได้นะว่าปาเย๋ก็คือปี้โม๋ของชาวอี้ เขามีความเชี่ยวชาญในคาถาทุกประเภทและมีความสามารถที่แข็งแกร่งมากและจากบันทึกประวัติศาสตร์น่ะ เขามีชีวิตอยู่มาหลายจักรพรรดิเลยนะแถมไม่มีใครเห็นค่าของเขาเลย และเขาเองก็หวังว่าจะสามารถฟื้นอาณาจักรของเขาได้ แต่สุดท้ายในที่สุดเขาก็ได้เจอกับจักรพรรดิเค่อโจวหลี่ถูของราชวงศ์หยวน ในตอนนั้นราชวงศ์หยวนก็สิ้นสุดลงและถูกไล่ออกไปทางตอนเหนือ “
พูดจบเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
หยางโปเห็นอีกฝ่ายก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน ?
” คทานั่นยังอยู่กับนายรึเปล่า ? ” ทันใดนั้นอวี่เหวินก็ถามขึ้น
หยางโปพยักหน้า ” ยังอยู่ “
อวี่เหวินพยักหน้า ” เก็บมันเอาไว้ดีๆนะ ถ้ามีเวลาตอนที่พวกเราเดินทางไปมองโกเลียกันอีกรอบ เราต้องได้ของมาแน่ๆ “
พูดจบอวี่เหวินก็เดินออกไป
ตอนนี้เหลือหยางโปที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะทำอะไรและเขาก็ไม่เข้าใจด้วยว่าที่อวี่เหวินพูดหมายความว่ายังไงกันแน่ เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีที่มาที่ไปยังไง เขารู้เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายมีความลับที่เขาไม่รู้ซ่อนเอาไว้มากมายจริงๆ
ค่ำคืนนั้นผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้าวันถัดมาพวกเขาก็ออกตามหาอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เจอซิงเหย๋ชิ้งอีกเช่นเคย จนทำให้หยางโปและคนอื่นๆเริ่มเกิดความร้อนใจขึ้นมา
อวี่เหวินหลังจากที่คุยกับหยางโปในคืนก่อนเขาก็เงียบไปและแถมไม่พูดอะไรออกมาอีก
ถึงช่วงเที่ยง อวี่เหวินก็หายไปโดยไม่บอกกล่าว ทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติและไม่มีใครสนใจกับการหายตัวไปของเขา มีเพียงแค่อาจารย์ฉินที่ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ” ประหลาดคนชะมัด “
ช่วงบ่ายอากว่อก็ปรากฏขึ้นภายในหมู่บ้านอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ถูกบอดี้การ์ดจับตัวเอาไว้จนทำให้เขาต้องเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังว่ามีเพียงสมุดบันทึกเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่เขาส่งมอบให้กับซิงเหย๋ชิ้ง
หยางโปและคนอื่นๆมองหน้ากันและกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าจะแจ้งตำรวจแต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไปเพราะพวกเขากลัวว่าถ้าแจ้งความแล้วอาจจะทำให้เกิดการแตกตื่นมากขึ้น ในเวลานี้พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากแจ้งความเพื่อแจ้งจับซิงเหย๋ชิ้งที่มีการซื้อขายแบบผิดกฎหมาย
หยางโปหยิบหนังสือบันทึกการเดินทางที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ออกมา ภายในหนังสือไม่ได้มีข้อมูลอะไรเท่าไหร่นัก ถ้าหากภายในหนังสือมีข้อมูลมากพอพวกเขาก็คงจะได้อะไรกลับมามากมายแน่ๆ
ทว่าทันทีที่สมุดถูกหยิบออกมาทุกคนต่างก็พากันส่ายหน้า ” อ่านไม่ออกสักตัว ! “