ตอนที่ 403 เจอกับอู่อีอีกครั้ง
หยางโปไม่ได้มีความเข้าใจที่นี่เท่ากับอวี่เหวิน ทุกคนจึงเลือกที่จะตามอวี่เหวินไปโดยไม่พูดอะไร หลังจากที่นั่งรถออกมาจากเขาได้ราวๆร้อยกว่ากิโล ก็พบว่าที่ตีนเขามีผู้คนจำนวนมากที่กำลังขุดสุสานกันอยู่
หยางโปรู้สึกแปลกใจขณะที่หันไปหาอวี่เหวิน ” นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย “
อวี่เหวินส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม ” หวังว่าพวกนายจะไม่พูดออกไปนะ “
ทุกคนพยักหน้าตอบรับกลับไป
หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยกันลงจากรถและขนเครื่องทองคำและของมีค่าขึ้นรถก่อนที่จะกลับเมือง
จู่ๆโทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้นซึ่งคนที่โทรมาหาเขาก็คือชุยอี้ฝาน อีกฝ่ายโทรมาหาเขาก็เพื่อที่จะนัดไปเจอกันที่ในเมือง
หยางโปได้ยินแบบนั้นก็ทำได้เพียงไปเจอกับชุยอี้ฝานแต่โดยดี
ทันทีที่ไปถึงชุยอี้ฝานก็ดึงหยางโปเข้าไปในห้องทำงานก่อนที่จะรินน้ำชาและวางลงตรงหน้าหยางโป
” ในที่สุดนายก็มีเวลามาหาฉันซักทีนะ ช่วงนี้พวกนายหายตัวไปมาอย่างกับเป็นนกแหน่ะ หาตัวยากจริงๆ ” ชุยอี้ฝานพูดพร้อมกับจ้องหน้าหยางโป
หยางโปจิบน้ำชาในแก้วพร้อมกับพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย ” เหรอ ? แต่ก็เจอกันอยู่ดีไม่ใช่เหรอ “
ชุยอี้ฝานยิ้ม เขารู้ดีว่าวัตถุประสงค์ของหยางโปและคนอื่นๆคืออะไร เขาจึงไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้ ” อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของคุณปู่แล้ว นายเองก็น่าจะรู้ใช่ไหม ? “
หยางโปพยักหน้า ” อีกห้าวัน “
ชุยอี้ฝานนั่งตัวตรง ” ช่วงนี้นายกลับไปที่เทเคียว หน่อยสิ นี่นายก็มาที่นี่ตั้งหลายวันแล้ว ถ้านายยังไม่กลับไปฉันว่าคนที่บ้านคงจะคิดไปต่างๆนานาแน่เลย “
หยางโปส่ายหน้าพร้อมกับนั่งนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชุยอี้ฝานอดไม่ได้ที่จะรีบหันมาพูดต่อ ” ฉันพูดตรงๆเลยนะ ช่วงสองวันมานี้ฉันเองก็ทำงานอยู่ แต่พรุ่งนี้ฉันก็กลับเทเคียวได้แล้ว ถึงเวลานั้นพวกเราก็กลับพร้อมกันเลยสิ ? “
หยางโปจ้องอีกฝ่าย ในที่สุดเขาก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของอีกฝ่ายแล้ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับไป ” โอเค “
ชุยอี้ฝานรู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันที ” คำตอบที่นายตอบกลับมาแบบนี้มีสองความหมายนะ อย่างแรกคือยอมแพ้ อย่างที่สองคือพวกนายหาเจอแล้ว “
หยางโปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย เรื่องนี้เขาไม่มีทางที่จะพูดออกไปแน่ๆ ถึงแม้ว่าเขากับชุยอี้ฝานจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับการเมืองอยู่ดี เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถเล่าให้อีกฝ่ายฟังได้
ชุยอี้ฝานเห็นหยางโปไม่พูดอะไรเขาก็แอบรู้สึกผิดหวังขึ้นมา ” คิดว่าคงจะหาไม่เจอสินะ ฉันน่ะหวังว่านายจะเจอสมบัติจริงๆ เพราะถ้านายเจอสุสานอาณาจักรเย่หลางก็คงจะดีมากเลยนะ “
หยางโปมองอีกฝ่าย ” นายทำงานก่อนเถอะ ช่วงนี้ฉันเพลียๆ นายช่วยหาที่พักให้ฉันหน่อยสิ “
ชุยอี้ฝานพยักหน้า ” อื้อได้สิ “
หยางโปไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน แถมเขายังต้องเจอกับเรื่องแปลกๆในสุสานอีก หลังจากที่เขาบอกให้อีกฝ่ายหาห้องให้ หยางโปก็ล้างหน้าล้างตาและรีบเอนตัวนอนบนเตียงทันที
ชุยอีฝานเห็นหยางโปที่ดูเหมือนจะหลับสนิทไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา หรืออีกฝ่ายจะเจอสมบัติแล้วจริงๆ
แต่ท่าทางของอีกฝ่ายก็ไม่ได้เหมือนคนที่เจอสมบัติเลย !
หลังจากนอนจนถึงช่วงกลางคือ หยางโปก็ถูกชุยอี้ฝานเรียกให้ตื่น
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทานอาหารค่ำพร้อมกัน ก่อนที่ชุยอี้ฝานจะขอตัวไปทำงานต่อ ส่วนหยางโปที่ไม่มีอะไรทำก็เลือกที่จะไปเดินเล่นที่ถนนใหญ่ไปพลางๆ
ที่นี่เศรษฐกิจไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางคืนแต่บนถนนกลับมีแสงไฟจากถนนแค่ไม่กี่ดวงเท่านั้นจนทำให้หยางโปรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวและเงียบเหงา
หยางโปเดินวนไปรอบๆ ทว่าเขาก็ยังไม่เห็นเงาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่คนเดียว ตอนที่เขากำลังจะกลับห้องไปนอนต่อ จู่ๆ ด้านหลังของเขาก็มีร่างของหญิงสาวสวมใส่ชุดหนังรัดรูปสีดำยืนอยู่ภายใต้แสงจากหลอดไฟซึ่งดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
หยางโปเห็นแบบนั้นก็เกิดอาการตกใจขึ้นมาเล็กน้อย ” เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? “
หน้าขาวนวลของอู่อีหันมามองเขา ” นายเห็นพี่ชายของฉันบ้างไหม ? “
หยางโปเห็นอู่อีก็รู้ได้ทันทีว่าเธอจะต้องถามเขาด้วยคำถามนี้อย่างแน่นอน แต่ที่เขาไม่มั่นใจคืออีกฝ่ายรู้เรื่องพวกนี้รึเปล่า เขาจึงถามไปว่า ” หลายวันก่อนเห็นอยู่ครั้งนึง “
อู่อีเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ ” แล้วนายรู้ไหมว่าพี่ชายของฉันอยู่ไหน ? “
หยางโปส่ายหน้า ” ฉันไม่รู้ “
อู่อีจ้องหยางโปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาแอบแก้มที่ขาวนวล ” นายรู้ ! พี่ฉันมาที่นี่ นายไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแน่ ! “
หยางโปยังคงส่ายหน้า ” ฉันไม่รู้ “
คำพูดของหยางโปดูนิ่งเฉยมากและเขารู้ดีว่าถ้าหากเขาพูดอะไรมากไปกว่านี้อาจจะทำให้อีกฝ่ายจับไต๋ได้เพราะฉะนั้นยิ่งพูดน้อยยิ่งดีที่สุด !
อู่อียังคงไม่เชื่อในสิ่งที่หยางโปพูด ” นายรู้ ! ก่อนที่พี่ของฉันจะมาที่นี่เขาโทรมาหาฉัน เขาบอกว่าเขาจะรวยแล้ว และพวกนายเองก็เหมือนกัน วัตถุประสงค์ที่เขามาที่นี่ก็เหมือนกันกับนายนั่นแหละ นายโกหกฉัน ! ฉันรู้ว่านายรู้ว่าเขาอยู่ไหน !!! “
พูดจบน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอาบแก้มจนทำให้การมองเห็นของเธอเลือนลางไปในทันที
หยางโปยังคงเงียบโดยไม่พูดอะไร
” พี่ของฉันอายุมากกว่านายสี่ปี ตอนที่ฉันอายุสิบขวบ พ่อกับแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต มีแค่เขาที่เลี้ยงฉันจนโต ! บนโลกใบนี้ฉันมีแค่เขาเพียงคนเดียว ! ฉันไม่มีพ่อแม่แล้วและฉันไม่ยอมที่จะต้องเสียพี่ชายของฉันไปอีกคนแน่ !!! “
อู่อียังคงร้องห่มร้องไห้ขณะที่มองหยางโป จู่ๆเธอก็คุกเข่าลงกับพื้น ” ฉันรู้ว่านายรู้ว่าพี่ชายของฉันอยู่ที่ไหน ! ตอนที่อยู่ที่มองโกเลีย พวกเราผิดไปแล้ว ฉันขอร้องล่ะ…ปล่อยพี่ชายของฉันไปเถอะนะ ! “
หยางโปที่ยืนอยู่บนถนนใหญ่ได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้ดังขึ้น เขาเองก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำอะไร ทว่าเรื่องของ
ซิงเหย๋ชิ้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถพูดได้ !
หลังจากผ่านไปได้ครู่หนึ่งหยางโปก็ถอนหายใจออกมา ” ลุกขึ้นมาเถอะ ฉันไม่รู้จริงๆว่าพี่ของเธออยู่ไหน เดี๋ยวฉันจะถามให้ ถ้าได้เรื่องยังไงฉันจะบอกเธออีกที “
อู่อีเงยหน้าขึ้นมองหยางโปพร้อมกับน้ำตาที่อาบแก้ม ” ขอบคุณนะ ! “
หยางโปมองอู่อีที่เดินหายไปกับความมืด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซิงเหย๋ชิ้งและคนอื่นๆจะออกมาได้รึเปล่า แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายออกมาได้เลยด้วยซ้ำ !
เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะเดินกลับห้องไป
เขาหยิบหยกขาวออกมาและค่อยๆแกะสลักลงไปบนนั้น นี่ก็เป็นเวลาสักพักหนึ่งแล้วที่เขาไม่มีเวลานั่งแกะสลักแบบนี้ ทว่าเขาก็มีความชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ แถมใจและมือของเขาก็นิ่งมากขึ้นกว่าเดิมมาก ตอนนี้ทุกอย่างถูกส่งไปบนมีดในมือของเขาแล้ว การแกะสลักในแต่ละครั้งมันถูกส่งออกมาจากใจของเขาจริงๆ
….
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน ในที่สุดขวดน้ำเต้าหูหลูอายุหมื่นปีก็อยู่ตรงหน้าของเขา
ขวดน้ำเต้าหูหลูอายุหมื่นปีตรงหน้าของหยางโปมีการสลักตัวอักษร ” โซ่ว ” เอาไว้ ของชิ้นนี้เป็นหยกขวดน้ำเต้าหูหลูที่มีความสูงไม่เกินห้าเซนติเมตร และขนาดของมันก็สามารถสลักตัวอักษรคำว่า ” โซ่ว ” ได้สี่สิบถึงห้าสิบตัว ทว่าในครั้งนี้หยางโปกลับสามารถสลักตัวอักษรได้ถึงร้อยกว่าตัว !
และแน่นอนว่าถ้าหากให้หลิวมีดเดียวเป็นคนสลัก เขาคงจะสามารถสลักตัวอักษร ” โซ่ว ” ลงบนขวดน้ำเต้าหูหลูได้ถึงสี่ร้อยถึงห้าร้อยตัว !