ตอนที่ 871 ฐานะทางสังคมที่สูงขึ้น
ทานิกาวะไม่รู้แน่ชัดถึงประโยชน์ของโสมเขียว ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทีเฉยเมย ถึงขั้นพูดหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญ
หยางโปเกิดความลังเลขึ้นมา ” ไม่ทราบว่าพวกคุณมีโสมพันปีไหม อาหารเสริมจำพวกเห็ดหลินจือพันปี ? “
ทานิกาวะมองหยางโปอย่างสงสัยและหันมายิ้มให้เขา ” ของดีอย่างนี้ไม่มีแน่นอน จะไปหาโสมพันปีมาจากไหนกัน ? “
หยางโปอยากบอกอีกฝ่ายมากว่าโสมพันปีนั้นแย่ยิ่งกว่าโสมเขียวอีก แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดมันออกมาแน่นอน
” เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมขอเตรียมตัวอีกครั้งและเมื่อเตรียมพร้อมแล้ว ผมจะแจ้งให้คุณทราบอย่างแน่นอน ” ทานิกาวะพูด
หยางโปยกมือขึ้น ” ไม่ได้รีบร้อนอะไร วันนี้ใช้เรี่ยวแรงไปมากเกินไป ผมต้องพักผ่อนอย่างน้อยห้าวันก่อน ถึงจะทำการรักษารอบที่สองได้ “
ทานิกาวะหันมามอง ” คุณหยาง ผมต้องฝังเข็มกี่ครั้ง “
หยางโปครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ก็ประมาณการว่า ” ถ้าเป็นปกติ อาจต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าครั้งขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณ ! “
ทานิกาวะพยักหน้า ” ขอบคุณมาก ! “
พอพูดจบ ทานิกาวะก็โค้งคำนับให้หยางโปอย่างสุดซึ้ง
หยางโปโบกมือ หันไปมองอู่อี ” ฉันขอกลับไปพักผ่อนก่อน “
พูดจบ หยางโปก็เดินจากไป
ทานิกาวะชำเลืองมองไปที่อู่อี หลังจากบทสนทนาเมื่อสักครู่ เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่า หยางโปไม่ใช่แฟนของอู่อี แต่เป็นหมอที่เธอเชิญมา ” อู่อี ลำบากเธอแล้ว “
อู่อีส่ายหน้า ” ไม่เป็นไร ฉันแค่หวังว่าอาการป่วยของคุณจะดีขึ้นในเร็ววัน “
ทานิกาวะจ้องมองหน้าอู่อี “ อู่อี หลายปีมานี้ เพราะว่าฉันไม่ดีเอง ก่อนหน้านี้ฉันควรจะตามหาพวกเธอพี่น้องให้มันเร็วกว่านี้ ถ้าเป็นแบบนี้โฮชิโนะก็คงไม่จากไป ! ”
อู่อีส่ายหน้าและไม่พูดอะไร
ทานิกาวะหันมองออกไปข้างนอก “ เธอถึงวัยแต่งงานแล้ว นามิอยากให้เธอแต่งงานกับทานากะ แต่ฉันคิดว่ามันไม่เหมาะสม เธอมีอิสระในตัวเอง เริ่มตั้งแต่วันนี้ ฉันจะยอมให้เธอได้มีอิสระในความรัก ”
อู่อีหันไปมองทานิกาวะ ไม่รู้ว่าทำทำไมจู่ๆทานิกาวะถึงดีกับเธอแบบนี้ แต่เมื่อทานิกาวะทำแบบนี้ แต่มันก็ทำให้อู่อีดีใจไม่น้อย “ ขอบคุณมากค่ะ ”
เมื่อทานิกาวะเห็นรอยยิ้มที่ร่าเริงบนใบหน้าของอู่อี ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลังจากช่วงเวลาครั้งนี้ มันทำให้เขาคิดอะไรหลายอย่างกระจ่างแจ้งขึ้น และยิ่งเห็นสีหน้าที่แท้จริงของทุกคนชัดเจนมากขึ้น คนที่มีความจริงใจต่อเขา เขาก็จะตอบแทนกลับด้วยความจริงใจเช่นกัน !
” เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนเถอะ ! ” ทานิกาวะโบกมือ บ่งบอกให้อู่อีออกไป
ไม่นานทานิกาวะก็ขึ้นรถคันหนึ่งรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจร่างกายอีกครั้ง
ที่นี่คือสถานที่ที่เขาได้ติดต่อเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาจำเป็นต้องตรวจยืนยันให้แน่ใจว่าเนื้องอกสลายหายไปบ้างแล้วหรือไม่ !
หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากทำตรวจเช็คเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอก็หยิบฟิล์มขึ้นมาดู และมองหน้าทานิกาวะด้วยความแปลกใจ ” เป็นไปได้ยังไง ? เนื้องอกมีขนาดเล็กลงอย่างน่าอัศจรรย์ ! นี่เป็นเนื้องอกมะเร็งร้าย มันมีแต่จะขยายใหญ่ขึ้นคิดไม่ถึงว่ามันจะหดเล็กลงได้ ! “
” คุณทานิกาวะ ขอแสดงความยินดีกับคุณจริงๆ ผมขอแนะนำให้คุณมาตรวจที่โรงพยาบาลบ่อยๆเพื่อดูว่าเนื้องอกสามารถหดตัวเล็กลงได้ยังไง ถ้าเนื้องอกค่อยๆหายไปโรคของคุณก็จะหายขาด ! “
ใบหน้าของทานิกาวะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีท่าทางเคารพ หมอที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นหมอทางสมองที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่มีความรู้ เขาให้ความเคารพมาโดยตลอด “ ครับหมอ ผมเอาที่คุณว่า อีกสักประมาณห้าวันหลังจากนี้ ผมจะกลับมาตรวจอีกครั้ง ”
หมอค่อนข้างเกิดความอยากรู้อยากเห็น ” คุณทานิกาวะ คุณช่วยบอกเกี่ยวกับลักษณะการรับประทานอาหารและยาล่าสุดให้ผมได้ไหม ผมต้องการหาสาเหตุ ถ้าหากสามารถพบกับสาเหตุของการรักษาโรคได้ มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเรื่องหนึ่ง ! “
ทานิกาวะไม่สนใจเช่นกัน เขาบอกอาหารและยาทั้งหมดที่เขากินในไม่กี่วันนี้ออกมา ซึ่งมันยิ่งทำให้หมอยิ่งสับสน ” เป็นไปได้ยังไง ? “
ทานิกาวะไม่ได้พูดถึงการรักษาของหยางโป เขาอยู่พูดคุยกับหมอสักพักก่อนที่จะขอตัวกลับ
ตอนนี้ ในที่สุดทานิกาวะก็ยอมรับว่าหยางโปเป็นหมออัจฉริยะจริงๆ !
หยางโปไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้แน่ชัด แต่เขารู้ดีว่าทานิกาวะจะต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจอย่างแน่นอน ถ้าทำแบบนี้ ไม่ว่าในกรณีใด มันจะดีสำหรับเขาตราบใดที่การรักษาของเขาได้การยืนยันออกมาว่าได้ผล ทานิกาวะก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจับกองฟางต้นนี้เอาไว้ !
เรื่องของโสมเขียวยังคงทำให้ หยางโปเกิดความพะวงในใจอยู่ตลอดเวลา หยวนเฉิงเฟยเล่นบทที่
ไร้ยางอายเกินไป ตัวละครที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายจนกลายเป็นลูกศิษย์ของ
อวี่เหวินแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบอะไรอีกบ้างในอนาคต !
หยางโปหยิบมังกรเดินทองสัมฤทธิ์ออกมาวาดรูปร่างของมัน แต่เขาไม่ได้ถ่ายทอดเอาพลังลมปราณเข้าไป ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามีพลังเวทย์อื่นแฝงอยู่ในมังกรเดินทองสัมฤทธิ์ตัวอื่นไหม แต่ที่สำคัญที่สุดคือพลังของหยางโปที่มีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนวิทยายุทธที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้น !
เจตจำนงของดาบที่มีอยู่ในจุดตันเถียนไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้เมื่อเร็วๆนี้เขาจะพบเจอกับอันตราย แต่หยางโปก็ไม่คิดที่จะใช้เจตจำนงของดาบ เขาก็ไม่รู้ว่าจะพัฒนาเจตจำนงของดาบยังไง จึงทำได้เพียงคลำหาอย่างช้าๆ
ขณะกำลังจมดิ่งสู่ห้วงแห่งสมาธิ หยางโปก็ได้รับโทรศัพท์จากอู๋เฉียง
ก่อนที่หยางโปจะจากเมืองหลวงไปอู๋เฉียงได้ไปยังฮ่องกง เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย เพราะการสนับสนุนของหยางโป เส้นทางสู่ชื่อเสียงของเขายิ่งราบรื่นขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังรู้สึกค่อนข้างเป็นกังวล
” คุณชายเมื่อไหร่คุณจะกลับมาที่เมืองหลวง ? ” อู๋เฉียงถาม
หยางโปแปลกใจเล็กน้อย “ ทำไม ? นายไม่ได้อยู่ที่ฮ่องกงเหรอ ? ”
“ เมื่อคืนอาการป่วยของอู๋เยว่กำเริบขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ผมไม่ได้อยู่ข้างเธอ เลยได้ยินจากแม่นมอู๋ว่าเธอปวดมาตลอดทั้งคืน ” อู๋เฉียง กล่าว
หยางโปตกตะลึง ถ้าอู๋เฉียงไม่เตือน เขาก็เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว อาการป่วยของอู๋เยว่ไม่มีทางสามารถรักษาให้หายขาดได้เขาทำได้เพียงแค่ระงับอาการด้วยพลังลมปราณเท่านั้นเขาคิดไม่ถึงว่ามันจะกำเริบกลับมาเร็วขนาดนี้ แต่เวลานี้เขาฟื้นตัวได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หยางโปก็เอ่ยปากพูดว่า ” นายอยู่ที่ฮ่องกงหรือเมืองหลวง ? “
อู๋เฉียงกล่าวว่า ” ผมอยู่ที่เมืองหลวง เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงเมืองเช้านี้ “
” ถ้าอย่างนั้นก็ดี นายพาอู๋เยว่นั่งเครื่องบินมาที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะว่าฉันไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ ” หยางโปกล่าว
” ครับ ! ” อู๋เฉียงตอบรับ
หยางโปได้สั่งกำชับ ถึงได้วางสายไป
หยางโปแน่ใจมากว่า ทานิกาวะจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ เพราะทานิกาวะมองเห็นความหวังจากเขา ถ้าเขาหายไป เกรงว่าทานิกาวะคงเป็นบ้าไปแน่ๆ
ในเมื่อมีการเตรียมการแล้ว หยางโปจึงได้ติดต่ออู่อีไปทันที ขอให้เธอจัดหาคนไปรับพรุ่งนี้
โชคดีที่หยางโปยังเหลือช่องว่างให้ตัวเอง เขาบอกกับทานิกาวะว่าจะขอเวลาห้าวันในการพักฟื้นต่อการรักษาหนึ่งครั้ง อันที่จริงเขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ภายในสามวัน เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถช่วยรักษาให้อู๋เย่วได้และเขาก็ยังมีเวลาพักฟื้นตัว
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางโปออกไปทานอาหารเช้า แต่กลับเห็นทานิกาวะและอู่อีนั่งอยู่ในห้องอาหาร
กำลังรอเขาอยู่ สิ่งนี้ทำให้หยางโปค่อนข้างแปลกใจ เพราะเมื่อวานนี้เขาทานอาหารเช้ากับอู่อีเท่านั้น
เมื่อพบกับหยางโป ทานิกาวะก็รีบเอ่ยออกมาว่า ” อรุณสวัสดิ์คุณหยาง ! “
“ อรุณสวัสดิ์คุณทานิกาวะ ! ” หยางโปกล่าวทักทาย
โต๊ะในอาหารได้เปลี่ยนจากโต๊ะคุกเข่านั่งเป็นโต๊ะสูงที่หยางโปคุ้นเคยกับการนั่งบนเก้าอี้โต๊ะทรงสูง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเช้าที่ดูอุดมสมบูรณ์มาก มันทำให้หยางโปอดที่จะชำเลืองมองไปที่อู่อีไม่ได้
ทานิกาวะอธิบายอย่างรวดเร็วว่า ” คุณหยางลำบากมาก ดังนั้นจึงตั้งใจเตรียมให้มากหน่อย
ได้ยินมาว่าวันนี้แขกของคุณหยางจะมาที่นี่ ผมจึงส่งคนให้ไปรับเขาที่สนามบินแล้ว ! “