ตอนที่ 879 ลูกของเราเอง
ทานิกาวะ จัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งหมดและเดินไปหาหยางโป เขาโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งแก่หยางโป และกล่าวว่า ” ขอบคุณ คุณหยาง สำหรับพระคุณที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ ! “
พอพูดจบ ทานิกาวะก็โบกมือจากนั้นก็มีคนนำกล่องไม้กล่องหนึ่งมาเปิด ด้านในมีหัวงูทองสัมฤทธิ์วางอยู่ !
” นี่ควรเป็นสิ่งที่คุณสมควรได้รับ แต่ตอนนี้เพิ่งจะส่งมอบให้คุณ โปรดอย่ารังเกียจไป ! ” ทานิกาวะกล่าว
หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีเขาเตรียมใจไว้พร้อมแล้วที่จะรับของขวัญจากทานิกาวะ
แต่คิดไม่ถึงว่า มันจะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่าหยางโปจะชอบของขวัญชิ้นนี้มาก
แต่มันก็ยังไม่ใช่ดั่งใจที่เขาปรารถนาไว้ !
แต่นานวันเข้า หนังหน้าของหยางโปก็ หนากว่ากำแพงเมืองไปแล้ว เขาไม่แสดงอาการโกรธหรือดีใจใดๆเขาพยักหน้าเบาๆ ” คุณทานิกาวะเกรงใจไปแล้ว “
เมื่อทานิกาวะเดินมาถึงข้างกายหยางโป ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย เมื่อเห็นทานิกาวะก้มหัวให้หยางโป ทุกคนต่างก็พากันตกใจ ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงได้รับการคารวะอย่างให้เกียรติแบบนี้จากทานิกาวะ ?
ทานิกาวะยิ้ม “ นอกจากนี้ ผมยังเตรียมโสมอายุสามร้อยปีและยาบางชนิดเช่นเห็ดหลินจือเตรียมไว้ให้คุณด้วย หลังงานเลี้ยงเต้นรำจบลง ก็จะส่งมอบให้คุณ ”
จู่ๆ หยางโปก็รู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง ” ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากคุณทานิกาวะจริงๆแล้ว “
ทานิกาวะยิ้ม จากนั้นก็หันกลับมากวักมือเรียกลูกน้อง จากนั้นก็มีอีกคนเดินเข้ามา ในมือของคนคนนี้ถือถาดอยู่ใบหนึ่ง บนถาดนั้นคลุมด้วยผ้าสีแดง
ทานิกาวะเปิดผ้าสีแดงออก และหยิบหนังสือสีแดงเล่มเล็กๆ ออกมายื่นให้หยางโป และอธิบายว่า
” นี่คือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตึกชั้นหนึ่งของย่านธุรกิจกินซ่าในโตเกียวตึกชั้นนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของผม ขอมอบให้คุณหยางและหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ ! “
หยางโปรู้สึกตกใจมาก เขามองหน้าทานิกาวะ โบกมือปัดและพูดว่า ” คุณทานิกาวะ คุณอย่าทำแบบนี้เด็ดขาด นี่มันมีมูลค่าสูงเกินไป ! “
ทานิกาวะส่ายหัว ” สำหรับคนอื่นแล้ว ตึกนี้อาจมีมูลค่าสูงมาก แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าไม่สามารถรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้ ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ก็เป็นเพียงแค่กระดาษเปล่าเท่านั้น ! “
หยางโปมองหน้าทานิกาวะ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เสแร้งแกล้งทำ ก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือไปรับไว้
ทันใดนั้นในห้องก็มีเสียงร้องอุทานขึ้น หลายคนต่างมองไปที่ทั้งสองด้วยความแปลกใจ !
เป็นที่รู้กันดีว่ากินซ่าเป็นย่านธุรกิจหลักที่มีชื่อเสียงที่สุดในโตเกียว ที่ดินทุกตารางนิ้วมีมูลค่ามหาศาลในย่านธุรกิจดังกล่าวแม้จะเป็นตึกเพียงชั้นเดียว แต่ก็มีมูลค่าอย่างน้อยหลายสิบล้านดอลลาร์ เก็บค่าเช่าแต่ละปีก็ร้อยกว่าล้านดอลลาร์ขึ้นแล้ว ถือเป็นออมสินที่เก็บสะสมเงินก็ว่าได้ !
เมื่อเห็นหยางโป ยอมรับใบโฉนดอสังหาริมทรัพย์ ทานิกาวะถึงหัวเราะออกมา ” พรุ่งนี้ผมจะจัดหาคนให้มีคนโอนกรรมสิทธิ์โฉนดอสังหาริมทรัพย์เป็นชื่อคุณ ! “
หยางโปพยักหน้า ” ดี “
หลายคนในงานต่างพากันมองไปที่หยางโป ด้วยความแปลกใจ แม้ว่าจะไม่มีใครแนะนำ แต่พวกเขาก็สามารถเดาฐานะของหยางโปออก หยางโปน่าจะเป็นหมอเทวดา !
ที่แท้หมอหาเงินได้มากขนาดนี้เชียว !
ทานิกาวะพยักหน้าส่งสัญญาณให้หยางโปเดินจากไป
หยางโปจึง ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนในงาน หลายคนต่างก็มารายล้อมที่จะสอบถาม
เกี่ยวกับเรื่องการรักษาโรคของหยางโป
หยางโปไม่สนใจคนเหล่านี้ เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ทานิกาวะจะลงมือต่อไปมากกว่า
เพราะเขากลัวว่าทานิกาวะจะทำผิดขั้นตอน ถ้าทานิกาวะเสียชีวิตวันนี้ เขาก็จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ในมือของเขาได้ !
หยางโป ตอบกลับผู้คนสองสามคำอย่างสุภาพ เกี่ยวกับปัญหาของพวกเขา หยางโปรู้สึกปวดหัวจริงๆ
” ปวดฟันทำยังไงจะได้ผลที่สุด “
” ปวดท้องบ่อยๆจะทำยังไงดี ? “
“ ประจำเดือนมา ปวดมาก ฉันควรทำยังไงดี ? ”
“ หมอเทวดา ริดสีดวงทวารควรที่จะรักษายังไงให้ไม่ปวด ? ”
……
เมื่อหยางโปฟังปัญหาที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ ก็พูดเพียงว่า ” สำหรับปัญหาเหล่านี้ เชิญไปสอบถามกับหมอ ผมเชื่อว่าหมอจะแก้ไขปัญหาเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ได้ “
“ ในเมื่อคุณเป็นหมอเทวดา แต่คุณจะมาหยิ่งยโสแบบนี้ไม่ได้ ! ” จู่ๆก็มีคนไม่พอใจ
หยางโปมองไปที่อีกฝ่ายและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า ” ผมรักษาโดยมีค่าตอบแทน
คุณจ่ายไหวไหม ? “
เมื่อหยางโปพูดแบบนี้ เสียงในห้องก็เงียบลงทันที เพราะเมื่อสักครู่ที่ทานิกาวะมอบของให้
ทุกคนก็เห็นกันหมด ถ้าเอาเงินมากขนาดนี้จริงๆพวกเขาคงไม่เต็มใจที่จะให้หยางโปรักษาอาการป่วยให้แน่ๆ
แม้ว่าคำพูดประโยคหนึ่งจะทำให้ทุกคนต่างขุ่นเคืองใจไปหมด แต่เสียงรอบตัวของหยางโปก็เงียบลง
รอจนกลุ่มผู้คนพากันแยกย้ายกลับ หยางโปก็มองไปรอบๆ แต่กลับพบว่าทานิกาวะหายไปแล้ว
เขาหันไปมองหน้าลัวย่าวหัว ” เขาล่ะไปไหนแล้ว ? “
ลัวย่าวหัว กระพริบตา ” นายวางใจได้ ในเมื่อฉันกำลังรอดูการแสดงสนุกๆอยู่ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคอยสังเกตการเคลื่อนไหวเขา ! “
หยางโป เดินตาม ลัวย่าวหัว ไปที่หัวมุม ที่นั้นมีทางเลี้ยวหลบมุมอยู่ มันสามารถนำไปสู่สวนหลังบ้านได้ หยางโปแปลกใจมาก ” เดินเลี้ยวเข้าไปใช่ไหม ? “
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ฉันเห็นพวกเขาเดินเลี้ยวเข้าไปด้วยตาของฉันเอง “
” พวกเขา ? ” หยางโปแปลกใจมาก ” ทำไมถึงเป็นพวกเขา ? “
” ทานิกาวะและนามิเดินไปด้วยกัน ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก เขากำลังคิดอยู่ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจะทำยังไงกัน ? สารภาพความจริงต่อกันใช่ไหม ?
” อู่อีล่ะ ? ” หยางโปถามหา
ลัวย่าวส่ายหน้า ” ไม่รู้สิ เมื่อสักครู่เธอไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “
หยางโปขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขารู้ดีว่า อู่อีเป็นทายาทเพียงคนเดียวของทานิกาวะ
ไม่ว่ายังไง ทานิกาวะจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะปกป้องอู่อีเอาไว้อย่างแน่นอน
เมื่อเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน หยางโปก็เหลือบไปเห็นคนจำนวนหนึ่งรออยู่ด้านนอก หยางโปเดินตรงเข้าไป แต่กลับถูกขวางเอาไว้
“ ผมจะเข้าไปดูคุณทานิกาวะ พวกเรานัดหมายกันเอาไว้แล้ว ” หยางโปกล่าวอย่างมั่นใจ
บอดี้การ์ดมองหน้ากันไม่รู้ควรจะทำยังไงดี คุณทานิกาวะไม่ยอมให้ใครเข้าไปได้สักคน
แต่หยางโปเป็นข้อยกเว้นเพราะพวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหยางโปเป็นหมอเทวดาที่รักษาอาการป่วยระยะสุดท้ายของทานิกาวะให้หายขาดได้ เมื่ออยู่ที่นี่เขาจึงมีสถานะที่สูงมาก !
หยางโปผลักพวกเขาออกไป และเดินตรงเข้าไปด้านใน
เมื่อหยางโปเดินเลี้ยวไปทางมุมหนึ่ง ก็เห็นว่ามีโต๊ะตัวหนึ่งอยู่กลางสวนหลังบ้าน มีทานิกาวะและนามินั่งอยู่คนละฝั่ง มีเทียนจุดอยู่บนโต๊ะดูโรแมนติกมาก
หยางโปมองความโรแมนติกนี้ แต่กลับรู้สึกแปลกๆ
หยางโป ลากลัวย่าวหัวไปซ่อนตัวอยู่หลังมุมเพื่อแอบฟังทั้งสองคนสนทนากัน
ทานิกาวะยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วชนแก้วกับนามิ ” วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน 25 ปีของเรา คุณยังจำได้ไหม “
นามิตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา ” จำได้ แน่นอนว่าฉันจำได้ ตอนนั้นคุณยังดูเด็กเกินไป ดูยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตอนที่พ่อขอให้ฉันแต่งงานกับคุณ ฉันยังไม่เต็มใจ ! “
ทานิกาวะยิ้ม ” ใช่ แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปยี่สิบห้าปีแล้ว ตอนที่เราเพิ่งจะแต่งงานกัน ทะเลาะกันทั้งวัน ตอนนั้น ผมคิดว่าเมื่อไหร่วันเวลาจะจบลงซะที “
นามิมองไปที่ทานิกาวะ ” นี่จึงเป็นเหตุผลให้คุณไปมีชู้ในตอนนั้นใช่ไหม ? “
ทานิกาวะส่ายหน้า “ มันเป็นเรื่องน่าละอายในวัยที่คึกคะนอง ผ่านมาหลายปีแล้ว ผมละอายใจและกลับตัวกลับใจใหม่แล้ว ”
นามิพยักหน้า ” มันก็จริง แต่ฉันไม่ชอบอู่อี ตอนนี้เรามีลูกของเราเองแล้ว คุณคิดจะให้อู่อีกลับไปสหรัฐอเมริกาได้แล้วหรือยัง ? “
ทานิกาวะยิ้มเบาๆ “ ลูกของเราเองเหรอ ? ”