ตอนที่ 884 วัดนันเซนจิ
หยางโปเดินออกมาอีกครั้ง บนพื้นตรงด้านนอกก็ถูกล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พรมปูพื้นทั้งหมด โต๊ะยาวที่มีไว้จัดงานเลี้ยง ถ้วยชามทั้งหมดหายไปราวกับว่าคืนนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
แต่กลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นเลือดจางๆในอากาศ ก็บ่งบอกว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่นี่เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ !
ทานิกาวะเสียหน้าในงานเลี้ยงเต้นรำครั้งนี้ แต่แผนการของเขาและความเฉลียวฉลาดของเขากลับทำให้ทุกคนทึ่ง ยิงปืนไปเพียงครั้งเดียวก็แก้ปัญหาในงานเลี้ยงเต้นรำได้เกือบทั้งหมด
ลัวย่าวหัวยืนอยู่ด้านหลังหยางโป ” นายกำลังคิดอะไรอยู่ ? “
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่ได้คิดอะไร “
ลัวย่าวหัว ยิ้มและกล่าวว่า “ เดิมทีฉันยังคงคิดว่า ในแต่ละวันทานิกาวะคงจะไม่มีอะไรทำเช่นเดียวกับฉัน ก็สามารถขึ้นมานั่งเป็นประธานของกลุ่มได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันยังตามหลังอยู่ไกลทีเดียว พอได้ฟังที่พวกเขากล่าวถึง เรื่องในอดีต ตอนที่ทานิกาวะยังหนุ่มยังแน่นมันคงยากมากที่จะขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ”
ทานิกาวะเดินออกมาดูเหมือนเขาจะได้ยินคำพูดของ ลัวย่าวหัว แต่เขากลับไม่สนใจ เขาเหลือบมองไปทางหยางโป “ คุณหยาง คุณต้องการก้าวหน้าและอยู่ต่อที่ประเทศญี่ปุ่นไหม ? ”
หยางโปรู้สึกแปลกใจ “ ทำไมคุณถึงถามแบบนั้น ? ”
ทานิคาวะมองหน้าหยางโป เกิดลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยปากพูดว่า ” บางเรื่องผมคิดว่าพูดกันให้มันชัดเจนดีกว่า คุณหยางต่อจากนี้คุณก็รู้ดี ผมจะทุ่มเททุกอย่างในการฝึกฝนอู่อี เพื่อที่จะให้เธอได้ขึ้นมานั่งในตำแหน่งประธาน ต่อจากนี้เธอจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่โหดร้ายและขั้นตอนการต่อสู้นี้จะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ! “
“ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากให้เธอมีที่พึ่งพิง คุณหยางคุณมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพียงแค่มีคุณยืนอยู่ข้างหลังเธอ และสามารถช่วยรักษาอาการป่วยให้พี่น้องในสมาคมได้ เธอก็ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับตำแหน่งอีก ดังนั้นผมหวังว่าคุณหยางจะอยู่ที่นี่
เพื่อช่วยอู่อี ! ”
หยางโป มองหน้าทานิกาวะ ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมทานิกาวะถึงไม่หยุดพวกเขาไม่ให้ไปที่ริมทะเลสาบเมื่อสักครู่ ที่แท้ก็คิดแบบนี้นี่เอง !
แต่หยางโปกลับลังเล เขามีความรู้สึกดีต่ออู่อีก็จริง แม้ว่าจะมีการพบกันมาหลายครั้งก็ตาม
และเขาก็ดูออกว่า อู่อีเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง มีบุคลิกร่าเริง และไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยถึงสถานะจะเปลี่ยนไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่นี่ !
หยางโปมีความรู้สึกดีต่ออู่อี แต่เขาไม่ได้ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น และแม้ว่า สมาคมอินากาวะจะก่อตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่โดยปกติแล้วก็ยังคงถูกคนประณาม เขากลัวว่าปู่ของเขาจะคัดค้าน !
“ คุณทานิกาวะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมอยู่ต่อไม่ได้ ” หยางโปปฏิเสธ
สีหน้าขอทานิกาวะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาจ้องหยางโปไม่วางตาไปนานสักพัก ก่อนที่เขาจะส่ายหัวและถอนหายใจ ” ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ลืมมันไปซะ ! “
พูดจบ ทานิกาวะก็หันหลังและเดินกลับเข้าไปในห้อง
หยางโปมองทานิกาวะที่เดินจากไปและหันไปพูดกับลัวย่าวหัวว่า ” ฉันควรที่จะตอบตกลงไหม ? “
ลัวย่าวหัวพยักหน้าและพูดว่า ” ฉันคิดว่าควรที่จะตอบตกลง เพราะเงื่อนไขนี้ดีมากเขายกลูกสาวให้ และยังให้สินสอดมากมายขนาดนี้ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะตอบตกลงอย่างดีใจสุดๆไปเลย “
หยางโปหัวเราะ “ ถ้านายตอบตกลง พรุ่งนี้ก็คงมีชื่อพาดหัวข่าวในหน้าสื่อต่างประเทศ ลูกชายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแต่งงานกับลูกสาวของผู้นำของแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น หัวข้อข่าวแบบนี้ ต้องได้รับความนิยมมากแน่ๆถูกไหม ? ”
ลัวย่าวหัวตกตะลึงไปชั่วขณะเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆถ้ามีการรายงานออกไปจริง นั้นถึงจะเป็นเรื่องที่หลอกลวงกันชัดๆ
เมื่อหยางโปกลับมาถึงห้องรับแขก ก็พบว่าอู่อีนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มไม่หยุด เหมือนแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่ง
ลัวย่าวหัวจึงเดินกลับไปที่ห้องอย่างเงียบๆ
หยางโปเดินเข้ามานั่งข้างๆเธอ จากนั้นก็สวมกอดเธอเอาไว้เบาๆ ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆฉันอยู่ต่อไม่ได้ “
อู่อีส่ายหัว ” ไม่เป็นไรฉันรู้ “
หยางโปหมดสิ้นหนทาง “ เธอน่าจะตรวจสอบตัวตนของฉันมาก่อนแล้ว ถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อไปมันจะส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ”
อู่อีพยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบกลับว่ายังไง แต่น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด
หยางโปเข้าไปกอดเธอและปล่อยให้เธอร้องไห้ในอ้อมกอดของเขาต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน อู่อีก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่บวมและแดงก่ำ แต่ใบหน้ายังคงงดงาม
เธอเงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ ในภายภาคหน้าฉันหมายความว่าในอนาคตถ้ามีโอกาสนายจะยังมาหาฉันที่ญี่ปุ่นไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” แน่นอน ฉันจะมาหาเธอแน่นอน “
อู่อีเม้มริมฝีปากและยิ้มออกมาอย่างสดใส
วันที่สองหยางโปไปกินซ่าเยี่ยมชมตึกนั้นที่ทานิกาวะมอบให้เขาแล้วก็ไปทำเรื่องโอนย้าย
อันที่จริงหยางโปไม่ได้สนใจอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มากนัก แต่เนื่องจากทานิกาวะมอบให้เขาจึงต้องยอมรับมันไว้จะปฏิเสธทิ้งไปมันก็กะไรอยู่ ?
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยางโปและลัวย่าวหัวก็ตั้งใจที่จะอำลาและไปจากโตเกียว
เมื่อหยางโปพบกับอู่อี อู่อีก็มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส และกลับสู่สภาวะปกติเธอสวมชุดกระโปรงสีดำเดินตามหลังทานิกาวะมา และได้กลายเป็นเลขาคนใหม่ของทานิกาวะ แต่เวลาที่ทุกคนเรียกขานเธอ ต่างเรียกเธอว่า ผู้จัดการอู่อี
แม้ว่าท่าทีของทานิกาวะจะยังคงให้ความเคารพ แต่น้ำเสียงของเขาก็แปลกไป “ คุณหยางในเมื่อคุณจะจากไปแล้ว ผมก็ไม่ขอให้พวกคุณอยู่ต่อ แต่ช่วงนี้ผมเพิ่งได้รับข่าวว่ามีหญ้ามงคลอายุพันปีในวัดนันเซนจิที่อยู่ตีนเขาภูเขาไฟฟูจิ ”
“ หญ้ามงคลพันปี ? ” หยางโปรู้สึกค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
ทานิงาวะพยักหน้า “ ผมก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจน วัดนันเซนจิมีชื่อเสียงมาก ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ 1,500 ปีก่อน แต่ชื่อเสียงไม่โด่งดังมากนัก แต่เท่าที่ผมรู้มา วัดนันเซนจิ 1,500ปีมานี้ไม่เคยขาดการไปทำบุญสักการะ พระในวัดมีไม่มากนักและถ่อมตัวกันมาก ”
หยางโปขมวดคิ้วโดยทั่วไปแล้ว วัดที่มีประวัติมาอย่างยาวนานล้วนมีชื่อเสียงมาก แม้ในอดีตจะไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่หากมีอายุยืนยาวถึงพันปี ชาวบ้านใกล้เคียงจะต้องรณรงค์ส่งเสริม
วัดนันเซนจิแห่งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง ?
แต่ยังไงก็ตาม ในเมื่อมีหญ้ามงคลพันปีอยู่ ต่อให้การไปครั้งนี้จะเป็นการวิ่งไปโดยเปล่าประโยชน์ หยางโปก็ไม่สนใจ
“ ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณคุณทานิกาวะมากแล้ว ดูเหมือนว่าผมจะต้องไปที่วัดนันเซนจิสักรอบแล้ว ” หยางโปกล่าว
ทานิกาวะยิ้ม “ คุณหยาง หวังว่าคุณจะบรรลุตามเป้าหมายนะ ”
หยางโปพยักหน้า ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าให้อู่อี และขอตัวจากไป
เมื่อเดินออกจากอาคารสำนักงานใหญ่ของสมาคมอินากาวะมา หยางโปก็ชำเลืองมองลัวย่าวหัว “ รู้สึกว่ามันแปลกๆไหม ? ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ใช่ ฉันก็รู้สึกว่าคำพูดของเขาไม่สอดคล้องกัน เป็นไปได้ยังไงที่วัดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานจะไม่เป็นที่รู้จัก ? “
หยางโปส่ายหัว ” ช่างเถอะ ในเมื่อเขาได้รับเบาะแสมา ไปดูกันสักรอบเถอะ ถ้าไม่ไป
ก็จะรู้สึกคาใจ “
ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ นายนี่มัน ตอนนี้นายฝึกฝนตบะจนกลายเป็นคนงี่เง่าไปแล้วหรือไง ฉันคิดว่าเมื่อคืนนายจะจัดการอู่อีเสร็จเรียบร้อยไปแล้วซะอีก ? คิดไม่ถึงว่านายจะเสียโอกาสดีๆไปเปล่าๆ ! ”
หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมาก
ทั้งสองคนขึ้นรถแท็กซี่และบอกให้คนขับรถมุ่งหน้าไปที่ชื่อ ” วัดนันเซนจิ ” ทันที แต่คิดไม่ถึงว่าคนขับจะไม่รู้จักที่อยู่อย่างชัดเจน
หยางโปบอกว่าวัดนันเซนจิ ชื่อเสียงไม่โด่งดังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่คิดไม่ถึงว่าคนขับรถจะอธิบายว่า ” นั้นมันในสายตาของคนนอกอย่างพวกคุณ วัดนันเซนจิไม่ค่อยเป็นที่
รู้จัก แต่สำหรับพวกเราแล้ววัดนันเซนจิศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ! “