ตอนที่ 886 ชายหญิงอาบน้ำร่วมกัน
เถ้าแก่ส่ายหน้า ” รายละเอียดผมไม่ทราบ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมยังมีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำ
ผมต้องกลับไปแล้ว “
พอพูดจบ เถ้าแก่ก็เลิกสนใจและหันหลังเดินจากไป
หยางโปมองตามร่างของเถ้าแก่ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกฉงน ” เป็นไปได้ยังไง ? “
ลัวย่าวหัว ยังกล่าวอีกว่า ” ใช่ มันจะเป็นไปได้ได้ยังไง ? “
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ ลัวย่าวหัวก็หันมาพูดกับหยางโปว่า ” นายติดต่อไปหาทานิกาวะหน่อยได้ไหม ถามเขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ” หยางโปพยักหน้า แต่แทนที่จะโทรหาทานิกาวะเขากลับต่อสายโทรไปหาอู่อีและถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
อู่อีที่ไม่รู้อะไรเลย เธอจึงถามทานิกาวะไปตามตรง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน
เมื่อกลับมาถึงที่วัดนันเซนจิอีกครั้ง กลุ่มที่ต่อแถวกันอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย แต่ยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
เป็นเรื่องยากที่หยางโปจะเข้าใจจิตใจของคนเหล่านี้ ในเวลานี้ แสงแดดกำลังร้อนแรงแผดจ้า
ผู้คนต่างตากแดดกันจนเหงื่อไหลซึมเหตุใดคนเหล่านี้จึงยืนรอต่อแถวกันอยู่ที่นี่ เพียงเพื่อจุดธูปสักการะเท่านั้นจริงๆเหรอ ?
หยางโปลังเลเล็กน้อยและเดินออกไปที่ด้านนอกวัดอีกครั้ง เขายืนอยู่หน้าอาราม แสงกระพริบผ่านตาเขาและผ่านกำแพงด้านนอก หยางโปเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมทะเลใต้นั่งอยู่ตรงกลางภายในห้อง รูปปั้นปางนั่งนี้มีความสูงประมาณห้าเมตร มือหนึ่งถือ น้ำมนต์ทิพย์เอาไว้ อีกมือหนึ่งทำท่าประทานพร ดูมีเมตตา อัธยาศัยดีและดูเคร่งขรึมน่าเคารพ
ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ยังมีคนเข้าแถวต่อคิวกันอยู่ ไม่มีคนถือธูปบูชาพระ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
หยางโปยืนดูอยู่ข้างนอกสักพัก แต่ก็ไม่พบอะไร แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินจากไป เขาก็เห็นคนที่กำลังบูชาสักการะหยิบเอาจี้ที่ทำขึ้นจากไม้ไผ่ออกมาจากคอ จี้สลักรูปปั้นเหมือนรูปปั้นปางนั่งของเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่กลางห้องโถง ชายผู้นั้นนำรูปปั้นเหมือนของพระโพธิสัตว์ไปไว้ตรงกลางอุ้มมือ แล้วหันศีรษะโน้มไปทางพระโพธิสัตว์ที่อยู่ใจกลางห้องโถงใหญ่เพื่ออธิษฐาน
ลัวย่าวหัวดึงหยางโปไว้ ” นายไม่เห็นหรือไง ผู้หญิงที่มาบูชาสักการะที่นี่จะมีเยอะกว่า ? “
หยางโปมองไปรอบๆ และเห็นว่าสภาพเป็นแบบนั้นจริงๆในสถานที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ใหญ่เกือบทั้งหมดและแทบจะไม่เห็นเด็กเลย “ หรือว่านี่คือเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรหรือเปล่า ? ” หยางโปหันกลับมามองหาคนเพื่อจะสอบถาม แต่ในขณะหันกลับมา เขาก็เหลือบไปเห็นอีกคนก็มีรูปเจ้าแม่กวนอิมห้อยอยู่บนหน้าอก เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ หยางโปก็เห็นว่าบนหน้าอกของคนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีจี้เจ้าแม่กวนอิมห้อยอยู่ !
หยางโปค้นหาอย่างละเอียด ก็พบสถานที่แห่งหนึ่งในวัดที่แจกจี้ไม้ไผ่ มีแม่ชีท่านหนึ่ง ยืนอยู่ตรงทางออกที่ผู้แสวงบุญไปปักธูป เพื่อแจกจี้ไม้ไผ่แบบนี้ให้กับแขกทุกคนที่มาบริจาคเงินค่าธูป
หยางโปหันไปโบกมือให้ ลัวย่าวหัว ” ไป พวกเราไปหาที่กันเถอะ “
” ที่อะไร ? ” ลัวย่าวหัวถาม
“ สถานที่ขายจี้ ! ” หยางโปตอบ
ลัวย่าวหัวมึนงงมาก แต่เขาไม่รู้ว่าหยางโป หมายถึงอะไร แต่ในเมื่อหยางโปมีเบาะแสเขาจึงตามไป
หยางโปเดินไปตามทางเดินร้านค้าริมถนน และมองหาจี้ไม้ไผ่แบบนี้ที่พบเห็นได้บ่อยตามร้านค้าข้างทางแต่ละร้าน เขาก็พบมันทั้งสามร้าน แต่เขาดูออกว่า คุณภาพของจี้ไม้ไผ่เหล่านี้แย่กว่าที่วัดมอบให้มาก
เมื่อ ลัวย่าวหัวเห็นหยางโปเลือกรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ” พวกนี่เป็นจี้ไม้ไผ่ธรรมดา เรากลับไปเมืองจีนหาจี้ดีๆ ซื้อที่เป็นหยกกันเถอะ มันจะดีกว่านี้ไหม ? “
หยางโปโบกมือ “ นายไม่เห็นหรือไง ? ว่ามีจี้แบบนี้ห้อยอยู่ที่คอของลูกศิษย์ที่ศรัทธาทุกคน ? ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะสงสัย “ ฉันเห็นสาวสวยคนหนึ่งโค้งคำนับลงต่ำไปหน่อย โดยเฉพาะสิ่งของที่ห้อยอยู่บนเชือกสีแดงที่ซ่อนอยู่ในร่องอกอย่างมิดชิด แต่มันไม่น่าจะเป็นชิ้นหยกหรอกเหรอ ?
มันเป็นไปได้ยังไงที่รูปปั้นแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมปางนั่งจะทำมาจากไม่ไผ่ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ นั่นสินะ แต่สีของไผ่ชนิดนั้นค่อนข้างแตกต่างกันไป ดูเหมือนจะเป็นสีม่วงหน่อยๆ ”
หลังจากทักทายกับเถ้าแก่ หยางโปก็เอ่ยถึงปัญหานี้ออกมาทันที
เถ้าแก่โบกมือว่า ” นี่ ผมลอกเลียนแบบมา ต่อให้คุณจะจากที่นี่ไปจนถึงกินซ่าโตเกียว ก็ไม่มีทางหารูปปั้นกวนอิมไผ่สีม่วงจากพวกเขาได้ เพราะไผ่สีม่วงชนิดนี้มีอยู่แต่ในวัดนันเซนจิเท่านั้น “
หยางโปมองหน้าเถ้าแก่ “ วัดนันเซนจิมีพระอยู่เป็นหลักหรือแม่ชีอยู่เป็นหลักอย่างงั้นเหรอ ? ”
“ แน่นอนว่าต้องเป็นแม่ชี แต่ก็ยังมีพระอยู่ในวัดสองสามรูป ” เถ้าแก่ตอบ “ เทคนิคการแกะสลักไม้ไผ่สีม่วงของวัดนันเซนจิละเอียดอ่อนมาก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ”
” ไผ่ม่วงมีอยู่ที่ไหน คุณรู้ไหม ? ” หยางโปถาม
เถ้าแก่ส่ายหัว ” ได้ยินว่ามีอยู่บนภูเขา แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะผมยังไม่เคยเห็นไผ่สีม่วงบนภูเขามาก่อน มันจะไปอยู่บนภูเขาได้ยังไง ? “
หลังจากสอบถามอยู่สักพัก ก็ไม่สามารถหาแหล่งที่มาของไผ่สีม่วงได้ หยางโปถึงได้ยอมแพ้
ลัวย่าวหัวก็พอจะเข้าใจความคิดส่วนใหญ่ของหยางโป “ นายคิดว่าพวกเขายังมีสำนักแม่ชีอยู่อย่างเป็นทางการหรือเปล่า ? ” หยางโปพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงค่ายกลกระบี่ของตระกูลวอล์คเกอร์ขึ้นมา แต่ตัวเขาเองก็ปฏิเสธไปอีกครั้ง นี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วค่ายกลกระบี่ที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาตินั้นยากที่เราจะบังเอิญพบเจอ ต่อให้เราไปขอพระ
ขอพรให้เจอ ยังไงมันก็ไม่สำเร็จมันขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตจริงๆ
ลัวย่าวหัวแนะนำ ” ในเมื่อหาไม่เจองั้นก็ช่างเถอะ พวกเราไปปีนเขาแช่น้ำพุร้อนกันดีกว่า รู้สึกว่าน้ำพุร้อนที่นี่น่าจะดี ที่สำคัญที่สุดคือได้ยินมาว่าน้ำพุร้อนบนภูเขาผู้ชายกับผู้หญิงสามารถอาบน้ำร่วมกันได้ ! “
หยางโปหันไปมองลัวย่าวหัว ” นายรู้ได้ยังไง ? “
ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ มีเรื่องอะไรที่สามารถปกปิดฉันได้ ? พวกเรารีบเรียกแท็กซี่ขึ้นไปบนภูเขาในขณะที่มันยังเช้าอยู่ดีกว่า เราสามารถใช้เวลาช่วงบ่ายผ่อนคลายแช่น้ำอยู่บนภูเขาได้ ช่วงเย็น
ก็ไปนวดกันอีกสักหน่อย จะได้รู้สึกสบายดีไหม ! “
หยางโปพยักหน้าเห็นด้วย เขาจึงไม่มองหางานแกะสลักไม้ไผ่สีม่วงอีกแต่ตรงไปขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังภูเขา
หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่สามารถตามหาวัตถุดิบยารักษาโรคพันปีในวัดนันเซนจิได้
แต่ตอนที่เข้ามา เขาไม่ได้คาดหวังกับเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงสามารถยอมรับได้
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงโรงอาบน้ำน้ำพุร้อน ลัวย่าวหัวใช้ภาษาญี่ปุ่นที่น่าเวทนาของเขาอธิบายความต้องการของเขาต่อเถ้าแก่
เถ้าแก่จึงรีบจัดการให้อย่างรวดเร็ว
น้ำพุร้อนในญี่ปุ่นมีเยอะมาก ในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลทำให้ชายหญิงเคยชินที่จะอาบน้ำร่วมกัน ต่อมาเมื่อมีโรงอาบน้ำเกิดขึ้นในเมือง เนื่องจากเมืองที่เจริญรุ่งเรืองขึ้น เพื่อให้โรงอาบน้ำเป็นที่พึงพอใจของผู้คน สถานที่เล็กๆจึงมีเพียงโรงอาบน้ำเดียวเกิดขึ้นเพื่อให้เป็นที่พอใจ ดังนั้นราคาของความพึงพอใจนี้ก็คือโรงอาบน้ำร่วมสำหรับชายและหญิง
โรงอาบน้ำน้ำพุร้อน ที่หยางโปทั้งสองมองหา ด้านในมีอ่างน้ำพุร้อนธรรมชาติที่บริสุทธิ์ พวกเขาพันตัวด้วยผ้าขนหนู จากนั้นก็เดินเข้าไป และเห็นว่ามีคนอาบน้ำอยู่หลายคนแล้ว ทั้งสองจึงเดินผ่านไป
เมื่อต้องมาอาบน้ำชายหญิงร่วมกันจริงๆ หยางโปก็ยังคงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงตรงข้ามดูเหมือนจะเป็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว จับจ้องมองมาที่เรือนร่างของเขาตลอดเวลา และดูเหมือนเธอจะสนใจเอามากๆ
เมื่อนั่งลงในอ่างอาบน้ำ หยางโปก็แก้ผ้าขนหนูออก และวางลงด้านข้าง น้ำในอ่างใสมาก
จนสมารถมองเห็นได้ชัดแจ๋ว
ทางด้านลัวย่าวหัวดูเป็นตัวเองมาก เวลานี้เขาเริ่มมองไปรอบๆอย่างกำเริบเสิบสาน
หลังจากผ่านไปสักพัก หยางโปก็เงยหน้าขึ้นและเห็นคน 5 คนนั่งอยู่ตรงข้าม เป็นผู้หญิง 4 คน และเด็กผู้ชายวัยสิบกว่าขวบ มีสองคนที่อายุน้อย ที่มีอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ มีหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว 1 คนและอีกคนเป็นแม่ของเด็ก
พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะจ้องมองมาที่หยางโป และก้มหน้ากระซิบกันเป็นครั้งคราว