ตอนที่ 896 อันไหนสำคัญ
หยางโปนั่งอยู่ในรถ เขาถือกระถางดอกไม้ไว้ในอ้อมแขน พอเหลือบมองออกไปด้านนอกก็พบว่าประตูของวัดนันเซ็นจิปิดอยู่ แต่ด้านนอกวัดนันเซ็นจิกลับมีผู้คนจำนวนมากรายล้อมอยู่ !
ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเคยมาที่วัดนันเซ็นจิ พวกเขาเชื่อใน ซือไท่ฮุ่ยหราน แต่แค่คิดไม่ถึงว่า เบื้องหลังของซือไท่ฮุ่ยหรานจะยังมีปีศาจคอยชักใยอยู่ !
บางคนโชคดีที่ไม่ตอบตกลงรักษาโรคตามคำขอร้องของซือไท่ฮุ่ยหราน ในขณะที่คนอื่นๆ
เจ็บใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะพวกเธอเชื่อมั่นในตัวแม่ชีอย่างผิดๆ และพากันมาที่วัดนันเซ็นจิในยามวิกาล หลังจากได้สติตื่นขึ้นก็มีบางคนที่เห็นถึงความผิดปกติ แต่เพราะชื่อเสียงจึงถูกพวกเธอปกปิดเอาไว้
มีผู้คนจำนวนมากมาสักการบูชาวัดนันเซ็นจิเป็นเวลานานสิบปี แต่ตอนนี้เมื่อได้รับข่าวคราวเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าความศรัทธา และโลกทั้งใบได้พังทลายลงในพริบตา
ความรู้สึกทั้งหมดถูกระบายออกมาหมดเมื่อได้เห็นตราประทับปิดผนึกสีขาวของวัดนันเซ็นจิ !
“ ดีนะที่ฉันอยู่กับความเป็นจริง ! ”
“ ลงโทษพระมิยามะให้หนักไปเลย ลงโทษซือไท่ฮุ่ยหรานให้หนักด้วย ! ”
ทุกคนต่างก็ยืนอยู่นอกวัดนันเซ็นจิ ต่างร้องประท้วงด้วยเสียงอันดัง !
” พวกนายมองไปทางนั่นสิ ” ลัวย่าวหัวชี้ไปที่ด้านหน้าและเอ่ยขึ้น
หยางโปเงยหน้าขึ้นก็เห็นกลุ่มคนวิ่งกรูกันมาจากมุมถนนตรงหน้า พวกเขาใส่ชุดกระสอบ
ร้องไห้เสียงดัง นั่นคือครอบครัวของคนตายที่อยู่ใต้แปลงดอกไม้นั่นเอง !
” เป็นบ้าไปแล้ว ! ” ถึงแม้ลัวย่าวหัวจะเกลียดชังประเทศญี่ปุ่นมากเพียงใด แต่เมื่อต้องมาเผชิญกับโศกนาฏกรรมแบบนี้ ก็ยังรู้สึกหดหู่ใจ ! หยางโปมองออกไปด้านนอกและปัดมือ ” ช่างเถอะ พวกเราไปกันเถอะ “
รถค่อยๆขับเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆระหว่างทางขับสวนกับรถตำรวจหลายคันที่รีบขับเข้ามา
เห็นได้ชัดว่าที่เกิดเหตุค่อนข้างวุ่นวายโกลาหล
ลัวย่าวหัวชายตามองหยางโป ” พวกเราไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม ? “
หยางโปพยักหน้า แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ ทำไมพระมิยามะที่ผลิตยาแฝดมานานหลายปี
แต่ทำไมถึงไม่มีเบาะแสรัวไหลออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ?
แต่หยางโปก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ” เรื่องราวที่เหลืออยู่ปล่อยให้พวกเขาโต้เถียงกันไปเถอะ “
อู่อีเงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ นายไม่อยู่รอดูเรื่องสนุกๆเหรอ ? ไม่อยากดูตอนจบของพระมิยามะ
รึไง ? ”
หยางโปส่ายหัว ” ไม่ล่ะ ฉันพอจะนึกถึงผลลัพธ์ตอนจบออกแล้ว ไม่ต้องดูก็ได้ “
อู่อีพยักหน้า ” แล้วของพวกนั้นของนายล่ะ ควรจะจัดการยังไง ? “
ของพวกนั้น ขนาดหยางโปเองยังไม่ทันไปดูรายละเอียดเลยด้วยซ้ำ เขามาคิดๆดู
” ส่งตรงไปที่ฮ่องกงเลย ฉันจะให้คนที่นั่นอยู่รอรับสินค้าเอง “
อู่อีพยักหน้า ” แบบนี้มันจะดีและยิ่งปลอดภัยกว่า “
ถึงแม้จะมีรู้สึกทำใจไม่ได้มากแค่ไหน แต่อู่อีก็ยังคงไปส่งทั้งสองคนที่สนามบินเธอจ้องมองหยางโปและมองไปที่กระถางดอกไม้ในอ้อมแขนของเขา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า ” ทำไมคุณถึงถือมันไว้ตลอดเวลา ส่งไม้กระถางให้ฉันเถอะ!”
หยางโปรีบยิ้มและพูดว่า ” สมบัติชิ้นนี้ ที่พ่อของเธอบอกว่าวัดนันเซ็นจิมียาอายุวัฒนะพันปี
แต่ที่นั้นกลับไม่มียาอายุวัฒนะพันปีอยู่ มีแต่พืชนี้ที่มีพลังพิเศษอยู่เท่านั้น “
อู่อีจ้องมองหยางโปด้วยความรักใคร่ หลังจากผ่านไปสักพักถึงได้ถามออกมาว่า
” นายยังจะกลับมาหาฉันไหม ? “
หยางโปมองหน้า อู่อี เห็นใบหน้าที่งดงามดูเศร้าก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ” ไม่ต้องกังวล ฉันมาแน่ “
ลัวย่าวหัวเดินไปยืนอยู่ด้านข้าง มองดูคนทั้งสองคนโดยไม่พูดอะไร
หลังจากผ่านไปสักพัก หยางโปถึงได้เดินเข้าไปในสนามบินพร้อมด้วยลัวย่าวหัว
ลัวย่าวหัวหันมามองหยางโป ” นายยังจะกลับมาอีกเหรอ ? “
หยางโปนิ่งเงียบไป “ อาจจะมา ! ”
” น่าจะมีโอกาสอยู่ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่สนามบิน ” ไม่รู้ว่าที่อเมริกาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ! “
เมื่อเครื่องบินลงจอด หยวนเฉิงเฟยก็ได้ส่งคนมารับหยางโปทั้งสองคนจนมาถึงบ้านพัก
หยางโปถึงได้พบกับอวี่เหวิน
อวี่เหวินสวมชุดถังจวงสีขาว เส้นผมดูเป็นสีเทาจางๆ ดูเหมือนว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว
ขณะที่หยวนเฉิงเฟยลูกศิษย์ยืนอยู่ข้างๆเขา
“ ดูเหมือนว่าเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ นายจะตกอยู่ในห้วงแห่งความรักนะ ! ” ทันทีที่เจอหน้าหยางโป อวี่เหวินก็อดที่จะแซวไม่ได้
หยางโปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง และรู้สึกตกใจไม่น้อย แต่ลัวย่าวหัวก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า
” คุณมีสายตาที่ดีมากจริงๆ ช่วยผมดูหน่อยสิ ว่าผมมีโชคในเรื่องความรักบ้างหรือเปล่า ? “
อวี่เหวินหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ หยางโปแก้มแดง หน้าผากชมพู มันคืออาการของคนตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ยิ่งไปกว่านั้นพวกนายไปประเทศญี่ปุ่นกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้น ฉันดูออกนานแล้ว ว่าสาวน้อยคนนั้นมีใจให้กับหยางโป ! ”
ลัวย่าวหัวยกนิ้วหัวแม่มือให้ ” ช่างเก่งกาจจริงๆ ! “
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ลัวย่าวหัว ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปทางข้างกายอวี่เหวิน
อวี่เหวินหัวเราะ “ คุณเหรอ ไม่ต้องดูหรอก ปีนี้คุณไม่มีโชคในเรื่องความรัก น่าจะไม่มีความเป็นไปได้ จมูกของคุณโด่งมาก คิ้วขมวด แค่ดูก็ดุเหมือนเสือ ดังนั้นคุณจึงไม่มีทางตกอยู่ในห้วงแห่งความรักได้ ”
เมื่อลัวย่าวหัวได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกตะลึงไปทันที เขาเป็นคนเจ้าชู้ มีหรือที่จะคิดถึงว่าจุดที่ตัวเองชำนาญที่สุดจะมีปัญหา หรือเขาจะต้องมาเป็นคนรักเดียวใจเดียวขึ้นจริงๆแล้ว ?
หยางโปมองอวี่เหวินอย่างพินิจพิเคราะห์ เมื่อเห็นว่าเส้นผมหงอกของเขาเปลี่ยนสี น่าจะเกิดจากการฟื้นฟูร่างกายในช่วงนี้ ” ก่อนหน้านี้ผมได้รับโสมคนมาบางส่วน และส่งมาให้ คุณได้รับแล้วหรือยัง ? “
อวี่เหวินพยักหน้า ” ได้รับแล้ว ขอบคุณมาก ต่อจากนี้ ถ้ายาบำรุงพวกนี้ไม่พอใช้ นายก็ไม่ต้องเก็บรวบรวมให้อีกแล้ว “
หยางโปพยักหน้า เพราะเขาสัมผัสได้ว่าสภาพร่างกายของอวี่เหวินฟื้นกลับมามีชีวิตชีวามากแล้ว ตอนนี้เขาเพียงแค่ฝึกฝนฟื้นฟูตบะกลับมาใหม่ ก็น่าจะหายเป็นปกติแล้ว แต่หลังจากผ่านประสบการณ์กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เกรงว่าต่อไปในภายภาคหน้าอวี่เหวินคงจะก้าวหน้าได้ยากแล้ว
“ ตอนนี้มียาอะไรที่พอจะรักษาอาการของคุณได้บ้าง ? ” หยางโปถาม
อวี่เหวินส่ายหัว “ ถ้ามี กลัวว่ามันจะไม่มีอยู่ในโลกใบนี้น่ะสิ นายไม่ต้องมาสนใจเรื่องของฉัน
ฉันจัดการมันเองได้ ”
“ เดิมทีฉันคิดว่าพวกนายจะกลับประเทศจีนไปเลย มาตอนนี้คิดที่จะกลับมาทำอะไรอีกล่ะ ? ”
อวี่เหวินถาม
หยางโปลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหยวนเฉิงเฟย ” ผมมาเอากระจกแก้วเจ็ดประการ ” หยวนเฉิงเฟยตกใจจนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำหน้าเหยเก กุมมือขึ้นและเอ่ยออกมาว่า
” อาจารย์ลุง เรื่องของกระจกแก้วเจ็ดประการ อันที่จริงเป็นความผิดของผมเอง ผมขอยอมรับผิดอย่างจริงใจต่อท่าน หวังว่าท่านจะให้อภัยผม ! “
หยางโปจ้องมองหยวนเฉิงเฟยด้วยสายตาลุกวาวราวกับไฟ ” นายผิดไปแล้วงั้นเหรอ ? แล้วทำไมนายถึงผิดไปได้ล่ะ ? “
หยวนเฉิงเฟยตกตะลึง ชำเลืองมองไปที่อวี่เหวิน เมื่อเห็นว่าอวี่เหวินไม่ได้ขยับเขยื้อน
เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดต่อไปว่า ” อาจารย์ลุง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่เต็มไปหมด ผมต้องการรักษาโรคของอาจารย์ให้หายโดยเร็วที่สุด ในช่วงไม่กี่วันที่คุณไม่อยู่
อาจารย์ป่วยหนักมากถ้าหากรักษาไม่ทันเวลา อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ! “
หยางโปส่ายหัวช้าๆ ” อาการของเขา ฉันรู้ดี และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแข่งกับเวลาเช่นกัน “
“ อาจารย์ลุงเล็ก ผมไม่เข้าใจ การช่วยชีวิตอาจารย์สำคัญหรือว่ากระจกแก้วเจ็ดประการของท่านสำคัญกว่ากันแน่ ! ” จู่ๆหยวนเฉิงเฟยก็ตะคอกเสียงดังออกมา
หยางโปตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาจ้องมองหยวนเฉิงเฟย ที่มีสีหน้าท่าทางที่เรียบเฉย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขยะแขยงมากขึ้น เขาจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเฉียบขาด ” ตอนนี้ฉันกำลังพูดถึงพฤติกรรมของหัวขโมยอยู่ ! “
อวี่เหวิน นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดว่าอะไร