ตอนที่ 913 บังคับแต่งงาน
ชุยอี้ผิงและหยางโปพูดคุยกันทั้งบ่าย จวบจนค่ําถึงได้ขอตัวกลับ ก่อนจะกลับเขาได้เตือนหยางโปไปว่า ” คุณปูถามหานายมีเรื่องจะพูดด้วย เย็นนี้นายไปหาหน่อยก็แล้วกัน !”
หยางโปพยักหน้า ถึงรู้ว่านี่คงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ชุยอี้ผิงมาหาวันนี้ !
หยางโปไม่รอช้า พอชุยอี้ผิงกลับไปได้ไม่นาน เขาก็บอกกับหลินหลินและออกไปทันที
เมื่อมาถึงบ้านเก่า หยางโปก็เห็นว่าชุยอี้ผิงมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า
“นายจะมา ทําไมไม่บอกฉันมาตามตรง พวกเราจะได้มาด้วยกัน !”
ชุยอี้ผิงยิ้มและตอบกลับไปว่า ” ฉันไปทําธุระก่อนถึงจะมาที่นี่ ใครจะไปรู้ว่านายจะช้าขนาดนี้
ชายชรากําลังทําสวนอยู่ในสวนผัก หยางโปทักทายกับชายชรา จากนั้นก็นั่งลงจิบชาอยู่ข้างๆ
สวนผักมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ชายชราก็มักจะชอบไปคลุกอยู่ด้านในสวนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ยอมให้คนอื่นมายุ่ง นานวันเข้า ทุกคนก็เคยชินกับนิสัยของชายชรา จึงมีโต๊ะน้ําชาอยู่ข้างสวนผักไว้เพื่อนั่งรออยู่ตรงนี้เป็นการเฉพาะ
หลังจากชายชรายุ่งอยู่กับงานได้สักพัก ก็ล้างมือและหยิบชาที่หยางโปชงให้ขึ้นมาจิบอีกใหญ่ก่อนที่จะหันมาสํารวจมองหยางโปก่อนจะพูดว่า “ เล่าเรื่องตอนที่แกอยู่ที่อเมริกามาให้ฟังมาทั้งหมด ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่มีปัญหา ”
หยางโปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาตอนที่อยู่อเมริกาให้ฟัง แต่เขาปกปิดความสามารถของ
อวี่เหวินเอาไว้ บอกไปแค่ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้
ชายชราขมวดคิ้ว “ แกหมายความว่า แกแน่ใจว่าคนที่ตามไล่ฆ่าแกครั้งนี้เป็นใครโดยเฉพาะ อย่างยิ่งเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อหัวงูทองสัมฤทธิ์ แต่เพื่อของอย่างอื่น ? มันคืออะไร ?
หยางโปลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกระบี่หยกออกจากกระเปาแล้ววางลงบนโต๊ะ “ กระบี่หยก ”
ชายชราหยิบกระบี่หยกขึ้นมาสํารวจดูอย่างละเอียด “ นี่มันก็ไม่ได้มีอะไรเลยหนิ ? ”
หยางโปส่ายหัว ” ผมก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัดว่ากระบี่หยกเล่มนี้มีไว้ใช้เพื่ออะไร”
“ ถ้าอย่างนั้นแกก็มอบกระบี่หยกเล่มนี้ให้ฉัน ฉันจะเชิญเพื่อนเก่าสักสองสามคนมาช่วยแกตรวจสอบดู” ชายชรากล่าว
หยางโปลิ้งไปเล็กน้อย กระบี่หยกเล่มนี้มีมูลค่ามาก ถือได้ว่าเป็นกระบี่เล่มแรกที่เขาเห็นว่ามีพลังอยู่เลยก็ว่าได้ กระบี่หยกเล่มนี้ไม่ธรรมดาเอามากๆ ตอนนี้เขายังไม่มีเวลามาศึกษากระบี่หยก แน่นอนว่าจะส่งมอบไปตามใจชอบไม่ได้ !
เมื่อเห็นหยางโปดูเหมือนจะไม่เต็มใจ ชายชราก็ได้อธิบายไปว่า “ แกวางใจได้ ไม่เกิดปัญหาขึ้นแน่นอน”
“ คุณปู ผมคิดว่าอวี่เหวินอาจใช้กระบี่หยกเล่มนี้ได้บางทีหยวนเฉิงเฟย อาจจะคิดแย่งชิงกระบี่หยกเล่มนี้เพื่ออวี่เหวินก็เป็นได้ ” หยางโปพูดโกหก
ชายชราจ้องหน้าหยางโปอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา “ แกนี้นะ แค่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา แกต้องรู้เอาเลยไว้นะ ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องมาถึงชีวิตของแก ฉันแค่ต้องการทราบปัจจัยที่คุกคามถึงความปลอดภัยในชีวิตของแกเท่านั้น ถ้าแกไม่ให้ความร่วมมือ แล้วจะทําให้ฉันสบายใจได้ยังไง ?”
ชุยอี้ผิงก็พูดเกลี้ยกล่อมอยู่ด้านข้างเช่นกัน “ ฉันก็รู้สึกว่าเรื่องที่นายพูดมาพวกนี้ ดูย้ําๆอึ้งๆไปหมด และยังดูค่อนข้างมีข้อขัดแย้งกันอยู่”
หยางโปค่อนข้างสับสน เขาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องการฝึกฝนพลัง แต่ชายชราเป็นคนที่มีหลักครองธรรมในสังคม และเคยพบกับอวี่เหวินมาก่อน เขาพอจะรู้จักอวี่เหวิน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลอกเขาได้
หลังจากลังเลเล็กน้อย หยางโปก็หยิบกระบี่หยกขึ้นมา พลังงานกลางจุดตันเถียนวิ่ง พลุกพล่านพลังก็ค่อยๆถ่ายถอดเข้าไปในกระบหยกอย่างแผ่วเบา หยางโปสามารถสัมผัสคลื่น พลังรัศมีในอากาศได้อย่างชัดเจน พลังดูเหมือนจะสั่นไหวเล็กน้อย ทําให้กระบี่หยกในมือของเขาดูเหมือนจะมีพลังไร้ขีดจํากัด เขาถึงกับสัมผัสได้ถึงภาพลวงตาจางๆตราบใดที่เขาเหวี่ยงกระบี่หยกออกไป
มันสามารถตัดข้าวของทุกอย่างออกจากกันได้ !
หยางโปมองไปทางโต๊ะ จากนั้นเขาก็ถือกระบี่หยกไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ฟันลงไปที่ถ้วยบนโต๊ะทันที
ไม่มีเสียงโลหะอะไร หรือแม้แต่เสียงรบกวนใดๆ เหมือนใช้กระบี่หยกผ่าเต้าหูออกจากกัน
ทุกอย่างก็เรียบร้อย !
ถ้วยลายครามแตกออกเป็นสองส่วน น้ําชาไหลรินออกจากถ้วยเศษเครื่องลายครามตกลงบนโต๊ะเสียงดังคมชัด
ในสถานที่เกิดเหตุเงียบกริบ ชายชราและชุยอี้ผิงทั้งสองตามองไปบนโต๊ะอย่างไม่กระพริบตา
โดยที่ไม่เอ่ยปากพูดอะไร
สีหน้าของชุยอี้ผิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกเหลือเชื่อ นี่มันทําได้ยังไง ต่อให้หยิบกระบี่คมกริบกวัดแกว่งไปมาอย่างแรง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ นี่มันปลอมเกินไป ทําอย่างกับว่าเป็นเวทมนตร์ !
แต่ชุยอี้ผิงรู้ดีว่านี้ไม่ใช่เวทมนตร์ เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า อีกทั้งยังเป็นหยางโปที่เป็นคนทําเองอีกด้วย เขามาเร็วกว่าหยางโปเล็กน้อย ก็ยิ่งเห็นชัดว่าแก้วที่นี่ไม่ได้เสียหายอะไรเลย !
หลังจากผ่านไปสักพัก ชายชราถึงได้มองหน้าหยางโป ” แกเรียนกับอวี่เหวินมาแล้วใช่ไหม ?”
หยางโปมองไปที่ชายชราด้วยความแปลกใจ “ คุณปู่ รู้ได้ยังไง ?”
ชุยอี้ผิงมองไปที่ชายชราเช่นกัน เขาดูไม่ค่อยจะเข้าใจ
ชายชราจ้องหน้าหยางโป “ หลังจากที่พบกับอวี่เหวินครั้งแรก ฉันก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เหมือนกับเซียน ไม่น่าจะมีศิลปะการต่อสู้แบบคนธรรมดาทั่วไป และอยู่นอกเหนือจากที่พวกเรารู้และ ความเข้าใจตอนนี้เมื่อได้มาเห็นกระบี่หยกเล่มนี้ฉันก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น”
หยางโปไม่รู้จะแก้ตัวยังไง แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
ชุยอี้ผิงมองไปที่หยางโป “ หรือว่ากระบี่หยกเล่มนี้ จะเป็นกระบี่เซียนในตํานาน ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่ขนาดนั้น แค่มีความยอดเยี่ยมหน่อยก็เท่านั้น เหตุผลหลักคืออะไรฉันก็ไม่ค่อยรู้”
ชายชราจ้องมองหยางโปก่อนจะส่ายหัวและถอนหายใจยาวออกมา “ ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันไม่ถามอะไรมากแล้ว แต่ถ้าต่อไปภายภาคหน้า ถ้าแกเดินบนเส้นทางที่ต่างกัน ก็ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี ”
หยางโปรึบพยักหน้า “ คุณปูไม่ต้องห่วง ผมจะระมัดระวังตัวแน่นอน เรื่องในครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ เมื่อกี้แกบอกว่าคนที่อยากจะแย่งชิงกระบี่หยกคือหยวนเฉิงเฟยจากสมาคมลับหงฮวาถัง
ทําไมเขาถึงอยากแย่งชิงกระบีหยกด้วยล่ะ ?” ชายชราถาม
หยางโปมีอาการลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้อธิบายว่าอะไร
ชายชราโบกมือ “ ในเมื่อพูดไปแล้วว่าจะไม่ถามงั้นฉันก็จะไม่ถามอีก ”
หยางโปรู้สึกสํานึกผิดไม่น้อย แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ทั้งสามคนนั่งจิบชากันอยู่ที่โต๊ะ ชายชราที่เงียบไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ ช่วงนี้ แกยังจะออกไปไหนอีกไหม ? ”
“น่าจะอยู่ที่ตี้จิงสักพักนะ ” หยางโปตอบ
“ กิจการของแกตอนนี้ถือได้ว่าเปิดตัวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือต้องสร้างพิพิธภัณฑ์สินะ ?”
ชายชรามองหน้าหยางโป
หยางโปพยักหน้า “ ผมมีที่ดินผืนหนึ่งอยู่ที่จินหลิง ขั้นตอนเบื้องต้นเริ่มไปแล้วไม่น้อย และได้เริ่มวางฐานรากสิ่งก่อสร้างขึ้นแล้ว เกรงว่ายังต้องรออีกสองปีกว่าถึงจะเปิดกิจการได้”
“ สองปี ?” ชายชราบ่น ทันใดนั้นเขาก็หันมองไปที่หยางโป “ ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เคยบังคับแกมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า แกต้องแต่งงานมีลูกได้แล้ว”
หยางโปตกตะลึงไปทันที “ ทําไม ? ตอนนี้ผมยังอายุไม่เยอะเลย !”
ชายชราจ้องมองหยางโป “ ใจแก่น่าจะรู้เหตุผลดี แกต้องทิ้งสายเลือดไว้ให้พ่อของแก
สภาพแกตอนนี้ ในอนาคตจะต้องไปโน้นไปนี้บ่อยๆ อีกอย่าง ความเสี่ยงในภายภาคหน้าก็จะมีมากยิ่งขึ้น พวกเราเป็นห่วงแก เรื่องนี้มันไม่ได้มีอะไร แต่จะต้องมีสายเลือดสืบทอดต่อไปก็เท่านั้น!”
หยางโปตะลึงอ้างปากค้าง “ ช้าหน่อยไม่ได้เหรอ ? ”