ตอนที่ 940 ใบหน้าบ่งบอกความเป็นเศรษฐี
แต่หยางโปไม่เต็มใจที่จะสั่งสอนพวกเขาพ่อลูกอีกแล้ว สำหรับหยางหลางแล้ว ก็แค่นึกถึง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
หลูตงซิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง แสดงสีหน้าตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องน่าเหลือเชื่อแบบนี้
“ พวกเราไปกันเถอะ ” หยางโปกล่าว
คนทั้งกลุ่มเดินจากไปพร้อมกับหยางโป ทิ้งให้หยางหลางอยู่ที่นี่ หยางหลางประคองตัวลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบาก ถอดร้องเท้าข้างซ้ายออกอย่างทุลักทุเล ใบหน้าแสยะยิ้มออกมา
เขาหยิบเงินจากพื้นรองเท้าออกมา เงินธนบัตรใบร้อยหยวนสามสี่ใบ ปากก็บ่นพึมพำ
“ พวกแกไก่อ่อนไปหน่อย มีเงินอยู่ในมือซะอย่าง ฉันไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ! ”
หยางหลางลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก และหันหน้าเดินกลับไปที่โรงงาน
จากนั้นไม่นาน หยางหลางก็เดินกลับเข้าไปในบ่อนอีกครั้ง แต่กลับเห็นพี่ถังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หน้าประตูโรงงาน กำลังดูดบุหรี่อยู่
หยางหลางจึงรีบเข้าไปทักทาย “ พี่ถัง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ น้องชายที่บ้านไม่รู้เรื่อง ทำเอาบ่อนของคุณวุ่นวายไปหมด ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะ ! ”
เมื่อพี่ถังเห็นว่าหยางหลางกลับมา ก็กุลีกุจอลุกขึ้น “ พี่หลาง คุณชายหลาง คุณพูดเกรงใจเกินไปแล้ว ! คุณอย่าได้เกรงใจเชียวนะ ”
หยางหลางรู้สึกแปลกใจและตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย หรือจะเป็นเพราะว่าหยางโปมาที่นี่ พอพี่ถังได้เห็นครอบครัวที่หนุนหลังเขาอยู่เลยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างงั้นเหรอ ?
“ พี่ถัง ชมเกินไปแล้ว ! ” หยางหลางพูดด้วยความเกรงใจ “ พวกเรารู้จักกันมาก็นานหลายปี
ไม่ต้องเกรงใจ ผมเข้าไปก่อนนะ ”
พี่ถังกลับสาวเท้าก้าวเข้ามาด้านหน้าหยางหลาง “ พี่หลาง คุณจะมาทำร้ายพี่น้องกันไม่ได้นะ ! ”
“ เกิดอะไรขึ้น ? ” หยางหลางเอยถามด้วยความงงงวย
พี่ถังรีบอธิบายไปว่า “ คุณไม่รู้สินะ ก่อนที่สองสามคนนั้นจะจากไป ได้เดินมาเตือนผมไว้
ถ้าให้คุณเข้าไปในประตูนี้อีกครั้ง เขาจะตัดแขนผมออกข้างหนึ่ง ! ”
หยางหลางถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที ส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “ คุณอย่าไปเชื่อถือคำพูดไร้สาระของเขา พวกเขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก ผมเป็นพี่ชายของเขา ถ้าผมเอ่ยปาก มีหรือเขาจะไม่ฟัง ? ”
พี่ถังก้มลงมองหยางหลางอย่างพินิจพิเคราะห์ โดยที่ไม่พูดอะไร
หยางหลางก้มหน้าลงมองใบหญ้าที่ติดอยู่บนตัวเขา จู่ๆก็คิดถึงร่องรอยบาดเจ็บบนใบหน้าขึ้นมา อีกฝ่ายเห็นรูปลักษณ์ที่น่าเวทนาแบบนี้ของเขา ก็คงไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาแน่นอน
หยางหลางมีสีหน้าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ถังและหันไปมองด้านหลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อหยางโปออกไปจากที่ตรงนี้ก็ได้ต่อสายโทรหาแม่หยาง “ ให้บทเรียนกับลูกชายของคุณแล้ว ครั้งหน้าไม่ต้องให้ผมช่วยสั่งสอนแล้วนะ ยังไงซะเขาก็เป็นลูกชายของคุณเอง ไม่ใช่ลูกชายของผม ”
หยางโปรังเกียจทุกการกระทำของพ่อหยางมาก ตอนนี้เขาคิดเพียงว่าอยากไปจากบ้านหลังนี้เท่านั้น ดังนั้นในระหว่างที่พูดคุยกัน จึงดูไม่ค่อยทีจะให้ความเกรงใจสักเท่าไร
แม่หยางถือโทรศัพท์ ด้วยอาการตกตะลึง “ อ้อ อืม ! ”Aileen-novel
หยางโปจึงรีบวางสายไปทันที เขานั่งอยู่ในรถหลูตงซิง โดยที่ไม่ตอบรับคำเชิญของหลูตงซิง
แต่เลือกกลับไปที่บ้าน
คืนนั้น พระจันทร์กระจ่างใส หยางโปหยิบ ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) มาศึกษาดูอย่างละเอียด
ก่อนหน้านี้ หยางโปคิดมาเสมอว่า ( วิทยายุทธหยิ่นชี่ ) ง่ายดายมากก็แค่สอนคนให้เรียนรู้ที่จะดึงพลังในธรรมชาติให้เข้ามาในร่างกายให้เป็น เขาก็คิดมาโดยตลอดว่าไม่มีปัญหาอะไร
แต่เมื่อมาอ่าน ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) แล้ว เขาถึงได้เข้าใจความโชคดีของตัวเอง คัมภีร์เล่มนี้ดูแล้วธรรมดามาก สำหรับวิธีการสัมผัสถึงพลังรวมทั้งการดึงดูดพลัง ทั้งหมดถูกอธิบายไว้อย่างรวบรัดมาก ถึงกับทำเอาคนอ่านไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร
แต่หยางโปคุ้นชินกับมันแล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจบทความที่ซ่อนอยู่อย่างเลือนรางข้างในดี แต่ถ้าคนที่ไม่เคยสัมผัสกับข้อมูลพวกนี้มาก่อน ต้องดูไม่ออกอย่างแน่นอน และถึงขั้นที่ว่าลูบหัวกันเลยทีเดียว
อ่านดูตั้งแต่ต้นจนจบ หยางโปก็วาง ( คัมภีร์ไท่เก๊ก ) ลง ถึงได้เข้าใจความยากลำบากของผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษว่าเป็นยังไง
สำหรับผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษแล้ว คัมภีร์ลับที่ฝึกวิทยายุทธของพวกเขา เดิมก็ไม่ครบสมบูรณ์ ในสภาพที่ไม่มีอาจารย์อยู่ ก็ยากที่จะฝึกฝนออกมาให้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ต้องเดินทางคดเคี้ยวกันมาก นี่คงจะเป็นสาเหตุที่ขั้นวรยุทธของพวกเขาไม่สูงกัน
เมื่อคิดได้แบบนี้ หยางโปก็รู้สึกนับถือผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษไม่ได้ ที่สามารถฝึกฝนจนมีพลังขึ้นมาได้ มันเป็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง และวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยมในชีวิตแล้ว ถ้าเพิ่มวิทยายุทธที่สมบูรณ์แบบให้พวกเขา พวกเขาก็อาจจะบรรลุไปถึงขั้นที่สูงขึ้นไปอีก
หยางโปหันไปมองอีกด้านหนึ่งอีกครั้ง โสมคนพันปีอยู่ข้างกายเขา แต่เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
อวี่เหวินยังอยู่ที่อเมริกา สภาพร่างกายของเขาคงยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ โสมคนพันปีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขามาก เพียงแต่ ถ้าเอาให้เขาไปแล้วจริงๆ หยางโปก็ยังรู้สึกค่อนข้างลังเล
โสมคนต้นนี้ หลูตงซิงเป็นคนประมูลมาได้ ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาครึ่งหนึ่ง โสมคนที่หลูตงซิงประมูลมาได้ แน่นอนว่าคงอยากใช้ประโยชน์จากโสมคนพันปี ความพยายามเพียงแค่ครั้งเดียว
ก็สำเร็จโดยไม่มีการหยุดพัก และประสบความสำเร็จในการฝึกฝนพลัง
ส่วนโสมที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเป็นของเขา สำหรับเขาแล้ว ส่วนผลของโสมคนพันปีก็มีประโยชน์มากเช่นกัน ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสุดท้ายของหยิ่นชี่ และเขาต้องการพลังจำนวนมาก หากมีโสมคนพันปี ก็จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่นาน หยางโปก็ยังตัดสินใจที่จะเก็บโสมคนพันปีเอาไว้เอง
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น หยางโปก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเหลือบมอง
เมื่อเห็นว่าเป็นสายของฮัวชิงหยุน เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา
หลังจากรับสายก็ไม่มีเสียงใดๆเลย จนหยางโปต้องเอ่ยปากทำลายความเงียบขึ้นก่อนว่า
“ เธอโอเคไหม ? ”
ดูเหมือนฮัวชิงหยุนจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว จึงตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ ก็ดีนะ ”
“ นายกลับมาจากไปทำธุระหรือยัง ? ” ฮัวชิงหยุนเอ่ยปากถาม
หยางโปพยักหน้า “ ฉันกลับมาถึงที่จินหลิงแล้ว พรุ่งนี้เธอพอมีเวลาไหม พวกเรามาคุยกันหน่อย ”
“ ว่าง ถ้างั้นพวกเราเจอกันพรุ่งนี้เลย ” ฮัวชิงหยุนตอบกลับ
หยางโปถึงกับนิ่งอึ้งไปสักพัก เพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะวางสายเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรมาก
เช้าวันที่สอง หยางโปตื่นขึ้นมาแล้ววิ่งไปฝึกวิทยายุทธที่ข้างทะเลสาบ ฝึกมวยเยว่เจียฉวน ก็รู้สึกสบายเนื้อตัวขึ้นมาก จากนั้นถึงได้ไปกินซาลาเปาไส้ไก่ และเดินกลับที่พักอย่างสบายใจ
เมื่อกลับมาถึงด้านล่างตึก หยางโปก็เห็นหลูตงซิงมารออยู่ในนั้นแล้ว เมื่อเขาเห็นหยางโป ก็เดินเข้ามาทักทายอย่างร้อนรน “ นี่มันหมายความว่าอะไรกันแน่ ? ทำไมฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจเลยสักนิด ! ”
หยางโปหันไปมองหน้าหลูตงซิง เมื่อเห็นดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ใบหน้าวิตกกังวล ก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบโยน “ ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง ”
หลูตงซิงยังพูดด้วยความใจร้อนว่า “ เมื่อคืนผมศึกษาดูมาทั้งคืน อยากรู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้มีความหมายว่าอะไร ตัวอักษรในนั้น ฉันเข้าใจหมด แต่พอเอามาวางไว้รวมกัน ฉันก็ไม่รู้จักแล้ว ”
หยางโปหัวเราะ “ ไม่ต้องใจร้อนไป ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็เข้าไปในลิฟต์ แต่ในลิฟต์ยังมีผู้หญิงรูปร่างผอมบางหน้าตาสะสวยอยู่คนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะได้ยินสิ่งที่หลูตงซิงพูด จึงชายตาไปมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
หลูตงซิงดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำไป เอาแต่คำนึงพูดถึงแต่เรื่องตัวเอง
“ หยางโป ฉันส่งมอบทุกอย่างให้นายไปหมดแล้วนะ ธุรกิจฉันก็ยอมวางมือหมด วันหนึ่งอย่างน้อยก็หาเงินได้หลายล้านนะ ! ”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วขึ้นแน่น เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทน เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมาที่
หลูตงซิง แต่เธอก็ต้องตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที
ตอนที่ 940 ใบหน้าบ่งบอกความเป็นเศรษฐี
แต่หยางโปไม่เต็มใจที่จะสั่งสอนพวกเขาพ่อลูกอีกแล้ว สำหรับหยางหลางแล้ว ก็แค่นึกถึง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
หลูตงซิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง แสดงสีหน้าตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องน่าเหลือเชื่อแบบนี้
“ พวกเราไปกันเถอะ ” หยางโปกล่าว
คนทั้งกลุ่มเดินจากไปพร้อมกับหยางโป ทิ้งให้หยางหลางอยู่ที่นี่ หยางหลางประคองตัวลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบาก ถอดร้องเท้าข้างซ้ายออกอย่างทุลักทุเล ใบหน้าแสยะยิ้มออกมา
เขาหยิบเงินจากพื้นรองเท้าออกมา เงินธนบัตรใบร้อยหยวนสามสี่ใบ ปากก็บ่นพึมพำ
“ พวกแกไก่อ่อนไปหน่อย มีเงินอยู่ในมือซะอย่าง ฉันไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ! ”
หยางหลางลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก และหันหน้าเดินกลับไปที่โรงงาน
จากนั้นไม่นาน หยางหลางก็เดินกลับเข้าไปในบ่อนอีกครั้ง แต่กลับเห็นพี่ถังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หน้าประตูโรงงาน กำลังดูดบุหรี่อยู่
หยางหลางจึงรีบเข้าไปทักทาย “ พี่ถัง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ น้องชายที่บ้านไม่รู้เรื่อง ทำเอาบ่อนของคุณวุ่นวายไปหมด ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะ ! ”
เมื่อพี่ถังเห็นว่าหยางหลางกลับมา ก็กุลีกุจอลุกขึ้น “ พี่หลาง คุณชายหลาง คุณพูดเกรงใจเกินไปแล้ว ! คุณอย่าได้เกรงใจเชียวนะ ”
หยางหลางรู้สึกแปลกใจและตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย หรือจะเป็นเพราะว่าหยางโปมาที่นี่ พอพี่ถังได้เห็นครอบครัวที่หนุนหลังเขาอยู่เลยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างงั้นเหรอ ?
“ พี่ถัง ชมเกินไปแล้ว ! ” หยางหลางพูดด้วยความเกรงใจ “ พวกเรารู้จักกันมาก็นานหลายปี
ไม่ต้องเกรงใจ ผมเข้าไปก่อนนะ ”
พี่ถังกลับสาวเท้าก้าวเข้ามาด้านหน้าหยางหลาง “ พี่หลาง คุณจะมาทำร้ายพี่น้องกันไม่ได้นะ ! ”
“ เกิดอะไรขึ้น ? ” หยางหลางเอยถามด้วยความงงงวย
พี่ถังรีบอธิบายไปว่า “ คุณไม่รู้สินะ ก่อนที่สองสามคนนั้นจะจากไป ได้เดินมาเตือนผมไว้
ถ้าให้คุณเข้าไปในประตูนี้อีกครั้ง เขาจะตัดแขนผมออกข้างหนึ่ง ! ”
หยางหลางถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที ส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “ คุณอย่าไปเชื่อถือคำพูดไร้สาระของเขา พวกเขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก ผมเป็นพี่ชายของเขา ถ้าผมเอ่ยปาก มีหรือเขาจะไม่ฟัง ? ”
พี่ถังก้มลงมองหยางหลางอย่างพินิจพิเคราะห์ โดยที่ไม่พูดอะไร
หยางหลางก้มหน้าลงมองใบหญ้าที่ติดอยู่บนตัวเขา จู่ๆก็คิดถึงร่องรอยบาดเจ็บบนใบหน้าขึ้นมา อีกฝ่ายเห็นรูปลักษณ์ที่น่าเวทนาแบบนี้ของเขา ก็คงไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาแน่นอน
หยางหลางมีสีหน้าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ถังและหันไปมองด้านหลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อหยางโปออกไปจากที่ตรงนี้ก็ได้ต่อสายโทรหาแม่หยาง “ ให้บทเรียนกับลูกชายของคุณแล้ว ครั้งหน้าไม่ต้องให้ผมช่วยสั่งสอนแล้วนะ ยังไงซะเขาก็เป็นลูกชายของคุณเอง ไม่ใช่ลูกชายของผม ”
หยางโปรังเกียจทุกการกระทำของพ่อหยางมาก ตอนนี้เขาคิดเพียงว่าอยากไปจากบ้านหลังนี้เท่านั้น ดังนั้นในระหว่างที่พูดคุยกัน จึงดูไม่ค่อยทีจะให้ความเกรงใจสักเท่าไร
แม่หยางถือโทรศัพท์ ด้วยอาการตกตะลึง “ อ้อ อืม ! ”Aileen-novel
หยางโปจึงรีบวางสายไปทันที เขานั่งอยู่ในรถหลูตงซิง โดยที่ไม่ตอบรับคำเชิญของหลูตงซิง
แต่เลือกกลับไปที่บ้าน
คืนนั้น พระจันทร์กระจ่างใส หยางโปหยิบ ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) มาศึกษาดูอย่างละเอียด
ก่อนหน้านี้ หยางโปคิดมาเสมอว่า ( วิทยายุทธหยิ่นชี่ ) ง่ายดายมากก็แค่สอนคนให้เรียนรู้ที่จะดึงพลังในธรรมชาติให้เข้ามาในร่างกายให้เป็น เขาก็คิดมาโดยตลอดว่าไม่มีปัญหาอะไร
แต่เมื่อมาอ่าน ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) แล้ว เขาถึงได้เข้าใจความโชคดีของตัวเอง คัมภีร์เล่มนี้ดูแล้วธรรมดามาก สำหรับวิธีการสัมผัสถึงพลังรวมทั้งการดึงดูดพลัง ทั้งหมดถูกอธิบายไว้อย่างรวบรัดมาก ถึงกับทำเอาคนอ่านไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร
แต่หยางโปคุ้นชินกับมันแล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจบทความที่ซ่อนอยู่อย่างเลือนรางข้างในดี แต่ถ้าคนที่ไม่เคยสัมผัสกับข้อมูลพวกนี้มาก่อน ต้องดูไม่ออกอย่างแน่นอน และถึงขั้นที่ว่าลูบหัวกันเลยทีเดียว
อ่านดูตั้งแต่ต้นจนจบ หยางโปก็วาง ( คัมภีร์ไท่เก๊ก ) ลง ถึงได้เข้าใจความยากลำบากของผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษว่าเป็นยังไง
สำหรับผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษแล้ว คัมภีร์ลับที่ฝึกวิทยายุทธของพวกเขา เดิมก็ไม่ครบสมบูรณ์ ในสภาพที่ไม่มีอาจารย์อยู่ ก็ยากที่จะฝึกฝนออกมาให้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ต้องเดินทางคดเคี้ยวกันมาก นี่คงจะเป็นสาเหตุที่ขั้นวรยุทธของพวกเขาไม่สูงกัน
เมื่อคิดได้แบบนี้ หยางโปก็รู้สึกนับถือผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษไม่ได้ ที่สามารถฝึกฝนจนมีพลังขึ้นมาได้ มันเป็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง และวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยมในชีวิตแล้ว ถ้าเพิ่มวิทยายุทธที่สมบูรณ์แบบให้พวกเขา พวกเขาก็อาจจะบรรลุไปถึงขั้นที่สูงขึ้นไปอีก
หยางโปหันไปมองอีกด้านหนึ่งอีกครั้ง โสมคนพันปีอยู่ข้างกายเขา แต่เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
อวี่เหวินยังอยู่ที่อเมริกา สภาพร่างกายของเขาคงยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ โสมคนพันปีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขามาก เพียงแต่ ถ้าเอาให้เขาไปแล้วจริงๆ หยางโปก็ยังรู้สึกค่อนข้างลังเล
โสมคนต้นนี้ หลูตงซิงเป็นคนประมูลมาได้ ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาครึ่งหนึ่ง โสมคนที่หลูตงซิงประมูลมาได้ แน่นอนว่าคงอยากใช้ประโยชน์จากโสมคนพันปี ความพยายามเพียงแค่ครั้งเดียว
ก็สำเร็จโดยไม่มีการหยุดพัก และประสบความสำเร็จในการฝึกฝนพลัง
ส่วนโสมที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเป็นของเขา สำหรับเขาแล้ว ส่วนผลของโสมคนพันปีก็มีประโยชน์มากเช่นกัน ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสุดท้ายของหยิ่นชี่ และเขาต้องการพลังจำนวนมาก หากมีโสมคนพันปี ก็จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่นาน หยางโปก็ยังตัดสินใจที่จะเก็บโสมคนพันปีเอาไว้เอง
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น หยางโปก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเหลือบมอง
เมื่อเห็นว่าเป็นสายของฮัวชิงหยุน เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา
หลังจากรับสายก็ไม่มีเสียงใดๆเลย จนหยางโปต้องเอ่ยปากทำลายความเงียบขึ้นก่อนว่า
“ เธอโอเคไหม ? ”
ดูเหมือนฮัวชิงหยุนจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว จึงตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ ก็ดีนะ ”
“ นายกลับมาจากไปทำธุระหรือยัง ? ” ฮัวชิงหยุนเอ่ยปากถาม
หยางโปพยักหน้า “ ฉันกลับมาถึงที่จินหลิงแล้ว พรุ่งนี้เธอพอมีเวลาไหม พวกเรามาคุยกันหน่อย ”
“ ว่าง ถ้างั้นพวกเราเจอกันพรุ่งนี้เลย ” ฮัวชิงหยุนตอบกลับ
หยางโปถึงกับนิ่งอึ้งไปสักพัก เพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะวางสายเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรมาก
เช้าวันที่สอง หยางโปตื่นขึ้นมาแล้ววิ่งไปฝึกวิทยายุทธที่ข้างทะเลสาบ ฝึกมวยเยว่เจียฉวน ก็รู้สึกสบายเนื้อตัวขึ้นมาก จากนั้นถึงได้ไปกินซาลาเปาไส้ไก่ และเดินกลับที่พักอย่างสบายใจ
เมื่อกลับมาถึงด้านล่างตึก หยางโปก็เห็นหลูตงซิงมารออยู่ในนั้นแล้ว เมื่อเขาเห็นหยางโป ก็เดินเข้ามาทักทายอย่างร้อนรน “ นี่มันหมายความว่าอะไรกันแน่ ? ทำไมฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจเลยสักนิด ! ”
หยางโปหันไปมองหน้าหลูตงซิง เมื่อเห็นดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ใบหน้าวิตกกังวล ก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบโยน “ ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง ”
หลูตงซิงยังพูดด้วยความใจร้อนว่า “ เมื่อคืนผมศึกษาดูมาทั้งคืน อยากรู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้มีความหมายว่าอะไร ตัวอักษรในนั้น ฉันเข้าใจหมด แต่พอเอามาวางไว้รวมกัน ฉันก็ไม่รู้จักแล้ว ”
หยางโปหัวเราะ “ ไม่ต้องใจร้อนไป ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็เข้าไปในลิฟต์ แต่ในลิฟต์ยังมีผู้หญิงรูปร่างผอมบางหน้าตาสะสวยอยู่คนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะได้ยินสิ่งที่หลูตงซิงพูด จึงชายตาไปมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
หลูตงซิงดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำไป เอาแต่คำนึงพูดถึงแต่เรื่องตัวเอง
“ หยางโป ฉันส่งมอบทุกอย่างให้นายไปหมดแล้วนะ ธุรกิจฉันก็ยอมวางมือหมด วันหนึ่งอย่างน้อยก็หาเงินได้หลายล้านนะ ! ”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วขึ้นแน่น เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทน เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมาที่
หลูตงซิง แต่เธอก็ต้องตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที