ตอนที่ 225 ขุดสมบัติบ้านโบราณ
หยางโปไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่ชางโจวนานเท่าไหร่นัก หลังจากจบเรื่องแล้วเขาและเจ้าอ้วนหลิวก็ขอตัวกลับปักกิ่งทันที
ตอนที่พวกเขากำลังจะกลับเยว่เหยาก็ตาแดงขึ้นมาจนทำให้หยางโปต้องปลอบเธอก่อนที่จะบอกเธอว่าถ้ามีเวลาเขาจะกลับมาหาเธออีกแน่นอน
หลังจากกลับมาถึงปักกิ่งแล้ว กู้ฉางซุ่นก็ขอตัวไปทำธุระก่อนในขณะที่เจ้าอ้วนก็ต้องทำธุระต่อที่ปักกิ่งแถมเขายังชวนให้หยางโปอยู่ต่ออีกสองคืน ทว่าหยางโปก็รู้สึกลังเลขึ้นมาถึงแม้ว่าหยางโปจะไม่อยากกลับจินหลิงตอนนี้แต่เขาก็ไม่อยากจะรบกวนคนอื่นเช่นเดียวกัน
ในตอนนั้นเองลัวย่าวหัวก็โทรมาหาเขา
“ฮัลโหลนี่ฉันอยู่ปักกิ่งแล้วนะ นายอยู่ไหนเนี่ย?” ลัวย่าวหัวถาม
“ฉันก็อยู่ปักกิ่งเหมือนกัน ว่าแต่เสร็จธุระแล้วเหรอ ? ทำไมถึงมาที่นี่ได้ละเนี่ย?”
“อื้อเรียบร้อยแล้วตอนนี้ขาดแค่รับสมัครคน แต่ฉันรับสมัครผู้จัดการที่เป็นมืออาชีพแล้วนะ ไม่งั้นฉันคงจัดการคนเดียวไม่ได้แน่ๆ ตอนนี้ฉันให้เขาเป็นคนจัดการส่วนอื่นๆต่อให้แล้ว ก็เลยมีเวลามาเนี่ยแหละ”
หยางโปยิ้ม “เอาน่าทำธุรกิจก็งี้แหละไม่ได้มีเวลาว่างมากเท่าไหร่หรอก รอให้เปิดทำการแบบเป็นทางการก็คงจะมีเวลาว่างมากขึ้นกว่านี้ แล้วถ้าต่อไปธุรกิจดันซบเซาขึ้นมานายคงจะไม่อยากมีเวลาว่างแน่ๆเชื่อฉันสิ”
ลัวย่าวหัวยิ้ม “ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะว่ามีธุระนั่นแหละแต่รอให้เจอหน้าก่อนแล้วกันฉันค่อยบอกนาย เออนี่! พรุ่งนี้ยังว่างพวกเราไปชานเมืองกันไหม?”
“ไปขุดบ้านเก่าเหรอ?”
ลัวย่าวหัวยิ้ม “ถ้าไม่งั้นจะไปทำไมเล่า”
“แล้วนายมีช่องทางเหรอ?” หยางโปถาม
“ไม่มี ถึงเวลานั้นค่อยไปหาเอาก็แล้วกัน”
หยางโปหันไปมองเจ้าอ้วนหลิว อีกฝ่ายจึงยิ้มพร้อมกับพูด “ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง!”
หยางโปพยักหน้า “ตอนนี้เจ้าอ้วนหลิวอยู่กับฉัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปกับเขาก็แล้วกันนะ”
“แล้วพวกนายอยู่ไหน? เดี๋ยวฉันจะไปหาตอนนี้เลย” ลัวย่าวหัวพูด
หลังจากวางสายไป เจ้าอ้วนหลิวก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่รีบที่จะกลับ หยางโปเองก็ลังเลขึ้นมาเพราะปกติแล้วถ้าหากเจ้าอ้วนหลิวยื้อเวลาแบบนี้เขาก็ต้องจ่ายเงินให้อีกฝ่ายด้วย เช่นเดียวกันกับหลี่เอ้อที่หยางโปก็ต้องจ่ายเงินให้กับเขา แต่หลังจากที่เขามานั่งคิดๆดูแล้วหลังจากนี้ถ้าหากเขามีเวลาค่อยเอาของที่มีราคาสูงตอบแทนเขาสักชิ้นน่าจะดีกว่าการให้เงินแน่ๆ
เพียงไม่นานลัวย่าวหัวก็มาถึงพร้อมกับบ่นขึ้นมา “นายรู้ไหมว่ามันลำบากมากขนาดไหน!”
หยางโปยิ้ม “เอาหน่าเลิกบ่นได้แล้ว นี่นายเป็นคนเลือกเองนะ”
“มันก็ต้องบ่นซิ ทุกครั้งที่มาเจอนายก็ต้องบ่นไม่งั้นนายคงจะไม่รู้ความลำบากของฉันน่ะสิ”
หยางโปส่ายหน้าก่อนที่จะหันไปมองเจ้าอ้วนหลิว “นี่นายกำลังจะเปิดงานประมูลแล้วเหรอ?”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “หยางโปยังไม่ได้แนะนำนายใช่ไหม?”
พูดจบลัวย่าวหัวก็หันไปหาหยางโป “เถ้าแก่หยาง นี่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องนะ ทำไมนายถึงไม่รับผิดชอบแบบนี้เนี่ย? ทุกครั้งที่ฉันต้องมาเจอคนรอบตัวนายต้องเป็นหน้าที่ฉันที่ต้องแนะนำทีละคนทุกครั้งเลย”
หยางโปยิ้ม “แต่คนนี้นายเป็นคนเปิดปากอธิบายเองนะ นี่นายลืมไปแล้วเหรอ? ยังจะมาโทษฉันอีก?”
เจ้าอ้วนหลิวได้ยินแบบนั้นก็นึกถึงตอนที่เขาเจอกับลัวย่าวหัว แถมลัวย่าวหัวก็เป็นคนอธิบายให้เขาฟังแล้วรอบนึงด้วย เขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเองที่จำไม่ได้”
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกต้องโทษหยางโปเนี่ยแหละที่ไม่ยอมเตือนให้เร็วกว่านี้”
หยางโปก้มมองเวลา “ไปกันเถอะ ไปหาอะไรกินกัน”
“นายอย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ…”
วันรุ่งขึ้นหยางโปและอีกสองคนที่เหลือก็เริ่มออกเดินทาง หลังจากที่จอดรถไว้ชั้นล่างของอาคารแล้วพวกเขาก็เดินตามเจ้าอ้วนหลิวไปยังซอยที่อยู่ใกล้ๆ
ระหว่างที่เดินอยู่นั้นเจ้าอ้วนหลิวก็พูดขึ้นมาว่า “เอาเป็นว่าตอนเช้าเราเริ่มหาของจากเขตเมืองฝั่งนี้ก่อนก็แล้วกันนะ ถ้าไม่ได้จริงๆพวกเราค่อยไปที่ชายเมืองกัน”
หยางโปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
เจ้าอ้วนหลิวเลยรีบอธิบายขึ้นมาว่า “ยุค 80 การขุดของจากบ้านเก่าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ตอนนั้นทุกคนไม่คิดว่าของโบราณจะมีประโยชน์อะไร แต่หลังจากยุค 90 ทุกคนก็เริ่มรู้แล้วว่าของโบราณพวกนี้สามารถเอาไปขายและทำเงินได้แถมยังสามารถหาซื้อได้อีกด้วย แต่ตอนนั้นราคามันไม่ได้สูงเท่าไหร่ของโบราณก็เลยไม่ได้มีราคามากนัก “
“แต่ตอนนี้ถ้าหากคิดจะมาขุดของจากบ้านโบราณฉันคิดว่ามันสายเกินไปแล้ว เพราะทุกคนต่างก็เก็บของที่มีค่าของตัวเองแถมยังตั้งราคาเอาไว้สูงมากๆ ยิ่งในเมืองยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยราคาถูกตั้งเอาไว้สูงมากจริงๆแต่ก็ยังสามารถต่อรองราคาได้บ้างก็ต้องดูความสามารถของคนต่อรองแล้วแหละ แล้วก็ที่อยากจะเตือนก็คือให้ระวังกับดักที่อยู่ในนั้นด้วยนะ”
หยางโปพยักหน้า เขาแทบจะไม่เคยได้ไปบ้านโบราณมาก่อนแต่เขาเลือกที่จะไปตลาดผีมากกว่าถึงแม้ว่าในตลาดผีจะมีของแท้อยู่ไม่มากแต่ราคาก็ดูเหมือนว่าจะต่ำกว่าที่อื่นๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงเราก็ไม่ได้มีธุระอะไรแค่ไปเดินๆดูก็พอ” หยางโปพูด
เจ้าอ้วนหลิวยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น
ภายในซอยเล็กๆถูกรายล้อมไปด้วยกระเบื้องผนังสีเทา ภายในนี้เงียบสงบมากแถมยังดูกลมกลืนกันไปหมด แต่หยางโปรู้ดีว่าภายในนี้มีบ้านหลายหลังที่ถูกซ่อมแซมมาก่อนแล้ว ที่เห็นอยู่ก็แค่แต่งให้มันยังคงเก่าและดูโบราณเพื่อให้น่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น
ในเวลาไม่นานหลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาเจ้าอ้วนหลิวก็เคาะประตูตรงหน้า
ทันใดนั้นก็มีชายชราอายุราวๆ 60 กว่าปีเดินมาเปิดประตู หลังจากเห็นเจ้าอ้วนหลิวเขาก็พูดแซวขึ้นมา “อ้าวเจ้าอ้วน มีลูกค้าอีกแล้วเหรอ? “
เจ้าอ้วนหลิวไม่ได้สนใจ “สวัสดีคุณตา ผมพาเพื่อนมาเดินดูแถวนี้น่ะ”
ชายชราหลบทางให้ก่อนที่จะปล่อยให้ทั้งสามคนเดินเข้ามาด้านใน หลังจากนั้นเจ้าอ้วนก็พูดแนะนำขึ้นมาว่า “คุณตาคนนี้แซ่เว่ยนะ”
หยางโปและลัวย่าวหัวหันไปพยักหน้าให้อีกฝ่ายเพื่อเป็นการทักทาย ในขณะที่เจ้าอ้วนหลิวไม่ได้คิดที่จะแนะนำอีกสองคนให้อีกฝ่ายรู้จัก
แม้ว่าตาเฒ่าเว่ยจะอายุไม่ได้มากแต่เวลาเขาเดินกลับดูเงอะงะเป็นอย่างมาก เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “พอดีเพิ่งผ่าตัดมาน่ะเวลาเดินเลยไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เจ้าอ้วนหลิวยิ้ม
ระหว่างที่พวกเขาเดินตามหลังอยู่นั้นเจ้าอ้วนหลิวก็กระซิบขึ้นมาว่า “ฉันรู้จักกับคนบ้านนี้แต่บ้านอื่นฉันไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ ฉันเลยไม่กล้าพาพวกนายไปเพราะมันมีหลายหลังที่เป็นบ้านโบราณสำหรับเช่าพอขายของได้ก็หนีไปเลย มันดูเชื่อไม่ได้น่ะ”
ลัวย่าวหัว “เรื่องแบบนี้ฉันเองก็พอจะเข้าใจแหละ แต่ถ้าเป็นแบบนี้จะได้ของดีกลับไปเหรอ?”
“แต่พวกเขามีแหล่งที่มาของสินค้าไง! นายคิดว่าบ้านโบราณพวกนี้จะเป็นที่ทำเลทองเหมือนกับเมื่อก่อนงั้นสิ? ที่แม้แต่อิฐหรือกระเบื้องแค่แผ่นเดียวก็สามารถขายได้น่ะ ของพวกนั้นโดนคนพวกนั้นกวาดไปหมดเกลี้ยงตั้งนานแล้ว ตอนนี้ที่นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับร้านขายวัตถุโบราณหรอกที่ต้องมีการนำสินค้าเข้ามาขายน่ะ”
หยางโปตกตะลึง “นั่นก็แปลว่าบ้านโบราณพวกนี้ก็มีการหมุนเวียนวัตถุโบราณเข้ามาน่ะสิ?”
เจ้าอ้วนหลิวพยักหน้า “นายรู้ยังได้ไง?”
“เดาน่ะ เพราะว่าถ้ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงนานๆก็คงจะไม่มีใครมา”
การที่เขาจะพูดแบบนี้แต่หยางโปกลับรู้สึกผิดหวังขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่าบ้านโบราณพวกนี้อาจจะมีจุดเด่นกว่าที่อื่นๆ แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะกลายเป็นแหล่งธุรกิจไปซะแล้ว ดูๆไปแล้วมันก็ไม่ได้ต่างจากร้านขายวัตถุโบราณที่ต่างกันก็แค่ที่นี่ไม่มีใบประกอบการเท่านั้นเอง
แต่ในเมื่อมาถึงที่แล้วหยางโปก็ไม่คิดที่จะปล่อยไปง่ายๆแน่