ตอนที่ 237 เข้าไปด้านใน
“ส่งกระเป๋ามาเร็วเข้า!” ฉินโถวตะโกนขึ้นมาก่อนที่จะชี้ไปที่ใต้เท้าของหยางโป
หยางโปรีบหยิบกระเป๋าส่งไปให้เขาในทันที
ฉินโถวหยิบกรรไกลออกมาก่อนที่จะตัดเสื้อของเจี่ยงเอ้อออก ทันใดนั้นหยางโปก็เห็นขาของเจี่ยงเอ้อที่มีกรวยหนามกำลังทิ่มเจาะทะลุจากด้านหลังมาจนถึงด้านหน้า!
ฉินโถวรีบจัดการล้างแผล หยุดเลือดและใช้ผ้าพันแผลปิดแผลให้เขาในทันที
เจี่ยงเอ้อในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะหมดสติไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขามีบาดแผลทั้งหมดสามจุด มีด้านหลัง ขาและบ่าฝั่งซ้าย ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผลตรงที่ขาของเขาจะหนักที่สุด แต่หยางโปกลับเดาว่าจุดที่รุนแรงถึงชีวิตคือบาดแผลตรงด้านหลังของเขา
หลังจากวางกรรไกรแล้ว ฉินโถวก็หันมาด้านหลังก่อนที่จะจ้องเจี่ยงเอ้อพร้อมกับหมุนตัวออกมา “หนิวต้า เสียวอู่ พวกนายพาเจี่ยงเอ้อกลับไปก่อน!”
“ครับ” หนิวเอ้อและโหยวเสียวอู่ตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลพร้อมกับพยักหน้า
หยางโปมองเข้าไปก็ต้องตกใจเพราะพบว่าสุสานที่อยู่ด้านในนั้นมีส่วนที่ทรุดตัวลงมาจนพังแล้วด้วยซึ่งเป็นเพราะการทรุดตัวลงของดิน ในเวลานี้ฉินโถวคือแกนหลักและไม่ว่าเขาจะพูดอะไรทุกคนก็ต้องฟังคำสั่งจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ฉินโถวพยักหน้าก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมออกมาก่อนที่จะกดโทรออก
ในเวลาอันรวดเร็วฉินโถวก็หันมาพูดกับหนิวต้า “พวกนายพาเจี่ยงเอ้อไปหาคุณหลาวตอนนี้เลย!”
หนิวต้าพยักหน้าตอบรับกลับมาในเวลานั้นเองหนิวเอ้อและคนอื่นๆก็เดินมาพร้อมกับไม้ที่มีความยาวเกือบ 2 เมตร หลังจากนั้นพวกเขาก็เอาผ้ามาผูกกันเอาไว้ก่อนที่จะทำเป็นเปลแบบง่ายๆเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
หลังจากทั้งสามคนออกจากที่นี่ไปแล้วบรรยากาศภายในนี้ก็กลับมาเงียบอีกครั้ง ในเวลานี้ทางฝั่งของฉินโถวเหลือเพียงแค่ 3 คนและทางฝั่งของหยางโปเหลืออยู่สี่คน และดูเหมือนว่ากำลังจะเริ่มแตกต่างไปจากเดิมแล้ว
ทุกคนรู้ดีว่าบรรยากาศภายในนี้เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง สายตาของหนิวเอ้อก็ดูเหมือนว่าจะระแวดระวังมากเป็นพิเศษด้วย
หลูตงซิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปพูดกับฉินโถว “อาจารย์ฉิน พวกเราร่วมมือกันมาก็ตั้งหลายครั้งแล้ว ผมเป็นคนยังไงคุณเองก็น่าจะรู้ดี แต่ถ้าจะให้พวกผมกลับไปก่อนก็ได้นะ”
ฉินโถวยกมือขึ้นมา “ไม่เป็นไร”
พูดจบเขาก็หันไปตบบ่าหนิวเอ้อ “ผ่อนคลายเถอะ! นายเองก็น่าจะรู้จักเถ้าแก่ที่ยืนอยู่ข้างหน้านายคนนี้ดี ความร่ำรวยของเขามากกว่าพวกเราตั้งหลายเท่า ถึงที่นี่จะมีสมบัติเยอะแต่ก็อาจจะไม่เยอะเท่ากับสิ่งที่เขามีด้วยซ้ำ!”
“หลังจากขุดของขึ้นมาแล้ว ทั้งสี่คนเลือกของกลับไปคนละชิ้นก่อนเลยก็แล้วกันนะ” ฉินโถวพูด
หลูตงซิ่งชะงักไปในทันที อันที่จริงพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาดู แต่หลังจากที่ได้ยินข้อเสนอจากฉินโถวแล้วเขาก็เริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าตัวเองกำลังเป็นเหยื่อหรือว่ากำลังถูกดึงเข้ามาอยู่ในกระบวนการนี้ด้วยกันแน่
“ครับ” หลูตงซิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับไป “พวกเรารับปากว่าจะไม่หยิบจับของที่อยู่ภายในนี้ก่อนเด็ดขาด”
คำพูดที่หนักแน่นของหลูตรงซิ่งทำให้ทุกคนเริ่มสบายใจขึ้นมา ฉินโถวเองก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ อันที่จริงตอนที่เขายังมีกำลังคนอยู่เขาก็สามารถที่จะกดหลูตงซิ่งและคนอื่นๆได้ แต่ในเวลานี้วิธีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและดีที่สุดแล้ว
อีกอย่างตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะลากเวลาไปจนถึงพรุ่งนี้ได้ เพราะยิ่งลากไปอีกวันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น
ทุกคนกลับเข้ามาที่ทางเดินเพื่อเข้าไปในสุสานอีกครั้ง โดยครั้งนี้เจ้าอ้วนหลิวทำหน้าที่เป็นผู้ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก
ตอนที่ผ่านกำแพงเหล็กเข้ามา หยางโปก็สังเกตเห็นบันไดที่อยู่ด้านใต้เท้าของเขาซึ่งช่วยรองรับเท้าเอาไว้และไม่ทำให้ทุกคนตกลงไปด้านล่าง
หยางโปเดินลงไปด้านล่างอย่างระมัดระวัง ระหว่างที่เดินอยู่บนบันไดก็รู้สึกได้ถึงความสั่นเล็กน้อย และเมื่อเดินลงไปเรื่อยๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมา
หยางโปสังเกตเห็นว่าทุกคนกำลังมองไปที่ฝั่งซ้ายมือ เขาจึงหันไปมองด้วยก่อนที่จะพบว่ามีโลงวางอยู่ตรงนั้นแถมด้านข้างก็มีกล่องไม้วางอยู่ด้านข้างอีกด้วย
หยางโปชะงักไปก่อนที่จะเอ่ยปากถาม “นี่เป็นโลงศพหลักเหรอ?”
ลัวย่าวหัวพยักหน้าก่อนที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้หยางโปเพื่อเป็นการชื่นชมในความฉลาดของเขา
หยางโปเข้าใจความหมายของลัวย่าวหัวในทันที ตอนนี้เขารู้สึกชื่นชมฉินโถวมากถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าที่หรืออยู่ตำแหน่งอะไร แต่การที่เขาสามารถขุดถ้ำแล้วเข้ามาในจุดที่เป็นโลงศพหลักได้แบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่คนธรรมดาจะสามารถทำได้แน่ๆ
หยางโปเคยได้ยินมาว่าก่อนการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนมีบุคคลผู้นึงที่เก่งในเรื่องฮวงจุ้ยเป็นอย่างมาก มีอยู่ครั้งนึงตอนที่เขามาหาญาติที่เมืองหยิงเซียง ตอนที่เขากำลังเดินชมทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่นั้นเขาก็ชี้ไปที่นาข้าวบล็อกหนึ่งพร้อมกับพูดกับคนที่มาด้วยว่าด้านใต้มีสุสานขนาดใหญ่อยู่และสมบัติที่อยู่ภายในสุสานนั้นจะทำให้คุณและฉันร่ำรวยได้
แต่คนที่มาพร้อมกับเขาไม่เชื่อ ชายคนนั้นจึงพนันกับคนพวกนั้นว่า ถ้าหากไม่มีสุสานโบราณจริงๆเขาจะยอมเสียหนึ่งพันดอลล่าให้กับคนเหล่านั้น แต่ถ้าหากในนั้นมีสมบัติเขาจะขอแบ่ง 70%จากทั้งหมดที่มี ทุกคนเมื่อได้ทำการพนันกันก็เรียกคนในหมู่บ้านออกมาขุดกันในช่วงกลางคืนและในที่สุดหลังจากผ่านไปครึ่งวันก็พบกับหลุมฝังศพที่เป็นห้องอิฐ
หยางโปคิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เขาจะได้มาเห็นมันด้วยตาของเขาเอง!
โลงศพในเวลานี้มีส่วนที่ผุพังแล้ว หนิวเอ้อเองก็ใช้ค้อนทุบไปบนนั้น
หยางโปเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาแต่หลังจากที่เห็นสีหน้าของฉินโถวและหลูตงซิ่งไม่ได้ตกใจหรืออะไร เขาก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกมา การปล้นหลุมฝังศพแบบนี้ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สมบัติในนี้เป็นอย่างมาก แต่เป็นเพราะเวลาที่กระชั้นชิดและมีอย่างจำกัดจึงทำให้ไม่มีทางเลือกอื่น
ในเวลาอันรวดเร็วโลงศพก็ถูกทุบจนเปิดออก ทุกคนรีบเข้ามาช่วยกันเปิดฝาโลงอย่างสุดแรงทันใดนั้นก็พบว่าด้านในนั้นเต็มไปด้วยความมืดแถมกระดูกของศพก็ไม่มีเหลือแล้วเพราะตอนนี้โคลนและกระดูกได้ผสมหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย
หยางโปและอีกสามคนลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้พูดอะไร เพราะพวกเขาได้ทำข้อตกลงแล้วว่าพวกเขาจะไม่ไปแตะต้องอะไรภายในนี้ก่อนหากไม่ได้รับอนุญาตจากอีกฝ่าย
ฉินโถวหยิบไม้จิ้มฟันขึ้นมาก่อนที่จะค่อยๆเขี่ยของที่อยู่ในโลงอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น “หนิวเอ้อ พวกนายรีบไปจัดการกล่องพวกนั้น”
หนิวเอ้อรีบเดินไปก่อนที่จะทุบกล่องเหล่านั้นอีกครั้ง แต่ใช้แรงไม่มากก็สามารถทำให้ที่ล็อคที่อยู่ด้านนอกกล่องหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย
กล่องถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับแสงสีขาวที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าซึ่งด้านในมีเครื่องเงินบรรจุอยู่เต็มไปหมด
กล่องมีทั้งหมดห้าใบ กล่องแรกเป็นกล่องที่มีเครื่องเงินบรรจุอยู่แถมยังมีฝุ่นควันสีขาวๆกระจายออกมา กล่องใบที่สองเป็นกล่องที่บรรจุเครื่องทอง กล่องใบที่สามเป็นกล่องบรรจุผ้าไหมซึ่งมีการย่อยสลายหายไปตามกาลเวลาแล้ว กล่องใบที่สี่เป็นที่บรรจุกระดาษและหนังสือซึ่งได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว ทันทีที่นิ้วสัมผัสไปที่ของเหล่านั้นมันก็แหลกสลายออกกลายเป็นฝุ่นผงทันที และกล่องสุดท้ายคือกล่องที่บรรจุเครื่องเคลือบลายครามซึ่งมีเครื่องเคลือบดินเผาศิลาดลบรรจุไว้อยู่เต็มกล่องแถมมันก็ยังมีสภาพดีด้วยมีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่มีลอยแตกหักเล็กน้อย
รอบๆโลงศพทั้งสี่ด้านมีเครื่องปั้นดินเผาในยุคราชงศ์ถังซึ่งเป็นตุ๊กตาอูฐ เหล่าคนใช้และหญิงสาวอยู่ราวๆ 30-40 ชิ้น และแน่นอนว่าหลิวเอ้อก็รีบทำการเก็บมันลงกล่องอย่างรวดเร็วโดยไม่รีรอ
ของที่อยู่ภายในนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับหยางโปและคนอื่นๆ พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะดูเท่านั้น
หลังจากที่เขาหันหลังไปก็พบว่าฉินโถวกำลังหยิบตราประทับสีทองขึ้นมาชิ้นนึง ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้งเพราะเขาพอจะเดาได้ว่าของชิ้นนี้จะต้องเป็นของหลีผู่แน่ๆ
เครื่องทอง เครื่องหยกถูกนำออกมาจากโลงศพทีละชิ้นถึงแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยโคลนแต่มันก็ยังสามารถแสดงความสวยงามและความปราณีตออกมาให้ได้เห็นอย่างน่าประหลาดใจ หยางโปที่เห็นของเหล่านั้นก็เกิดตาร้อนผ่าวขึ้นมา
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโลภแต่อย่างใด
ในเวลาอันรวดเร็วฉินโถวก็นำของออกมาจากโลงศพจนหมดก่อนที่จะนำไปวางไว้ในกล่องที่พวกเขาเตรียมมา
หลังจากนั้นเขาก็หันมาหาทุกคน “เราไปดูห้องข้างๆกันเถอะ”
หยางโปและคนอื่นๆเริ่มเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาก่อนที่จะเดินตามฉินโถวไปที่ห้องถัดไป
ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนเดินไปอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะการเดินตรงเส้นทางในหลุมศพแบบนี้ยิ่งต้องก้าวเท้าให้ช้าลงมากกว่าทุกๆครั้ง