เนตรเซียนทะลุสมบัติ – ตอนที่ 239

ตอนที่ 239 หินเหล็กแขวน

ท่ามกลางความมืดตรงทางเดินในสุสาน หนิวเอ้อทำหน้าที่เดินนำหน้าสุดโดยเขาเดินไปด้านหน้าด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมากแถมยังชะลอความเร็วด้วย จนถึงตอนนี้ทุกคนไม่มีใครรีบร้อนที่จะเดินให้เร็วขึ้นเหมือนกับก่อนหน้านี้เพราะการที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแบบนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการระมัดระวังให้มากขึ้น

หนิวเอ้อเดินไปด้านหน้าด้วยการเหยียบลงที่พื้นอย่างมั่นคงก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างช้าๆ

แกร่ก! ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นพร้อมกับทุกคนที่เกิดอาการใจเต้นแรงขึ้นมาด้วยความตกใจจนต้องรีบมองไปด้านหน้า

 

“รีบถอยหลังเร็วเข้า!” ฉินโถวตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

หยางโปที่อยู่หลังสุดรีบวิ่งถอยไปด้านหลังทันทีอย่างไม่ลังเล

ตูม! เสียงก้อนหินดังขึ้นกระแทกกับพื้นพร้อมกับลมที่พัดผ่านตัวหยางโปไปในเวลาเดียวกันควันก็กระจายไปทั่วห้องจนทุกคนไอออกมา

หลังจากที่หันหลังกลับไปมองหยางโปก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะเขาเห็นมือยื่นออกมาด้านนอกโดยมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่ตรงกลางระหว่างทางเดิน

ลัวย่าวหัวและหลูตงซิ่งรีบวิ่งออกมาในขณะที่ฉินโถวนอนอยู่ที่พื้นก่อนที่จะหันกลับไปมองด้วยตัวที่สั่นเทา

 

“หินเหล็กแขวน!” ฉินโถวกัดฟันพูดด้วยความตกใจและโมโห

หยางโปรู้ในทันทีว่าตอนนี้เหลือแค่พวกเขาแค่สี่คนแล้ว ส่วนอีกสองคนที่เหลือ…..

เขาสังเกตเห็นว่าด้านข้างของก้อนหินที่ตกลงมานั้นมีเลือดไหลออกมาด้านนอก และมันยิ่งทำให้เขารู้สึกบีบหัวใจเป็นอย่างมาก

หลูตงซิ่งจับบ่าฉินโถว “ทำใจดีๆไว้นะครับอาจารย์ ว่าแต่พวกเราจะเอายังไงกันต่อ?”

ฉินโถวจ้องไปที่หินก้อนใหญ่ตรงหน้า “หินแขวนมีสามชั้น ตอนนี้ตกลงมาหนึ่งแล้ว”

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ตกลงกับทุกคนแล้วว่าจะแบ่งของให้ แต่ก็หวังว่าทุกคนจะช่วยฉันย้ายของพวกนี้ออกไปนะ”

“ของที่อยู่ห้องข้างๆอาจจะราคาไม่สูงมากก็ได้นะครับ” ลัวย่าวหัวพูดปลอบใจ

“ไม่…ห้องข้างๆมีของดีอยู่เยอะเลยล่ะ” ฉินโถวพูด

“สุสานแห่งนี้มีโอกาสที่จะมีห้องข้างๆรึเปล่าครับ?” หยางโปพูดโพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

ฉินโถวหันมามองเขา “มีห้องข้างๆอย่างงั้นเหรอ?”

 

“สุสานของต้าวหวยไทจื่อไม่ได้ตั้งอยู่สุสานกลางมันก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยมากแล้ว ทำไมถางเหวินจงถึงอยากจะฝังเขาเอาไว้แบบนี้ในตอนแรกล่ะครับ? อีกอย่างตอนที่ถางเหวินจงอยู่ก็เป็นช่วงที่เสื่อมโทรม มีโอกาสที่จะฝังศพแบบง่ายๆไหมครับ?” หยางโปถาม

ฉินโถวขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นเพราะในหนังสือประวัติศาสตร์จดเรื่องราวของต้าวหวยไทจื่อไว้น้อยมาก และตอนแรกที่เขาเจอที่นี่เขาเองก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน แต่ตอนที่เขาอยู่ด้านล่างเขาเขาก็ได้พบกับร่องรอยบางอย่างจึงทำให้เขามั่นใจขึ้นมา

“พวกเราไปกันต่อเถอะ” ฉินโถวพูด

 

หยางโปขมวดคิ้วเข้าหากันและไม่คิดที่จะเดินไปด้านหน้าอีก ตอนนี้ทางเดินอันตรายมากเกินไปเขาจึงคิดว่าจะอยู่ดูสถานการณ์ตรงสุสานหลักแทน

กับดักกระดานกรวยหนามถูกวางเอาไว้ตรงตำแหน่งห้องของสุสานหลักพอดีแถมห้องฝังศพทั้งหมดก็ตั้งอยู่ตรงส่วนบนของเขาด้วย ผนังด้านข้างมีความเรียบแถมยังมีรอยแกะสลักเมื่อนำไฟฉายส่องไปด้านบนก็พบว่ามันมีแสงอ่อนๆสว่างออกมาด้วย

ลัวย่าวหัวที่เดินอยู่ตรงกลางของห้องสุสาน “ตอนนี้พวกเราน่าจะมาถึงห้องหลังสุดแล้ว สุสานด้านหน้าไปไม่ได้ก็ไม่ต้องไปแล้ว ถ้าหากยังไม่ถูกจับได้ในครั้งนี้ ครั้งหน้าก็ยังมีโอกาสอยู่”

 

“น่าเสียดายจริงๆ” พูดจบลัวย่าวหัวก็ใช้หลังของเขาพิงไปด้านหลังเพื่อที่จะพักให้หายเหนื่อย

ตูม! ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องอ๊ากด้วยความตกใจที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง

หยางโปตกใจจนต้องรีบวิ่งออกมาดูก่อนที่จะพบว่าด้านหลังของลัวย่าวหัวมีประตูหินพังลงมาแถมลัวย่าวหัวก็ล้มไปด้านหลังด้วย

“โอ้ยยย!” ลัวย่าวหัวลุกขึ้นมาพร้อมกับลูบก้นของตัวเอง

ทุกคนที่เดินมาดูก่อนที่จะพบว่ามีห้องสุสานปรากฏขึ้นมาอีกหนึ่งห้องจนทำให้ทุกคนเกิดอาการดีใจขึ้นมา

“นายทำสำเร็จแล้วเพื่อน” หยางโปพยุงลัวย่าวหัวขึ้นมายืน

 

ลัวย่าวหัวหันกลับไปมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นห้องสุสานที่มีความกว้างราวๆสิบกว่าตารางวาเท่านั้น แต่ด้านในนั้นมีหีบวางอยู่เต็มไปหมดแถมยังสูงมากอีกด้วย

หยางโปรีบใช้ไฟฉายส่องไปที่บนกำแพงก็พบว่าบนนั้นมีภาพวาดเขียนอยู่ ซึ่งทั้งสี่ด้านของกำแพงเต็มไปด้วยรูปภาพทั้งสี่ภาพโดยเป็นภาพวาดของดวงดาวและดวงจันทร์

หยางโปกวาดตามองรอบๆก่อนที่จะพบว่าในนี้มีหีบสมบัติทั้งหมดแปดหีบ โดยที่ตรงกลางเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น ทว่าทุกคนก็ยังเกิดอาการลังเลและไม่กล้าเขาไปอยู่ดี

 

หยางโปมองไปด้านหน้าก่อนที่จะตกใจขึ้นมาอีกครั้งเพราะตัวเองเกือบลืมไปแล้วว่าเขาสามารถมองเห็นสมบัติล้ำค่าได้!

ตอนนี้ตรงหน้าของเขาเกิดแสงขึ้นและมันก็เริ่มทำให้เขาเห็นอะไรชัดเจนมากขึ้นแล้ว ที่พื้นแข็งๆตรงหน้าเต็มไปด้วยก้อนกรวดและโคลนรวมถึงสิ่งสกปรก แต่กลับไม่มีกับดักใดๆ หยางโปเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนพร้อมกับมองไปที่กำแพงรอบๆก็พบว่ามันปลอดภัยดี

หยางโปก้าวเท้าไปด้านหน้าทว่าลัวย่าวหัวก็รีบจับเขาไว้ “อยากตายรึไง?”

หยางโปยิ้ม “ไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องลับ ห้องเล็กขนาดนี้วางกับดักไม่ได้หรอก”

 

“แต่มันก็อันตรายอยู่ดี ฉันว่าไปใช้บันไดกันดีกว่า” ลัวย่าวหัวที่ถูกทำให้ตกใจจนขวัญเสียก็ไม่กล้าที่จะก้าวเท้าไปข้างหน้าอีก

ฉินโถวมองหน้าหยางโป “ถ้านายสามารถกลับไปได้อย่างปลอดภัย นายสามารถเลือกของได้หนึ่งชิ้นถ้ารวมๆกันก็ได้ถึงสามชิ้นเลยนะ”

หยางโปยิ้ม “ถ้างั้นก็ต้องขอบคุณคุณฉินโถวล่วงหน้าเลยนะครับ”

พูดจบหยางโปก็เดินไปด้านหน้าก่อนที่จะเดินไปยังหีบสมบัติ โดยหีบเหล่านี้มีการวางซ้อนกันเอาไว้สองชั้น จึงทำให้มันถูกวางเรียงกันเป็นสี่แถว หยางโปทำการยกขวานในมือของเขาขึ้นก่อนที่จะฟาดลงตัวล็อคเพื่อให้มันเปิดออก

 

หีบแรกถูกเปิดออกมาซึ่งมันถูกบรรจุไปด้วยทองจำนวนมากจนเต็มหีบ

ทุกคนเห็นว่าปลอดภัยแล้วก็รีบเดินตรงเข้ามา

ลัวย่าวหัวหยิบขวานขึ้นมาก่อนที่จะเริ่มทำการทุบเพื่อสะเดาะตัวล็อคออก

ฉินโถวใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจและดีใจ แต่เขาเองก็เริ่มระมัดระวังตัวเช่นเดียวกัน เพราะตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงแค่สี่คนเท่านั้นและทางฝั่งเขาก็เหลือเพียงตัวคนเดียวแล้ว

ในเวลาอันรวดเร็วหีบก็ถูกเปิดออกทั้งหมด หีบสองใบแรกที่อยู่ทางซ้ายมือของหยางโปเป็นหีบที่บรรจุทอง ส่วนอีกสองใบที่อยู่ฝั่งซ้ายเป็นหีบบรรจุเงิน ตรงกลางฝั่งขวาสองใบบรรจุหนังสือและตำราต่างๆ

 

หีบแรกที่บรรจุตำรานั้นเพียงแค่ใช้มือสัมผัสมันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นผุยผงแล้ว แต่กล่องที่อยู่ด้านล่างเป็นเพราะถูกปิดเอาไว้อย่างดีจึงทำให้เห็นหนังสือแปดเล่มที่วางอยู่ในหีบมีสภาพที่ดีมาก

นี่อาจจะเป็นของราชวงศ์ถัง!

กระดาษเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะเก็บไว้ โดยปกติแล้วภายในหลุมฝังศพมักจะมีหนังสือเหล่านี้เก็บเอาไว้ แต่ครึ่งหนึ่งของมันก็มักจะแปรสภาพกลายเป็นผุยผง มีเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่ยังสามารถเก็บเอาไว้ได้ในสภาพที่ดีและถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นเพราะทางทิศใต้ค่อนข้างมืดและชื้น จึงทำให้ภายในสุสานไม่สามารถที่จะเก็บรักษาหนังสือเอาไว้ได้จึงทำให้ต้องวางเอาไว้ทางฝั่งทิศเหนือเท่านั้น

 

โดยทั่วไปแล้วสมบัติที่เกี่ยวกับพวกวัฒนธรรมจะถูกเก็บเอาไว้บนที่สูงเพราะมีฝนน้อยและทำให้กระดาษไม่เปื่อยหรือฉีกขาดง่าย

หนังสือทั้งแปดเล่มนั้นมีสามเล่มที่ไม่สมบูรณ์ ในเวลาเดียวกันตอนนี้หีบสองใบสุดท้ายก็ยังไม่ได้ถูกเปิดออก

“เปิดออกให้หมดเลยแล้วค่อยว่ากัน” ฉินโถวพูด

ลัวย่าวหัวพยักหน้า เขารู้ทันทีว่าหนังสือพวกนี้มีราคาสูงหนังสือในราชวงศ์ซ่งมีราคาหลักล้าน ถ้าหากเป็นของราชวงศ์ถังคงมีราคาคูณหลายเท่าตัวและอย่างน้อยๆก็คงจะมากกว่าหลายล้าน

ในเวลาเพียงไม่นานหีบใบที่เจ็ดก็ถูกเปิดออกซึ่งในนั้นมีเครื่องทองแดงเครื่องเงินและเครื่องทองบรรจุอยู่ซึ่งมีความประณีตมากโดยด้านบนมีการตกแต่งด้วยหินหยก

 

กล่องใบสุดท้ายเป็นผ้าไหมและส่วนใหญ่ก็ได้สลายไปตามกาลเวลาเกือบหมดแล้ว หยางโปเดินเข้าไปก่อนที่จะจับผ้าไหมสีขาวผืนหนึ่งขึ้นมาซึ่งมีความกว้างหนึ่งเมตร ความยาวสองเมตรและมีความบางราวกับปีกของจั๊กจั่น

หยางโปจับผ้าไหมขึ้นมาด้วยมือเดียว

เขายิ้มก่อนที่จะหยิบผ้าไหมนั้นใส่เข้ากระเป๋า “ผ้าไหมผืนนี้ผมขอนะ ด้านในดูเหมือนว่าจะยังมีอีกผืนนะครับ”

ฉินโถวที่เพิ่งจะพูดสัญญาไปก็ไม่สามารถที่จะถอนคำพูดได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่หยิบผ้าไหมอีกผืนแทน

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เป็นเพราะพ่อที่ป่วยหนัก อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล จึงทำให้หยางโปเด็กฝึกงานของร้านขายวัตถุโบราณต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดัน เป็นเพราะจิตใจที่มีเมตตาของเขาจึงทำให้เขาได้รับหินแก้วโดยบังเอิญ จนทำให้ดวงตาของเขาสามารถประเมินสมบัติอันล้ำค่าได้ มาลุ้นกันว่าเขาจะสามารถตรวจสอบสมบัติเหล่านั้นและล้มล้างชะตากรรมได้อย่างไร…….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset