ตอนที่ 244 เป็นขโมย
พ่อของหยางหลางเอนตัวกับหัวเตียงพร้อมกับสายตาที่เหม่อลอย เขาหันไปมองหยางหลางที่นั่งกัดแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆ พร้อมกับมองมาที่เขา ภายในใจของพ่อหยางก็เริ่มเกิดอาการโมโหขึ้นมา
“ทำไมฉันถึงต้องมีลูกชายแบบแกด้วย แกมีประโยชน์อะไรบ้างเนี่ย!” พ่อหยางพูดด้วยความโมโห
หยางหลางเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหัวเราะหึหึ “แต่พ่อก็ยังมีลูกชายอีกคนไม่ใช่เหรอ? พ่อก็ไปหาเขาสิ? เขามีปัญญาจ่ายค่าโรงพยาบาลค่ายาให้พอได้ แถมยังซื้อบ้านให้อีก ทำไมไม่ไปหาเขาล่ะ?”
พ่อหยางมองหน้าหยางหลางด้วยความโกรธที่ดูเหมือนจะทวีคูณมากขึ้น “ทำไมแกถึงไม่มีความคิดริเริ่มอะไรสักนิดเลยห๊ะ! ถ้าแกหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ฉันเองก็ไม่ต้องอับอายชาวบ้านแบบนั้น!!!”
“ผมผิดอะไร? แล้วพ่อไปขายหน้าอะไรตอนไหน? ” หยางหลางกัดแอปเปิ้ลด้วยท่าทางไม่แยแส
“แก!” พ่อหยางชี้ไปที่ด้านนอกประตู “ตอนที่เราไปขายของที่ถนนใหญ่ก็มีคนเห็นหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่พยาบาลก็ยังมาถามฉันว่าฉันไปวางแผงที่นั่นได้ยังไง? เป็นเพราะไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลรึเปล่าไงเล่า!!!”
“แกลองบอกฉันสิว่าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” พ่อของเขามองออกไปนอกห้องก็เห็นว่ามีคนกำลังแอบฟังอยู่ ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก
หยางหลางส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “งั้นพ่อก็บอกมาสิว่าต้องทำยังไง”
“หลังจากแจ้งความแล้วแกได้โทรศัพท์ไปถามไหม?ได้ถามไหมว่าเป็นยังไงบ้าง?” พ่อหยางถอนหายใจออกมาพร้อมกับเบาเสียงลง
“ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ปล่อยหมายจับแล้ว แต่มันจะมีประโยชน์อะไร? จับไม่ได้ก็คือจับไม่ได้อยู่ดี”
“เกิดเรื่องขนาดนี้แกคิดว่าพวกฉันยังต้องจ่ายเงินให้กับคนเหลวแหลกแบบแกอีกไหมห๊ะ!?” พ่อหยางโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
หยางหลางหัวเราะเหอะๆก่อนที่จะเงยหน้ามองพ่อของเขา “พ่อ ที่จริงก็มีอีกที่ที่มีของดีอยู่ไม่น้อยเลยนะ แถมสามารถเอาออกมาได้แถมไม่ผิดกฎหมายด้วย พ่อจะทำไหมล่ะ?”
พ่อของเขาชะงักไปพร้อมกับถาม “ที่ไหน?”
“บ้านหยางโปไง!”
พ่อหยางอึ้งก่อนที่จะหันไปมองหยางหลาง “ความคิดดีนิ!”
พูดจบใบหน้าของพ่อหยางก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ถือว่าเป็นความคิดที่ดี ตอนนี้หมอนั่นไม่อยู่จินหลิงด้วย ในเมื่อการวางแผนลอยหน้าร้านไม่ทำให้หมอนั่นกลับมาได้ ถ้างั้นเราก็ไปเอาของที่บ้านมัน พ่อเอาของๆลูกชายไปไม่ถือว่าเป็นขโมย ฮ่าๆๆ”
หยางหลางยิ้ม “ใช่ พี่ชายหยิบของของน้องชายก็ไม่ถือว่าเป็นขโมยเหมือนกัน”
“แล้วแกรู้ไหมว่าในบ้านหมอนั่นมีของดีอะไร?”
หยางหลางยิ้ม “ของที่ทำให้เขาสามารถเก็บกลับไปได้จะต้องเป็นของดีมากแน่นอน ถ้าได้มาสักชิ้นสองชิ้น หรือหยิบเงินมาสักนิดก็ถือว่าไม่เลวแล้วนะพ่อ”
พ่อหยางพยักหน้า “โอเค งั้นนายไปซื้อของดีๆมา คืนนี้พวกเราจะไปที่นั่นกัน รอให้แม่แกกลับมาก่อน แกไม่ต้องบอกเรื่องนี้นะบอกแค่ว่าจะออกไปหาเงินก็พอ”
“โอเคพ่อ งั้นผมไปเตรียมของก่อนนะ” หยางหลางพูดจบก็รีบเดินออกไปทันที
พ่อหยางนั่งอยู่บนเตียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะหึหึออกมา
หลังจากแม่ของเขากลับมาแล้ว พ่อหยางก็กินข้าวเย็นจนหมดก่อนที่จะโกหกแม่หยางว่าออกไปเดินเล่น ทันทีที่เดินออกมาพวกเขาก็เรียกรถมาจอดหน้าหมู่บ้านของหยางโป หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกกันเดินเพื่อที่จะไม่ให้เป็นจุดเด่นก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในหมู่บ้าน
หลังจากมาถึงใต้ตึกแล้ว หยางหลางก็หันมาหาพ่อ “พ่อจำได้ไหมว่าอยู่ชั้นไหน?”
“ชั้นสิบสาม”
หยางหลางชะงักไปเพราะเขาไม่เคยมาที่นี่และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าที่นี่มีกี่ชั้น แต่หลังจากที่ได้ยินพ่อของเขาพูดเขาก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นตระหนกว่า “ทำไมพ่อไม่บอกให้เร็วกว่านี้เนี่ย? ชั้นสิบสามแล้วพวกเราจะปีนเข้าไปยังไง?”
พ่อหยางยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันดูลาดเลาที่นี่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เดี๋ยวขึ้นไปก็รู้เองแหละ”
หยางหลางมองพ่อด้วยท่าทางประหลาดใจจนทำให้พ่อหยางหน้าแดงขึ้นมา “มองอะไรของแก?”
“พ่อ นี่พ่อมีความคิดแบบนี้แต่แรกอยู่แล้วใช่ไหม? ทำไมพ่อไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ?” หยางหลางเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมา
พ่อหยางหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง “พูดบ้าอะไรของแก!”
หยางหลางหัวเราะหึหึก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟต์ไป
หลังจากที่เห็นว่าประตูล็อคอยู่หยางหลางก็หันมาถามพ่อของเขา “จะเข้าไปยังไงต่อล่ะพ่อ?”
พ่อหยางชี้ไปที่หน้าต่างสกายไลท์ที่อยู่ตรงกลางของชั้น “หน้าต่างสกายไลท์นั่นไง”
หยางหลางหันไปมอง “มันสูงมากเลยนะพ่อ ปีนไม่ถึงหรอก”
“ไอ้โง่เอ้ย! ก็ต่อตัวขึ้นไปสิวะ!”
หยางหลาง “พ่อไหวเหรอ?”
พ่อหยางส่ายหน้า “ต้องลองดู”
พูดจบพ่อหยางก็คุกเข่าลงก่อนที่จะหันไปหาลูกชาย “ขึ้นมา”
หยางหลางสะพายกระเป๋าก่อนที่จะใช้แรงเหยียบไปบนบ่าของพ่อหยาง
พ่อหยางกัดฟันแน่นในขณะที่ร่างกายกำลังสั่นไปมาด้วยความเกร็ง ตอนที่หยางหลางยืนอยู่บนบ่าของเขายิ่งทำให้เขารู้สึกร่างกายแทบจะระเบิดออกมาจนทำให้เกิดอาการหน้ามืดในทันที
โชคดีที่หยางหลางเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็วเขาจึงสามารถปีนขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็เอาเชือกห้อยลงมาเพื่อให้พ่อหยางดึงเชือกเอาไว้ ระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาแต่มือของเขาก็ยังจับเชือกไว้โดยไม่ปล่อย หลังจากรู้สึกดีขึ้นเขาก็ปีนตามขึ้นมา
ทั้งสองคนรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมากกับการออกแรงในครั้งนี้ พวกเขาจึงขึ้นมาเอนตัวพักบนดาดฟ้า ตอนนี้ยังเช้ามากจึงทำให้ยังมีคนเดินพลุกพล่านอยู่ด้านนอก พวกเขาจึงตัดสินใจรอให้ถึงสิบโมงก่อน
ต้นฤดูหนาวอากาศจะหนาวเหน็บมากเป็นพิเศษ สองพ่อลูกขดตัวอยู่ด้านข้างของห้องใต้หลังคาเล็กๆบนหลังคา แถมยังเกิดอาการหนาวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาใช้มือถูกันไปมาก่อนที่จะเป่าลมออกมาทางปากเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
หลังจากถึงเวลาแล้วคนที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มน้อยลง ในที่สุดสองพ่อลูกก็ใช้เชือกผูกกับท่อน้ำบนชั้นดาดฟ้า
พ่อหยาง “ตอนนี้พวกเราอยู่ชั้นสิบแปด ลงไปอีกแค่ห้าชั้นก็ถึงแล้ว”
หยางหลางพยักหน้า “โอเค!”
หลังจากดูแล้วว่าด้านล่างไม่มีคนหยางหลางก็ห้อยตัวลงมาตามเชือกก่อนที่จะสไลด์ตัวเข้าไปยังชั้นล่าง
พ่อหยาง “ระวัง!”
หยางหลางเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำเรื่องแบบนี้จึงทำให้ทั้งแขนและขาของเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วเท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะเขามีความกล้าหาญมากจึงทำให้เขาสามารถเคลื่อนตัวมาชั้นห้าได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เห็นว่าในห้องไม่มีใครเขาก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะเปิดหน้าต่างเข้าไปด้วยความราบรื่น
หลังจากเข้ามาในห้องแล้วหยางหลางก็รู้สึกสบายใจขึ้น เขาเดินไปเปิดไฟพร้อมกับเปิดตู้เย็น หลังจากที่เห็นว่าในตู้เย็นมีไก่ทอดวางอยู่ในนั้นเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะเขาทนหนาวเย็นอยู่ด้านนอกโดยที่ไม่ได้กินอะไรตลอดทั้งคืนมันทำให้ในเวลานี้เขาหิวมากเป็นพิเศษ
หลังจากหยิบไก่ออกมาเขาก็ใช้มือฉีกก่อนที่จะยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง หลังจากที่นึกถึงคำที่พ่อของเขาพูดเอาไว้เขาก็รีบเดินไปหาห้องหนังสือของหยางโปทันที
ห้องหนังสือของหยางโปไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ ทันทีที่เข้ามาด้านในเขาก็ได้กลิ่นควันบุหรี่ตรงจมูก เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหยางโปเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่เป็นชีวิตจิตใจ ทำไมตอนนี้เขาถึงได้แอบสูบบุหรี่ได้ล่ะ? หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งความเกลียดชังของเขาก็เกิดขึ้น หยางโปแอบซ่อนตัวเองอยู่ในบ้านตั้งหลายวันนี่เอง แต่ทำไมถึงไม่ยอมรับสายแถมยังไม่ตอบข้อความแม้แต่ครั้งเดียว!
คิดแบบนั้นเขาก็รีบเดินเข้าไปด้านในก่อนที่จะหยิบเครื่องลายครามที่วางอยู่ตรงชั้นวางใส่ลงไปในกระเป๋าของเขาทันที!