ตอนที่ 187 แกลลอรี่เบอร์ลิน
หยางโปคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถึงกับเจออุปสรรคตั้งแต่หน้าประตู นี่เกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง อุปสรรคที่หน้าประตูก็เป็นนัยถึงการเจรจาจะพบเจอกับอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า!
เขาก็แน่ใจเป้าหมายของการที่กู้ฉางซุ่นไม่อยู่อย่างสุขสบายในประเทศ แล้ววิ่งออกมาถึงเยอรมนีแล้ว
กู้ฉางซุ่นสีหน้าเขียวคล้ำ ถูกปิดประตูปฏิเสธ
พ่อบ้านคนนั้นสีหน้ากลับแฝงรอยยิ้ม “คุณกู้ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ พวกเราพบกันพรุ่งนี้!”
กล่าวจบ พ่อบ้านก็สั่งการให้ปิดประตูใหญ่
กู้ฉางซุ่นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “ต้องมีสักวันที่ฉันจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้!
กู้ฉางซุ่นจากมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็ไม่ได้พูดมาก ตามกลับไปที่โรงแรม
รอจนตอนค่ำสักหน่อยแล้ว จู่ๆ หยางโปก็ได้รับแจ้งเตือนว่าวันพรุ่งนี้ไม่ต้องไปที่คฤหาสห์ของเบอร์ด้าแล้ว ทุกคนมีเวลาว่างตามสบาย
ในใจของหยางโปกำลังคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหน คิดไม่ถึงว่ากุ้ยหรงจิ่วกับเหมยเฉาหนิงสองคนจะมาถึงห้องของหยางโปด้วยกัน
เข้ามาในห้องแล้ว กุ้ยหรงจิ่วมองเห็นตาอ้วนหลิวกำลังเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่บนเตียงก็อดหัวเราะไม่ได้ “เสี่ยวหลิว นี่นายกำลังทำโยคะอยู่เหรอ?”
ตาอ้วนหลิวชะงักการเคลื่อนไหว “อาจารย์กุ้ย คุณอย่าล้อผมเลยนะ ผมกำลังลดความอ้วน คนพออ้วนแล้วก็เจ็บป่วยได้ง่าย โรคสามสูง (ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง น้ำตาลในเลือดสูง) รักษายากมาก ดังนั้นผมอยากจะลดน้ำหนักสักหน่อย แค่ไม่เห็นผลมาตลอด”
กุ้ยหรงจิ่วคิดถึงท่าทางเรียบง่ายพวกนั้นเมื่อครู่นี้ของตาอ้วนหลิวก็หัวเราะขึ้นมา “ถ้าหากนายออกกำลังกายง่ายๆ แบบนี้แล้วสามารถลดน้ำหนักได้ก็ไม่มีคนอ้วนแล้ว จะให้ดีที่สุดนายก็ลงไปวิ่งสักหน่อย ดีกว่าวิธีนี้แน่!
ตาอ้วนหลิวคิดเล็กน้อย “ก็คงใช่ โรงแรมมียิม อีกเดี๋ยวผมจะไปลองดู!”
หยางโปนั่งอยู่บนเตียง หันไปกล่าวกับกุ้ยหรงจิ่วว่า “อาจารย์กุ้ยพรุ่งนี้มีแพลนอะไรไหมครับ?”
“พวกเราอยากไปที่หนึ่ง” กุ้ยหรงจิ่วได้ยินคำถามของหยางโปก็หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา
“ฉันกับเฉาหนิงปรึกษากันแล้ว พรุ่งนี้พวกเราวางแผนจะไปแกลลอรี่เบอร์ลิน ที่นั่นมีภาพวาดสีน้ำมันอยู่ไม่น้อย พวกเราอยู่ในประเทศมาตลอด ศึกษาเรื่องภาพวาดสีน้ำมันของตะวันตกน้อยมาก ถ้าหากต่อไปเจอกับภาพวาดสีน้ำมันจริงๆ ถ้าหากประเมินออกมาไม่ได้ งั้นก็ขายหน้าแล้ว” กุ้ยหรงจิ่วกล่าวอธิบาย
การประเมินภาพวาดเป็นจุดบกพร่องของหยางโปมาตลอด หยางโปตอบตกลงกับข้อเสนอของกุ้ยหรงจิ่วทันที “ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปดูด้วยกัน”
ตาอ้วนหลิวหัวเราะเหอะเหอะ “ขากลับก็ไปซื้อเบียร์มาอีกหน่อย
เหมยเฉาหนิงจ้องมองหน้าท้องของตาอ้วนหลิว “ฉันว่านายลดน้ำหนักไม่ได้หรอก”
ตาอ้วนหลิวหัวเราะ “อย่าน่า ยังลดน้ำหนักนะ!”
สนทนากันได้สองประโยค ตาอ้วนหลิวก็หันไปเอ่ยถามกุ้ยหรงจิ่วว่า “ครั้งนี้ถูกปิดประตูปฏิเสธ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไป จะไม่เป็นการตั้งตัวเป็นศัตรูเหรอ?”
กุ้ยหรงจิ่วส่ายหน้า “ก็ไม่แน่ ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว อีกฝ่ายถ้าหากไม่ยินยอมขายก็จะไม่ติดต่อหรอก ก่อนหน้าก็น่าจะสนทนากันสักหน่อยแล้ว ตอนนี้น่าจะไม่ยินยอมเรื่องราคา ยังไงก็ต้องต่อรองกัน”
“งั้นจะไม่ยืดยาวไปอีกนานเหรอ?” ตาอ้วนหลิวถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพวกเราอยู่ที่นี่วันหนึ่งก็จะได้เงินอีกวันหนึ่ง นายจะกระตือรือร้นรีบร้อนไปทำไม?” กุ้ยหรงจิ่วกล่าว
ตาอ้วนหลิวเบะปาก “แต่ผมยังมีเรื่องอื่นนะ!
“ฉันยังต้องบันทึกรายการนะ ฉันยังไม่รีบร้อนเลย ยังไงก็รอไปเถอะ!” กุ้ยหรงจิ่วกล่าว
หยางโปไม่ได้พูดอะไรมาก เขารอถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าหากผลลัพธ์มาเร็ว เขายังคิดจะเสนอให้ไปดูตลาดของโบราณของเบอร์ลินดู
รอจนตกดึก ข้อมูลได้รับการยืนยันไปอีกหน่อย ครั้งนี้นับว่าเจรจาล้มเหลว พรุ่งนี้จะไม่ไปที่คฤหาสน์ของเบอร์ด้า ทีมในการเจรจาจะปรึกษาแผนการขั้นต่อไป พวกของหยางโปก็จะต้องการคำแนะนำทางเทคนิค แต่เพราะว่ายังไม่เห็นถ้วยลายไก่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วม
หยางโปยังปรับเวลาร่างกายไม่ได้ แต่โชคดีที่เขาอายุน้อยยังสามารถทนต่อได้
แต่อีกทั้งสามคนไม่ไหวแล้ว ค่อยๆ คืบคลานไปจนถึงสิบโมงกว่า ทั้งสี่คนถึงได้ทานอาหารเช้า โรงแรมจัดรถคันหนึ่งส่งพวกเขาไปที่แกลลอรี่เบอร์ลิน
แกลลอรี่เบอร์ลินคืองานจัดแสดงทางศิลปะวัฒนธรรมในที่สาธารณะ มีภาพวาดแบบยุโรปจากศตวรรษที่ 13 ถึง 18 จัดแสดง ไม่ได้จัดแสดงรูปปั้น เป็นหนึ่งในคลังภาพวาดที่สำคัญที่สุดในโลก แกลลอรี่อยู่ภายใต้พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเบอร์ลิน รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าภัณฑารักษ์
รถพาทั้งสี่คนไปที่ลานกว้างด้านนอกพิพิธภัณฑ์เบอร์ลินแล้วก็ขับออกไป
มองดูรถจากไป หยางโปจู่ๆ ก็เอ่ยถามว่า “พวกเราสี่คน มีใครพูดภาษาเยอรมันได้ไหม?”
ทุกคนต่างชะงักนิ่ง กุ้ยหรงจิ่วส่ายหน้า “ฉันแก่แล้ว ปีนั้นเคยเรียนภาษารัสเซีย ตอนนี้ยังพูดได้เล็กน้อย ภาษาเยอรมันก็ช่างมันเถอะ”
เหมยเฉาหนิงกล่าวอย่างเปี่ยมพลัง “ฉันก็พูดไม่เป็น”
“พวกคุณไม่ต้องมองผมเลย ผมก็พูดไม่เป็น” ตาอ้วนหลิวกล่าว กล่าวจบเขาก็โบกมือเอ่ยว่า “ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดมาก ขอเพียงหาทางกลับไปได้ก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจมากขนาดนั้นหรอก
แกลลอรี่เบอร์ลินเก็บรักษาภาพวาดไว้ทั้งหมดกว่า 3000 ภาพ ประมาณ 1100 ภาพในนั้นจัดแสดงอยู่ในหอจัดแสดงหลัก อีก 350 ภาพสามารถชมได้ที่หอฝึกวาดภาพของแกลลอรี่ ดังนั้นมันจึงจัดแสดงไว้เยอะมาก พื้นที่ก็ไม่เล็ก
หลังจากทั้งสี่คนเข้าไปแล้ว ก็เดินไปตามหอจัดแสดงแรกสุดที่มองเห็นด้านหน้า
หยางโปเข้าใจเรื่องจิตรกรต่างชาติไม่เท่าไหร่ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นกุ้ยหรงจิ่วกับเหมยเฉาหนิงสองคนที่ออกความคิดเห็นปรึกษากัน หยางโปกับตาอ้วนหลิวก็ตั้งใจฟัง
“นี่คือผลงาน <เด็กสาวอ่านจดหมายริมหน้าต่าง> ของวอร์เมียร์ โยฮันเนส วอร์เมียร์ตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ประวัติศาสตร์บันทึกเกี่ยวกับเขาน้อยมาก อีกอย่างในตอนนั้นชื่อเสียงของเขาก็ไม่โดดเด่น ถึงขนาดที่หลังจากเขาจากโลกนี้ไปแล้ว ในปี 1696 การประมูลครั้งหนึ่งในอัมเตอร์สดัม มีภาพวาดของเขาอยู่ 21 ภาพ ภาพ <เดลฟ์> ขายไปในราคาสูงที่สุด ก็เพียงแค่ 200 กิลเดอร์ดัตช์เท่านั้น”
“ท่านนี้ก็นับตัวอย่างหนึ่งของคนที่ไม่โด่งดังในตอนที่มีชีวิต หลังจากตายไปแล้วค่อยมีชื่อเสียง ก่อนหน้านี้เขาถูกจัดให้ลดตัวอยู่แค่ในรายชื่อจิตรกรน้อยของฮอลแลนด์ แต่ตอนนี้อันดับของเขาพุ่งขึ้นสูง ร่วมกับฮาลส์และเรมแบร้นท์ เบียดกันเป็นสามยอดจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ของฮอลแลนด์”
….
ทั้งสี่คนเดินช้ามาก แต่พูดเรื่องสไตล์ของภาพรวมถึงทักษะการวาดภาพน้อยมาก เพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ดังนั้นจึงแลกเปลี่ยนเรื่องชีวประวัติของจิตรกร รวมถึงอิทธิพลของผลงานเสียมาก
ความคิดของหยางโปที่อยากจะเรียนทักษะในการประเมินภาพวาดสลายไป แต่ว่ากลับเข้าใจจิตรกรของตะวันตกที่เคยได้ยินมาขึ้นไม่น้อยเลย
ตาอ้วนหลิวดึงหยางโปไปเดินข้างหลัง เอ่ยเสียงเบาว่า “คืนนี้ฉันพานายไปเปิดหูเปิดตาดีไหม?”
หยางโปชะงัก ใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าประหลาดใจออกมา เผยความกระอักกระอวนอีกเล็กน้อย
ตาอ้วนหลิวจ้องมองหยางโป มองเห็นใบหน้าของเขาแดงเรื่อก็ชะงัก ในมือจับไปที่ปากของตนเอง “น้องชาย อย่าสนใจเลย ฉันพลั้งปากไป นายก็คิดว่าฉันไม่ได้พูดนะ ในเมื่อยังอ่อนประสบการณ์ ถ้างั้นจะเอาตัวเองไปมอบให้ดินแดนแปลกหน้านี้ไม่ได้ อีกอย่างนั้นยังเป็นสถานที่แบบนั้นอีก!”
หยางโปยิ้มอย่างประดักประเดิด “ไม่ คุณอย่าเข้าใจผิด ผมก็แค่…”
“น้องชาย ฉันเข้าใจ นายไม่ต้องอธิบาย อยู่กับนายมาหลายวันนี้ เห็นพฤติกรรมของนายเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ ฉันก็คิดว่านายเคยแล้วมาตลอด…” ตาอ้วนหลิวหัวเราะแล้วก็เอ่ยอีกว่า “ฉันเพิ่งจะนึกถึงอายุของนายออก นายเหมือนจะเพิ่งยี่สิบนี่!”