ตอนที่ 254 จากกันอย่างไม่พอใจ
กลับมานั่งในห้องส่วนตัวใหม่ หยางโปก็ยังคงไม่พูดจา
ชุยซื่อหยวนใช้แป้งปิ่งม้วนเนื้อเป็ดส่งมาให้อย่างกระตือรือร้น หยางโปเหลือบตามองแล้วไม่ได้รับมา ทั้งยังเอ่ยปากว่า ” ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้ “
” เสี่ยวโป ดูอายุเธอยังน้อย สักยี่สิบปีสินะ ! ” ชุยซื่อหยวนยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่ได้โกรธที่หยางโปปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย
” อื้ม ” หยางโปตอบคำหนึ่งแล้วดื่มชาอึกหนึ่ง
ชุยซื่อหยวนจึงเอ่ยปากว่า ” อายุยี่สิบปี ก็น่าจะเป็นวัยเรียนมหาวิทยาลัยพอดี ควรจะต้องใช้เงินของพ่อแม่ ไล่จีบสาวอย่างสบายใจไร้กังวล แต่เธอกลับเริ่มแบกรับภาระหนักของครอบครัวเสียแล้ว ภาระหนักแบบนี้ไม่ควรให้เธอมารับไปเลย “
หยางโปไม่ได้พูดจา เขาจ้องมองจอกชาที่อยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
ชุยซื่อหยวนกล่าวต่อไปว่า ” ก่อนหน้าที่จะแต่งงานก็เป็นเด็กกันทั้งนั้น เวลาแบบนี้ครอบครัวน่าจะสนับสนุนเธอมากที่สุด “
” ไม่ ตอนนี้ผมพึ่งพาตัวเองก็พอแล้ว ” หยางโปเงยหน้า กล่าวอย่างดื้อดึง
บรรยากาศภายในห้องพลันฝืดเคือง ใบหน้าของชุยซื่อหยวนแข็งค้างเล็กน้อย ปีนี้เขาอายุเกือบจะสี่สิบห้าปีแล้ว เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงระดับรองรัฐมนตรีแล้ว ปกติมีคนที่กล้าปฏิเสธเขาน้อยมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าความปรารถนาที่เขาส่งออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าจะถูกหยางโปคัดค้านอย่างแข็งกร้าว สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของเขาไม่น่าดู
” คุณอาครับ หยางโปพูดมาก็ถูกต้องนะ คนหนุ่มต้องพึ่งพาตัวเอง ! ” ชุยอี้ผิงรีบเอ่ยไกล่เกลี่ย
สีหน้าของชุยซื่อหยวนผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาไม่เคยได้เลี้ยงลูกมาก่อน ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา นี่คือลูกชายแท้ๆ ของตนเองนะ !
” ใช่ ใช่แล้ว ! เธอพูดได้ถูกต้อง คนหนุ่มก็ต้องพึ่งพาตนเอง ! ” ชุยซื่อหยวนหยิบเนื้อเป็ดที่ม้วนไว้แล้วขึ้นกัดคำหนึ่ง ในใจขมเฝื่อน ตัวเองไม่ได้เลี้ยงดู ถึงแม้จะนับญาติแล้ว ต่อไปจะอยู่ด้วยกันก็เกรงว่าจะไม่ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว
หยางโปดื่มชาอีกอึกหนึ่ง เขาไม่กินอะไรเลย เวลานี้ในใจเขากลับไม่ได้ยินดีอะไรสักนิด แต่กลับไม่สบายใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยากนับญาติไหม เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของตนหรือเปล่า ถ้าหากต้องเจอกับพ่อแท้ๆ ที่เหมือนกับพ่อหยางนั่น สู้ไม่รู้จักจะดีกว่า !
หยางโปไม่เข้าใจอีกฝ่าย และไม่ยินดีที่จะสนทนากันมากนัก
ชุยซื่อหยวนนั่งลง ภายในห้องเงียบงันลงไป ชุยอี้ผิงลุกขึ้นมาจากบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เขาอยากจะเปิดเผยความสัมพันธ์แล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ หยางโปจะตีหน้าเซ่อทำไม่รู้เรื่องก็ไม่ได้แล้ว
เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น ทุกคนจับโทรศัพท์มือถือของตนด้วยจิตใต้สำนึกแล้วถึงค่อยพบว่าไม่ใช่ของตนเอง หยางโปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองเห็นว่าเป็นสายของตาอ้วนหลิว เขาก็รับสายในทันที
” หยางโป พวกนายมาถึงจิงเฉิงแล้วใช่ไหม ? ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยถาม เช้าวันนี้เขาโทรศัพท์หาหยางโปแล้วครั้งหนึ่งจึงรู้ว่าวันนี้หยางโปจะมาถึงจิงเฉิง
” อื้ม ถึงแล้ว ” หยางโปตอบ
” คืนนี้จะไปไหม ? ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยถามทันที
หยางโปเงยหน้ามองภาพตรงหน้าครั้งหนึ่ง เห็นทุกคนจ้องมองเขาอยู่เขาก็ลังเลเล็กน้อย ใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจ ” อะไรนะ ? โอเค ฉันจะไปตอนนี้เลย ! “
” ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบร้อน นี่มันเรื่องของคืนนี้นะ ตอนนี้นายไม่จำเป็น… ” ตาอ้วนหลิวรีบเอ่ยในไมโครโฟน
หยางโปกลับไม่ได้ฟังที่เขาพูดต่อเลย แต่กลับวางสายไปทันที แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมอง
” วันนี้ก็เท่านี้ก่อนแล้วกันนะ ผมมีธุระด่วน ต้องรีบไปตอนนี้เลย “
กล่าวจบ หยางโปก็มองลัวย่าวหัว ” ย่าวหัว นายจะไปไหม ? “
ลัวย่าวหัวชะงักค้าง ถูกหยางโปทำให้ตกใจจนนิ่งอึ้งไป เขารีบกล่าวตอบว่า ” ไป ฉันจะไปกับนาย “
ชุยซื่อหยวนผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังปลุกปลอบกำลัง ” เรื่องรีบร้อนมากเลยเหรอ ? ให้อี้ผิงไปส่งเธอไหม ? “
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราเรียกแท็กไปได้ ” หยางโปรีบเอ่ยปฏิเสธ
ชุยอี้ผิงถอนหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ เขาอยากเอ่ยอธิบายก็สำลัก เวลานี้จำต้องไอออกมาอย่างแรงเท่านั้น
หยางโปกับลัวย่าวหัวสองคนเดินออกไปจากห้องส่วนตัว ชุยซื่อหยวนก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ชุยอี้ผิงรีบเอ่ยปลอบ ” คุณอาครับ คุณไม่ต้องร้อนใจ เมื่อกี้ผมกำลังคิดจะเปิดเผยเรื่องชั้นสุดท้ายนี้ไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะรีบร้อนจากไปขนาดนี้ “
ชุยซื่อหยวนส่ายหน้ายิ้มขื่น ” ช่างเถอะ ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันไม่โทษเขาหรอก เป็นฉันที่ไม่ดีเอง ปีนั้นถ้าหากไม่ทอดทิ้งเขาก็จะไม่เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องทนรับเอง ! “
กล่าวจบ ชุยซื่อหยวนก็ทุบอกชกตัว เสียใจอย่างที่สุด
ชุยอี้ผิงรีบเข้าไปห้ามเขา ” คุณอาครับ เรื่องนี้ไม่โทษต้องคุณอา ดูเหมือนหยางโปจะไม่ยอมรับง่ายๆ ต่อไปพวกเรายังต้องปรึกษากันเรื่องอนาคตของเขาให้ดี “
” อนาคตของเขา ? ” ชุยซื่อหยวนเป็นกังวลสับสน เมื่อครู่นี้รู้สึกสมองโล่งว่างเปล่า เวลานี้ถึงได้คิดขึ้นมาได้
” ใช่แล้ว ในเมื่อเขาชอบประเมิณวัตถุโบราณ ถ้างั้นต่อไปฉันก็จะส่งเขาไปเรียนปริญญาโทด้านโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ! “
” แต่ว่าเขาก็ไม่ได้จบมาโดยตรง ปริญญาตรีก็ยังไม่ได้เรียนนะครับ ? ” ชุยอี้ผิงเอ่ยถาม
” ปริญญาตรี ? งั้นก็ให้เขาจัดการเองก็แล้วกัน ! ” ชุยซื่อหยวนกล่าว กล่าวจบเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
เขาสามารถจัดการเรื่องราวให้หยางโปได้ ความเศร้าโศกเสียใจในใจของเขาก็เบาลงส่วนหนึ่ง ในใจของเขาก็ผ่อนคลายลงหนึ่งส่วน
ลิ่วหมินเดินบนรองเท้าส้นสูงข้ามถนนมาอย่างรีบร้อนเดินเข้าไปในฉวนจิ่วเต๋อ เธอไม่ได้เอ่ยถามกับพนักงานต้อนรับก็พุ่งเข้าไปในฉวนจิ่วเต๋อ ตอนที่ข้ามถนน เธอพบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ได้สนใจมากนัก เธอเดินมาถึงด้านนอกของฉวนจิ่วเต๋อก็ได้ยินบทสนทนาข้างใน
เธอมาช้าเกินไป จึงได้ยินแค่ข้างในกำลังพูดถึง ” ส่งไปเรียนปริญญาโท ” ” ปริญญาตรี ” สองสามคำนี้ ในใจเธอยิ่งกรุ่นโกรธ ผลักประตูห้องส่วนตัวอย่างแรง
” ชุยซื่อหยวน คุณจะทำอะไร ? “
จู่ๆ ลิ่วหมินก็ปรากฏอยู่นอกประตู ทำให้ชุยซื่อหยวนตกใจจนสะดุ้ง พอได้ยินเสียงตวาดแบบนี้ของเธอ ชุยซื่อหยวนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ” ฉันจะทำอะไรได้ ? “
” นี่คุณกำลังจะเลี้ยงเมียน้อย แล้วยังจะส่งเธอไปเรียนปริญญาโท ? ” ลิ่วหมินตะโกน
” ฉันอยู่กับคุณมาหลายปีนี้ อย่าบอกนะว่าคุณไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด ยังจะออกไปเลี้ยงเมียน้อยอีกเหรอ ? “
ชุยซื่อหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ชี้นิ้วไปข้างกายของตนเอง ” เธอพูดจาแบบนี้ต่อหน้าหลาน หรือว่าเธอไม่รู้สึกขายหน้าเลย ?เธอคิดว่าฉันเลี้ยงเมียน้อยยังต้องมาปรึกษาหลานอีกเหรอ ? “
ลิ่วหมินพลันชะงักนิ่งไป เธอหันหน้าไปมอง ก็เห็นชุยอี้ผิงยิ้มเจื่อนอยู่ด้านข้าง เธอก็เข้าใจทันที อดหัวเราะเก้อๆ ไม่ได้ ” โอ้ เหล่าชุย ฉันเข้าใจคุณผิดแล้ว “
ชุยซื่อหยวนส่ายหน้า ” ในเมื่อมาแล้ว ฉันก็มีเรื่องอยากคุยกับเธออยู่พอดี พวกเรามาคุยกันหน่อยเถอะ ! “
ชุยอี้ผิงได้ยินคำนี้ก็รีบลุกขึ้นยืน ” คุณอา คุณน้า ผมขอตัวก่อนนะครับ พวกคุณคุยกันเลย “
ชุยซื่อหยวนพยักหน้า ชุยอี้ผิงหยิบข้าวของแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ลิ่วหมินมองชุยซื่อหยวน ” เรื่องอะไร ทำไมต้องทำลับลับล่อล่อขนาดนี้ ? “
” เธอมาดูสิ ” ชุยซื่อหยวนส่งกระดาษแผนหนึ่งมาให้
ลิ่วหมินรับมาแล้วก้มหน้ามองลงไปอย่างอดไม่ได้ แต่กลับชะงักนิ่งค้างไปในทันที…