ตอนที่ 255 ธุรกิจครั้งใหญ่
หยางโปกับลัวย่าวหัวออกจากฉวนจิ่วเต๋อ ระหว่างทางหยางโปชนกับหญิงวัยกลางคนอายุสักสี่สิบปีคนหนึ่งที่รีบร้อนวิ่งมาครั้งหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นซวนเซเกือบจะล้มไปกองกับพื้น คิดไม่ถึงว่าจะถึงกับไม่พูดอะไรสักคำ ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปเลย
หยางโปเหลือบตามองหญิงวัยกลางคน ” ไม่มีมารยาท ! “
” ไม่มีคนสั่งสอน ! ” ลัวย่าวหัวก็ด่าตามประโยคหนึ่งแล้วเขาก็เอ่ยถามว่า ” นายจะไม่ยอมนับญาติจริงๆ เหรอ ? “
” นายรู้เรื่องนี้ก่อนแล้วใช่ไหม ? ” หยางโปมองไป
ลัวย่าวหัวชะงักแล้วส่ายหน้า ” ชุยอี้ผิงเขาบอกว่ามีเบาะแสความเป็นมาของนาย ตอนนั้นฉันประหลาดใจมาก เขาขอร้องให้ฉันปิดเป็นความลับ ฉันก็ไม่ได้พูดมากอะไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถึงกับเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย “
หยางโปส่ายหน้า ” ช่างเถอะ “
” ช่างเถอะ ? ” ลัวย่าวหัวเอยถามอย่างตกตะลึง ” อย่าบอกนะว่านายไม่คิดจะนับญาติเลยสักนิด ? นายรู้ฐานะของชุยซื่อหยวนไหม ตอนนี้เขาอายุแค่สี่สิบห้าปีก็เลื่อนมาเป็นรองรัฐมนตรีแล้ว ทั้งตระกูลชุยก็ไม่ธรรมดา อย่างน้อยที่สุดก็รับประกันได้ว่าชีวิตนี้อย่างน้อยก็ไปถึงระดับรองประธานาธิบดี ! “
หยางโปประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าไม่นานเขาก็ส่ายหน้า ” ต่อจากนี้ไปฉันแค่อยากมีชีวิตอย่างปกติสุข มีตำแหน่งมีอิทธิพลมากไปกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน “
” โอเค ถ้างั้นนายจำประโยคนี้เอาไว้นะ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้เขาจะไม่สนใจเรื่องอิทธิพลแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เข้าใจผลของการใช้มัน ! แต่ว่าสำหรับการนับญาติแบบนี้แล้วจะอาศัยแค่อิทธิพลมาฟื้นฟูไม่ได้
ทั้งสองคนเจอกับตาอ้วนหลิวอย่างรวดเร็ว เพราะว่าในช่วงนี้ต่างฝ่ายก็ไม่ได้ขาดการติดต่อกัน ตาอ้วนหลิวก็เข้าใจสถานการณ์กระอักกระอ่วนของหยางโป หลังจากเจอหน้ากันแล้วก็เอ่ยถามว่า ” หายดีแล้วใช่ไหม ? “
” เกือบหายดีแล้วล่ะ ? ” หยางโปกล่าว
” ถ้างั้นก็ดี ฉันบอกพวกนายเลยนะ ครั้งนี้อาจจะเป็นธุรกิจครั้งใหญ่เลย ถ้านายหายดีแล้วธุรกิจครั้งนี้ของพวกเราถึงจะสำเร็จได้ ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกินจริง
ลัวย่าวหัวตบบ่าตาอ้วนหลิว ” เฮ้อ เฮ้อ พวกเราจะแกล้งทำเป็นลึกลับแบบนี้ได้ทุกครั้งไหม พวกเราจะถูกนายหลอกเอาทุกครั้ง นายพูดออกมาชัดๆ เลยได้ไหม ? อย่าบอกนะว่าไปถึงแล้วถึงจะพูดให้ชัดเจนได้น่ะ ? “
ตาอ้วนหลิวหัวเราะแห้ง ” บางครั้งก็ไม่ใช่ฉันพูดไม่ชัดเจนจริงๆ นะ แต่เป็นเพราะว่าข่าวที่พวกเราได้มา บางอย่างก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้มาตรงๆ ถึงขนาดอาจจะส่งทอดมาหลายทอดแล้ว สำหรับพวกข่าวสารนี้ฉันก็รู้ไม่มาก รู้มาบ้างแล้ว ฉันก็กลัวว่าข่าวจะผิด ดังนั้นก็เลยจำเป็นต้องเป็นแบบนี้ พี่น้องทั้งสองขอให้เข้าใจกันด้วยเถอะนะ ! “
” ตาอ้วนหลิว นายหลอกคนเป็นจริงๆ ! ” หยางโปส่ายหน้ายิ้มเฝื่อน
ลัวย่าวหัวดึงตาอ้วนหลิว ” ว่ามาสิ ครั้งนี้ในเมื่อเป็นธุรกิจครั้งใหญ่ก็ต้องมีข้อมูลมาพูดแบบนี้แน่ นายว่ามาตามตรงเถอะ ถึงแม้จะหลอกพวกเรา พวกเราก็ไม่โทษนายหรอก “
ตาอ้วนหลิวพยักหน้าแล้วค่อยเอ่ยปาก ” ครั้งนี้ได้ยินว่าคนกลุ่มนี้มาจากซีหนาน พวกเขาเอาของดีมาไม่น้อย ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาเอาลายแทงสมบัติแผนหนึ่งมาขาย ! “
” ลายแทงสมบัติ ? ” หยางโปสบตากับลัวย่าวหัว ต่างก็ประหลาดใจ
ตาอ้วนหลิวรีบกล่าวรายละเอียด ” พวกนายอย่าเข้าใจผิด ลายแทงสมบัติมีอยู่จริงๆ เพราะว่าขุมทรัพย์บางที่บางแห่งต่างก็ถูกค้นพบ ถูกขุดออกมาก็เป็นเพราะมีลายแทงสมบัติอยู่ ถึงขนาดมีแผนที่ที่มาจากการศึกษาค้นคว้าของหลายชั่วอายุคนแล้วถึงวาดออกมาเป็นลายแทงสมบัติที่สมบูรณ์ภาพหนึ่ง ! “
พวกของหยางโปสองคนย่อมแจ้งแก่ใจว่าลายแทงสมบัติมีอยู่จริง พวกเขาก็เคยขุดสมบัติมากับตัวเองแล้ว แต่ว่าลายแทงสมบัติจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างโจ่งแจ้งถึงขนาดนี้นั้นทำให้พวกเขาแปลกใจจริงๆ
” ถ้าหากมีลายแทงสมบัติจริงๆ ทำไมพวกเขาไม่ไปขุดสมบัติเองล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถาม
ตาอ้วนหลิวยิ้มเฝื่อน ” อาจจะขุดมาไม่ได้มั้ง “
” ขุดมาไม่ได้ ? ” หยางโปมองไป
” แผนที่ใหญ่เกินไป หรือไม่มูลค่าของแผนที่ก็ไม่สูงพอ ไม่แม่นยำพอ ” ตาอ้วนหลิวกล่าว ” เอาล่ะ พวกเราไปดูสถานการณ์ที่นั่นกันก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ ยังไงก็ไม่เสียค่าเข้า “
ยังมีเวลาสักพักก่อนฟ้าจะมืด เดิมหยางโปคิดว่าพวกเขาจะหาร้านน้ำชาไปนั่งรอ คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินตาอ้วนหลิวกล่าวว่า ” ครั้งนี้ฉันยังต้องติดต่อคนคุ้นเคยคนหนึ่ง พวกเราไปด้วยกันเถอะ “
” คนคุ้นเคย ? ” หยางโปมองไปอย่างประหลาดใจ ไม่นานก็นึกออก ” อย่าบอกนะว่ากู้ฉางซุ่น ? “
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ” รายรับสบายๆ ก้อนหนึ่ง “
หยางโปหัวเราะแล้วค่อยนึกถึงอาชีพของตาอ้วนหลิว เขาเป็นนายหน้ามืออาชีพ ปกติทำเรื่องแบบนี้ก็ได้ค่าข่าวสาร แต่เขาไม่เคยพูดถึงมาก่อน
” ก็ดีนะ ! ” หยางโปกล่าว
รถยนต์ขับมุ่งหน้าไปที่ชานเมือง จนถึงร้านน้ำชาเหลาเฉ่อแล้วก็ลงรถ ทั้งสามคนเข้าไปแล้วก็ขึ้นไปหากู้ฉางซุ่นข้างบน พอเห็นกู้ฉางซุ่นในชุดขี่ม้าสีเทาทั้งตัวแล้ว เขาก็หันมาประสานคำนับทั้งสามคน ” ทั้งสามท่าน ฉันตั้งตารอนานแล้ว ! “
ท่าทางสุภาพแบบนี้ไม่เหมือนกับท่าทีตอนปกติของเขาเลยจริงๆ แต่ว่ากู้ฉางซุ่นลงทุนเพื่อท่าทีผู้ดีจอมปลอมแบบนี้ไปไม่น้อย หยางโปก็ไม่หวั่นเกรง มีแค่ลัวย่าวหัวที่มองอย่างชื่นชมมาก
งิ้วบนเวทีร้องท่อน ” ประหารหม่าซู่ ” กู้ฉางซุ่นเห็นหม่าซู่ถูกตัดหัวแล้วก็ตะโกนเสียงดัง ” ดี ! ” ประโยคต่อไปก็น่าตกใจจนตาแทบหลุด ” สุดยอด ! ดี ! “
เห็นท่าทีปากอ้าตาค้างของลัวย่าวหัวแล้ว หยางโปก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
งิ้วจบลงแล้ว กู้ฉางซุ่นก็หันหลังมามอง ” อยากกินอะไรก็กินได้เลย พวกเราไม่ขาดเงิน ! “
ขณะพูดท่าทีดูขึงขังกดข่ม แต่พอประกอบกับหน้าตาเข้มคล้ำของเขาแล้วก็ทำให้คนรู้สึกน่าขันจริงๆ
จากนั้นทั้งสี่คนก็นั่งอยู่ชั้นบน ชมการแสดงบนเวที กินขนมจานพิเศษพลางนั่งรอเวลาผ่านไป
ชมการแสดงไปสองชุด ดื่มชาไปสองจอกแล้ว ไปห้องน้ำมารอบหนึ่ง ตาอ้วนหลิวถึงได้เอ่ยกับทั้งสามคนว่า ” พวกเราไปกันตอนนี้เลยเถอะ ถึงแม้จะไปเร็วสักหน่อยแต่อีกเดี๋ยวคนเลิกงานรถจะติด “
” โอเค พวกเราไปกัน ! ” กู้ฉางซุ่นกล่าว
ขึ้นรถแล้วทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปที่ชานเมืองหลวง
รถติดระหว่างทางครู่หนึ่งแล้วไม่นานทางก็โล่ง ความเร็วก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ตอนที่ท้องฟ้ามืดสนิท ทั้งกลุ่มก็มาถึงชานเมืองแล้ว
พวกเขากินมื้อเย็นแล้วก็ไม่ได้รีบร้อนไป รอจนครู่หนึ่งแล้วถึงค่อยออกเดินทาง
ครั้งนี้เร็วมาก ไม่ถึงสิบกว่านาทีรถยนต์ก็เข้าไปในโรงงานเก่าโทรมแห่งหนึ่ง ทั้งสี่คนลงจากรถแล้วก็มีผู้ชายล้อมวงเข้ามา ” มาทำอะไร ? “
” ฉันคือหมายเลขยี่สิบ ” ตาอ้วนหลิวก้าวไปด้านหน้า
ภายในโรงงานไม่ได้เปิดไฟ มืดมนไปทั้งหมด แสงไฟสลัวจากโรงงานที่อยู่ไม่ไกลส่องมาแต่ก็สว่างไม่พอ ชายคนนั้นจ้องมองตาอ้วนหลิว ” เข้าไปเถอะ ไม่ต้องพูดจาเหลวไหล ! “
ตาอ้วนหลิวพาทุกคนเข้าไป ลัวย่าวหัวอดเอ่ยถามไม่ได้ ” นายไปเอาหมายเลขมาจากไหน